"วัดไผ่รอบ"

ประวัติความเป็นมาวัดไผ่รอบ

บ้านไผ่รอบเป็นพื้นที่น้ำท้วมถึง แต่เดิมนั้นเป็นผืนป่าใหญ่ ต่อมา ได้มีประชาชนเข้ามาจับจองแผ้วถางเป็นที่ทำกินจนเกิดเป็นหมู่บ้านขึ้น ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไทยทรงดำ ( ไทยโซ่ง ) ซึ่งอพยพมาจากทางใต้คือ จังหวัดเพชรบุรี และทางภาคกลางคือ จังหวัดราชบุรี จังหวัดนครปฐม จังหวัดสุพรรณบุรี นอกจากนั้นคนไทยที่อาศัยอยู่หมู่บ้านใกล้เคียงได้เข้ามา จับจองพื้นที่ทำกินเช่นกัน ต่อมามีชาวจีนที่อพยพเข้า มาอยู่ในประเทศไทย ได้เข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านไผ่รอบประกอบอาชีพทางการกสิกรรมและค้าขาย บ้านไผ่รอบในสมัยนั้นเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ อยู่ในเขตการปกครองของ ตำบลวังจิก อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร ชาวบ้านส่วนใหญ่มีฐานะ ยากจน ประกอบอาชีพทางด้านกสิกรรม ต่อมาปี พ.ศ. 2483 บ้านไผ่รอบ ได้แยกเขตการปกครองตนเองออกจากตำบลวังจิกมาเป็นตำบลผ่รอบ แต่ยังอยู่ในเขตการปกครองของอำเภอเมืองพิจิตร ต่อมาเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2510 ทางจังหวัดได้เปลี่ยนแปลงเขตการใหม่ โดยแยก อำเภอเมืองพิจิตรออกมาเป็น กิ่งอำเภอโพธิ์ประทับช้าง มีนายสัญญา ทิภานันท์ ดำรงตำแหน่งหัวหน้ากิ่งอำเภอโพธิ์ประทับช้าง บ้านไผ่รอบ จึงขึ้นอยู่ในเขตการปกครองของกิ่งอำเภอโพธิ์ประทับช้าง และต่อมาเมื่อ วันที่ 1 กันยายน พ. ศ. 2516 ได้รับการยกฐานะจากกึ่งอำเภอโพธิ์ประทับช้าง เป็นอำเภอโพธิ์ประทับช้าง มีนายมณฑล ปรีชาธีรศาสตร์ เป็นนายอำเภอคนแรก

ชาวบ้านไผ่รอบเป็นคนที่มีความสามัคคี มีความเมตตา เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ว่าจะมาจากที่ใดก็ตามหากไม่มีที่ทำกินหรือที่อยู่อาศัย ถ้าพอช่วยได้จะให้การช่วยเหลือทันทีมีกิจกรรมงานบุญหรืองานในหมู่บ้านจะบอกถึงกันเสมอมิได้ขาด หรือถ้าไม่บอกก็จะไปช่วยเหลือโดยไม่เกี่ยงงอนประดุจดังเป็นพี่น้องหรือญาติกันทั้งหมู่บ้านจึงทำให้ชาวบ้านไผ่รอบอยู่กันด้วยความสงบสุขตลอดมาการคมนาคมของชาวบ้านไผ่รอบในสมัยก่อนไปมาไม่สะดวกเนื่องจากไม่มีถนนอย่างเช่นปัจจุบัน ช่วงฤดูแล้งการสัญจรไปมา

น้ำจะล้นออกจากแม่น้ำยมมาเต็มทุ่งนา ต้องเดินด้วยเท้า ล้อ เกวียนหรือขี่ม้า พอถึงฤดูฝนช่วงน้ำหลากชาวบ้านจึงได้เปลี่ยนการสัญจรจากการเดินเท้าเป็นเดินทางด้วยเรือไปตามลำคลองแต่ก็ยังไม่สะดวกเพราะต้องใช้ระยะเวลานานในการเดินท าง เช่นไปทำธุระในตัวเมืองพิจิตร ต้องเดินทางแต่เช้าตรู่ประมาณตีสี่ ( 04.00 น. )หากสายอากาศจะร้อนหรือไปถึงช้ากลับไม่ทันในวันเดียวกันถ้าซื้อของหรือมีสัมภาระต้องใช้วิธีหาบคอนเป็นระยะทางประมาณ 30 กิโลมตรกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาค่ำมืดจึงได้ประชุมปรึกษากันในการที่จะสร้างวัดขึ้นที่เพื่อเป็นศูนย์กลางยึดเหนี่ยวทางจิตใจและการจัดกิจกรรมต่าง ๆในการเชื่อมความสามัคคี อีกทั้งเป็นการสะดวก

ต่อการประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา การฟังธรรมและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาชาวบ้านไผ่รอบจึงได้ตกลงใจในการที่จะสร้างวัดขึ้นในหมู่บ้านของตน โดยได้รวบรวมเงิน ที่ชาวบ้านไผ่รอบช่วยกันสละมาได้พอประมาณที่จะทำการขอซื้อที่ดินของ นายเขียว แซ่ตั้ง เป็นชาวจีนที่มีภรรยาเป็นคนไทย อาศัยอยู่ที่บ้านไผ่รอบ ที่ดินแปลงนี้ใช้ประกอบอาชีพทำไร่ เป็นที่ดอนไม่มีน้ำท่วมถึง นับว่าเป็นสถานที่ๆเหมาะแก่การสร้างวัดด้านหน้าติดลำคลอง สามารถใช้สัญจรไปมาได้สะดวก โดยมีเนื้อที่ทั้งหมด จำนวน 22 ไร่ 3 งาน 93

ตารางวา ( จากบัญชีสังฆภัณฑ์วัดไผ่รอบ พ.ศ.2516 ) โดยมีผู้ใหญ่จุ้ย ไม่ทราบนามสกุล พร้อมด้วยตาแป ผู้เป็นพ่อผู้ใหญ่ปั่น เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ได้ซื้อที่ดินมาเป็นจำนวนเงินทั้งหมด 4 บาท ( สี่บาทถ้วน ) และได้ทำการออกรางวัดโดยกำนันตำบลวังจิก ซึ่งดำรงตำแหน่งในขณะนั้นทำการเริ่มสร้างวัดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2461 โดยได้สร้างกุฏิขึ้นแถวชายคลอง เป็นกุฏิทำด้วยไม้จริง เครื่องบนไม้ไผ่ หลังคามุงด้วยหญ้าแฝก 3 หลัง โดยแต่ละหลังมีขนาดกว้าง 5.50 เมตร ยาว 18 เมตร แบ่งออกหลังละ 3 ห้อง รวม 9 ห้อง เพื่อ ให้เป็นที่อยู่อาศัยของพระภิกษุสงฆ์ และได้สร้างหอสวดมนต์หอฉันขึ้นอีก 1 หลัง ทำด้วยไม้จริง หลังคามุงแฝกสร้างเสร็จเมื่อ วันที่ 22

มิถุนายนพ.ศ.2461ตรงกับ วันอาทิตย์แรม 9 ค่ำ เดือน 7 เมื่อสร้างเสร็จได้ไปนิมนต์พระ สงฆ์มาอยู่จำพรรษา ประมาณ 8 รูป โดยมีพระอาจารพรหมา สุมงคโลเป็นหัวหน้าผู้ปรกครองดูแลหลังจากนั้นบ้านไผ่รอบก็เจริญขึ้นเรื่อยมา ชาวบ้านมีความ เป็นอยู่ดีขึ้น

มีฐานะมั่นคงขึ้น จึงได้ช่วยกันทำนุบำรุง และบูรณปฏิสังขรณ์ วัดไผ่รอบตลอดมาตาม ลำดับจนถึงปัจจุบันนี้

ที่ตั้ง : วัดไผ่รอบ หมู่ 8 ตำบลไผ่รอบ อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร

โทรศัพท์ : 0623145544


ผู้ให้ข้อมูล พระอนันต์ นำพวก พระวัดไผ่รอบ

ผู้เรียบเรียง นางสาวศิรินันท์ ยอดนุ่ม

กศน.ตำบลไผ่รอบ อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร

โทร : 096-9067483

Email : sirinandp@gmail.com