การได้รับความนิยมของ “กัญชา” ที่เพิ่งจะเปลี่ยนสถานะจากยาเสพติดมาเป็นพืชสมุนไพรในช่วง 1-2 ปีนี้ ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะเป็นสินค้าที่เคยต้องหาซื้อกันแบบผิดกฎหมาย เมื่อได้รับโอกาสให้ขึ้นมาวางขายอย่างถูกกฎหมาย กระแสการตอบรับจากคนไทยส่วนใหญ่จึงมีมาอย่างล้นหลาม พบว่าช่วงแรกของการปลดล็อก ราคาขายของกัญชาในบางจังหวะดีดตัวขึ้นไปสูงถึง 20,000 บาท/กิโลกรัม ถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่น่าจับตาอยากมาก...มีโอกาสได้สัมภาษณ์กับสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) ทันใจ ณ รังศรี ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม และประธานวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชา ที่เป็นบุคคลสำคัญในการสร้าง “กัญชาแคนช้างคำ” ให้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจทางเลือกในพื้นที่เป้าหมายสูงสุด ท่านได้มองกัญชาเป็นแค่พืชสมุนไพร หากแต่มองไกลไปถึงการเชื่อมโยงกับธุรกิจท่องเที่ยวเพื่อปลุกปั้นให้ จังหวัดนครพนมเป็นมหานครกัญชาของโลก
ที่มาของวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกพืชสมุนไพร หนองแคนช้าง เกิดขึ้นมาได้อย่างไร
จากการสัมภาษณ์ ท่าน ได้ให้ข้อมูลว่าหลังจากที่รัฐบาลได้มีการแก้ไขพ.ร.บ. ยาเสพติด โดยอนุญาตให้ใช้ กัญชา - กระท่อม ทางการแพทย์ได้ก็เริ่มมองเห็นทิศทางของพืชเศรษฐกิจ นั่นก็คือ กัญชา จึงไปจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนปลูกพืชสมุนไพร เหตุผลที่ต้องมีคำว่าสมุนไพร เพราะกัญชาจะเกี่ยวโยงกับแพทย์แผนไทย เพราะเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง โดยทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดก็มีนโยบายให้ปลูกกัญชา แต่มีระเบียบ วิธีการในการขอเข้าร่วมโครงการ โดยให้วิสาหกิจไปทำ MOU กับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่มีแพทย์แผนไทย ทำโครงการเสนอขั้นตอนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมพิจารณาอนุมัติ เมื่อได้รับการอนุมัติ เริ่มโครงการกัญชา 50 ต้น บนโรงเรือนขนาด 6 คูณ 12 เมตร โดยปลูกปีละ 2 ครั้ง ตอนที่ได้รับอนุญาตให้ปลูก พ.ร.บ. ยาเสพติดประเภทที่ 5 จะยกเลิกเฉพาะใบ ก้าน ราก ลำต้น ส่วนช่อดอกยังเป็นยาเสพติด วิสาหกิจก็ขายได้แค่ใบสด ใบแห้ง ก้านแห้ง รากแห้ง ส่วนช่อดอกก็ส่งกลับไปที่กรมการแพทย์ทางเลือกเพื่อนำไปปรุงเป็นยาต่อไป วิธีการปลูกกัญชาดูแลรักษา ไม่อยาก หากเข้าใจจะสามารถปลูกได้ กัญชาให้น้ำมากไปไม่ดี ไม่ชอบความแฉะ แต่ชอบความชื้น ไม่ต้องการเคมี ชอบปุ๋ยคอก ปุ๋ยขี้ไก่ ศัตรูของกัญชา คือเพลี้ย ตั๊กแตน ไรแดง โรครากเน่า เชื้อราในโคน ใบเน่า สภาพภูมิประเทศมีผลกับคุณภาพของกัญชาที่ปลูกในภาคอีสาน ภาคเหนือ หรือภาคใต้จะได้ผลผลิตไม่เหมือนกัน กัญชาคุณภาพดีที่สุดในโลกจะอยู่ที่สกลนคร นครพนม ฝั่งภูพาน ทิศตะวันออก เพราะดินเหมาะแก่การปลูกกัญชา สายพันธุ์กัญชาที่อยู่ลุ่มแม่น้ำสงครามมีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ หางกระรอกและหางเสือ เหมาะกับดินในจังหวัดนครพนม แต่ถ้าไปปลูกทางฝั่งจังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดร้อยเอ็ดก็จะมีคุณภาพอีกแบบหนึ่ง เช่นกับทุเรียนที่ไหนก็ปลูกได้ ในอีสานเขาก็ปลูกได้ แต่รสชาติคุณภาพจะไม่เหมือนกัน เขาเรียกว่าถิ่นเกิดถิ่นกำเนิดมันอยู่ที่ไหน ก็จะดีอยู่ที่นั่น คนนิยมนำกัญชาไปใช้ อย่างใบสดเขาจะไปชงเป็นชา ใช้ดื่มตอนเช้า ตอนเย็น ก่อนนอน หรือนำไปปรุงอาหาร ใส่ต้มยำ ส่วนใบแห้งเขาก็จะนำไปเป็นชาชง ไปต้มเป็นยา ก้านกับรากก็สามารถเอาไปดองเหล้าผสมน้ำผึ้งกินเป็นยา แต่น้ำมันกัญชาปัจจุบันยังผิดกฎหมาย สารสกัดจากกัญชามีค่า THC เกิน 0.2 % ถือว่ายังผิดกฎหมาย ทุกวันนี้ขายสินค้าผ่านช่องทางขายส่ง ใครสนใจก็สั่งซื้อมา ก็จัดส่งไปไม่มีนายหน้า ช่วงเริ่มต้นทำธุรกิจ เริ่มได้รับอนุญาตเมื่อปีพ.ศ. 2563 ในปีนั้นเราก็ปลูกได้ 2 รอบ ใบสดขาย กก.ละ 15,000 บาท ส่วนใบแห้งขาย กก.ละ 40,000 บาท ก้านแห้ง ลำต้นแห้งอยู่ที่ กก.ละ 15,000 บาท รากแห้งก็อยู่ที่ กก.ละ 45,000 บาท รวมแล้วเราปลูก 2 รอบ หักค่าใช้จ่ายแล้วก็จะเหลืออยู่ประมาณ 6 - 8 แสนบาท เพราะกัญชากำลังได้รับความนิยม คนก็รับประทาน มาในปัจจุบันราคากัญชาใบสดก็เริ่มผันแปรไป เนื่องจากว่าทางองค์การอาหารและยาสามารถที่จะอนุญาตให้วิสาหกิจที่ขอเข้าร่วมโครงการปลูกกัญชาได้ทั่วประเทศ จนมีจำนวนประมาณ 2,000 -3,000 แห่ง กัญชาสามารถปลูกได้ ได้รับใบรับรองเป็นวิสาหกิจเรียบร้อยแล้ว แนวโน้มของธุรกิจกัญชาในอนาคต เชื่อว่ากัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจที่จะทำให้คนไทยจะลืมตาอ้าปากได้ ทุกส่วนของต้นกัญชาเป็นสมุนไพรทั้งหมด วิธีการที่จะต่อยอดธุรกิจจากวิสาหกิจชุมชน ให้แนวคิดว่า คือจะทำเป็นชาชงและแบรนด์ แบบสินค้า OTOP สินค้าประจำถิ่น ของฝาก เพราะจะสามารถแปรรูปสินค้าได้มากขึ้น เพื่อที่ว่าใครสนใจอยากมาศึกษาดูงานว่าที่นี่เขาปลูกกัญชา ในเมื่อจังหวัดนครพนมเป็นจังหวัดที่ปลูกกัญชาที่ดีที่สุดในประเทศมีการวางแผนไว้ เพราะทางภาครัฐ และองค์กรส่วนท้องถิ่นเองก็ต้องการจะผลักดันกัญชาในเชิงสุขภาพ และเชิงการท่องเที่ยว ต่อไปในอนาคตอยากให้นครพนมจะกลายเป็นมหานครแห่งกัญชาโลก
บทสรุป
ความสำเร็จของกัญชาแคนช้างคำนั้นอยู่ที่การมองเห็นโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสถานะของกัญชาจากยาเสพติดมาเป็นพืชสมุนไพร และใช้หลักปฏิบัติง่ายๆ คือ “ทำทันที” โดยลงมือทำก่อนใคร นอกจากนี้ยังใช้วิธีการตลาดสมัยใหม่คือเน้นสร้างแบรนด์ “กัญชาแคนช้างคำ” ให้เป็นที่จดจำในภาพของสินค้าพืชสมุนไพร ซึ่งสามารถต่อยอดและเชื่อมโยงกับแพทย์แผนไทยที่ได้รับการยอมรับจากคนไทยทั่วประเทศเมื่อมารวมกับแนวคิดของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกพืชสมุนไพร หนองแคนช้างที่พยายามยกระดับกัญชาจากสินค้าโภคภัณฑ์ท้องถิ่น (Commodities) สู่การสร้างแบรนด์เพื่อยกระดับมาตรฐาน และสร้างมูลค่า จึงถือเป็นส่วนผสมที่ลงตัวสำหรับการบุกเบิกพืชสมุนไพรที่กำลังมาแรงอย่างกัญชา
การเดินทาง สถานที่วิสาหกิจชุมชนปลูกพืชสมุนไพร แคนช้างคำ อยู่ บ้านโพนงาม ม.10 ตำบลนาคำ อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม โดย บ้านโพนงาม นั้นตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัดนครพนม ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 68 กิโลเมตร ห่างจากตัวอำเภอศรีสงครามประมาณ 19 กิโลเมตร
ที่มา : นายทันใจ ณ รังศรี ประธานวิสาหกิจชุมชน (แคนช้างคำ) หมู่ที่ 10 บ้านนาคำ ตำบลนาคำ อำเภอ ศรีสงคราม จังหวัดนครพนม โทรศัพท์ 085-644-0998, 14 กรกฎาคม 2565