ติดตาม Taweekit Radio เวลา 08.00-20.00 น. ทุกวัน
รวบรวม 11-01-61
updated: 02 ก.ค. 2558 เวลา 09:00:00 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
สำหรับคนบุรีรัมย์และชาวอีสานใต้คงคุ้นหูกับชื่อ "ห้างทวีกิจ" ห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ที่อยู่คู่เมืองบุรีรัมย์มากว่า 40 ปีเป็นอย่างดี โดยเริ่มบุกเบิกมาจากร้านขายของชำเล็ก ๆสู่ห้างสรรพสินค้าแห่งแรกของจังหวัด ขยายกิจการหลายสิบสาขา และฝ่าฟันวิกฤตต้มยำกุ้งอันสาหัส ด้วยพลังของ "ทวี โรจนสินวิไล" ผู้ก่อตั้ง กับภรรยาและลูก ๆ จนสามารถกลับมาเริ่มต้นธุรกิจได้อีกครั้งในปี 2545 ในชื่อ "ทวีกิจ ซุปเปอร์เซ็นเตอร์"
นอกจากห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ คือ ทวีกิจ พลาซ่า, ทวีกิจ ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ ในจังหวัดบุรีรัมย์ และทวีกิจ คอมเพล็กซ์ ในจังหวัดสระบุรีแล้ว ยังมีร้านค้าสาขาในอาณาจักรทวีกิจอีกกว่า 100 สาขา กระจายอยู่ในพื้นที่อีสานใต้ เช่น บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ มหาสารคาม นครราชสีมา โดยในปี 2557 ที่ผ่านมา เครือทวีกิจกรุ๊ปมีรายได้รวมกันกว่า 1,000 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการในแต่ละปีเติบโตกว่า 12-15%
ปัจจุบันทายาทรุ่นที่ 2 ถือเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญยิ่ง ซึ่งต้องเผชิญกับโจทย์การตลาดใหม่ ๆ ตลอดเวลา "ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ 3 สาวกรรมการบริหารบริษัทในเครือทวีกิจกรุ๊ป "ดรุณี-เพียรใจ โรจนสินวิไล" และ "ศิรินันท์ ธงศรีเจริญ"
ผู้บริหารทั้งสามบอกว่า จุดเด่นของห้างสรรพสินค้าในเครือทวีกิจ คือ สินค้าที่จำหน่ายในราคาถูกกว่าที่อื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด ตามนโยบาย "เปาะ หลี ตอ เซียว" ของผู้เป็นพ่อ คือ ขายแต่ละชิ้นได้กำไรน้อยแต่ขายจำนวนมาก ทำให้สินค้าของทวีกิจราคาถูกทุกชนิด รวมทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากซัพพลายเออร์ด้วย ทั้งสินค้าและราคาจึงถึงมือผู้บริโภคโดยตรงโดยไม่ผ่านมือที่สาม
นอกจากนโยบายนำความประหยัดสู่ชุมชนแล้วการที่ทวีกิจกรุ๊ปยึดนโยบายไม่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของมึนเมาในร้านสาขาและบุหรี่ทำให้การขยายสาขาไปยังชุมชนต่าง ๆเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ถูกต่อต้านจากชุมชนใกล้เคียง ปัจจุบันจึงมีร้านค้าในอาณาจักรของทวีกิจรวมแล้วกว่า 117 สาขา โดยมีจังหวัดบุรีรัมย์เป็นฐานที่มั่นสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ด้วยเศรษฐกิจในจังหวัดบุรีรัมย์ที่กำลังร้อนแรง ทำให้กลุ่มโมเดิร์นเทรดเข้ามาลงทุนในบุรีรัมย์อย่างไม่ขาดสายไม่ว่าจะเป็นบิ๊กซี แม็คโคร โฮมโปร รวมทั้งห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ทำให้ทวีกิจกรุ๊ปต้องขยับปรับกระบวนทัพครั้งใหญ่ เพื่อเตรียมรับมือกับศึกค้าปลีกในจังหวัดบุรีรัมย์ที่กำลังระอุขึ้นทุกขณะ
ในปี 2556 ทวีกิจกรุ๊ปได้ทุ่มงบประมาณกว่า 150 ล้านบาท เพื่อรีโนเวต "ทวีกิจซุปเปอร์เซ็นเตอร์"ให้มีความทันสมัยครบเครื่องมากยิ่งขึ้น โดยมีทั้งโรงภาพยนตร์ 5 โรง สินค้าแบรนด์เนม ลานอีเวนต์ ร้านอินเตอร์แบรนด์ สินค้าไอที และสินค้าอุปโภคบริโภคที่หลากหลาย
ทั้งนี้ได้รีโนเวตพื้นที่ในห้างใหม่ ด้วยการต่อเติมอาคารเพิ่มขึ้นอีกชั้นหนึ่ง พื้นที่ประมาณ 8,800 ตารางเมตร เพื่อเพิ่มพื้นที่ของส่วนร้านเช่าและศูนย์อาหาร นอกจากนี้ยังปรับปรุงพื้นที่ด้านหน้าของห้างที่ยังเป็นรูปแบบดั้งเดิมให้มีความทันสมัยมากขึ้นรวมทั้งจัดวางเลย์เอาต์ปรับพื้นใหม่ปรับปรุงส่วนบิวตี้โซนรวมทั้งเปลี่ยนเชลฟ์วางสินค้าใหม่ที่ใช้มานานกว่า13ปีให้ทันสมัย โดยได้รับความร่วมมือจากซัพพลายเออร์ในการร่วมตกแต่งเชลฟ์สินค้าให้สวยงามด้วย
แม้การเปิดตัวของโมเดิร์นเทรดจะทำให้ทวีกิจต้องได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกยังไม่พร้อมนัก เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่บิ๊กซีเปิดตัวก็ทำให้ห้างทวีกิจ ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ เงียบเหงาไปกว่า 3 เดือน ยอดขายลดลงกว่า 30-40% และต้องใช้เวลาถึง 6-7 เดือน ลูกค้าจึงเริ่มกลับมา รวมทั้งยอดขายที่ค่อย ๆ ฟื้นตัวจนเพิ่มมากกว่าช่วงที่บิ๊กซีเปิดเสียอีก
ทั้งนี้ยังมองว่าการมาของโมเดิร์นเทรดช่วยกระตุ้นทวีกิจเร่งพัฒนาตัวเองได้มากอีกทั้งยังช่วยเรียกลูกค้าให้ทวีกิจในอีกแง่หนึ่งเนื่องจากเมื่อมีโมเดิร์นเทรดมาอยู่ใกล้ๆจะทำให้ผู้บริโภคได้เปรียบเทียบความแตกต่างด้านราคาได้อย่างชัดเจน เพราะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำหน่ายในราคาถูกนี้ ถือเป็นจุดขายของห้างที่ทำให้ผู้บริโภคยังคงใช้บริการห้างทวีกิจอย่างเหนียวแน่นมากว่า 40 ปี
ปัจจุบัน ทวีกิจ ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ กำลังพยายามพัฒนาสินค้าให้มีความพร้อมมากขึ้น เช่น ของสด รวมทั้งปรับปรุงระบบการจัดการภายใน และลดค่าใช้จ่ายในบางสาขาด้วย อีกทั้งปัจจุบันเศรษฐกิจพื้นที่ใกล้เคียงเริ่มเติบโตมากขึ้นตามบุรีรัมย์ จึงเตรียมที่จะขยายสาขาในพื้นที่ที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าว่าสิ้นปี 2558 นี้จะมีสาขาประมาณ 120 สาขา และคาดว่าจะสามารถทะลุ 250 สาขาได้ภายใน 5 ปี
แม่ทัพทวีกิจกรุ๊ปยังบอกอีกว่า เพื่อกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจค้าปลีกที่มีคู่แข่งเพิ่มเข้ามาเรื่อย ๆ ทวีกิจกรุ๊ปยังเตรียมแตกไลน์ธุรกิจใหม่ คือ ธุรกิจโรงแรม โดยมีโครงการก่อสร้างบูติคโฮเต็ล ขนาดประมาณ 70 ห้อง ในพื้นที่ด้านหลังห้างทวีกิจ ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ เพื่อให้สามารถลงทุนและบริหารได้ง่าย รองรับกลุ่มเซลส์และซัพพลายเออร์ที่เป็นลูกค้าในมืออยู่แล้ว รวมทั้งนักท่องเที่ยวทั่วไปด้วย
นี่คือจังหวะก้าวของทวีกิจกรุ๊ป ทุนค้าปลีกที่อยู่คู่เมืองบุรีรัมย์มานานนับ 4 ทศวรรษ ซึ่งยังคงรักษาจุดแข็งนำความประหยัดสู่ชุมชน ท่ามกลางวงล้อมของบิ๊กเพลเยอร์จากรอบทิศ
"คิงเพาเวอร์" เล็งปักธงในไอ-โมบายฯ
ความคึกคักของเมืองบุรีรัมย์หลังจากผงาดขึ้นเป็นเมืองสปอร์ตซิตี้ในช่วง2 ปีที่ผ่านมา เป็นแม็กเนตดึงดูดนักท่องเที่ยวและแฟนกีฬาหลั่งไหลเข้าสู่จังหวัดบุรีรัมย์ไม่ขาดสาย โดยเพิ่มจำนวนมากขึ้นใกล้ที่จะทะลุ 2 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยวเกือบ 2,000 ล้านบาท ธุรกิจที่ได้อานิสงส์ไม่น้อยเช่นกันก็คือ ภาคค้าปลีก
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการค้าปลีกที่เป็นทุนท้องถิ่นรายใหญ่ 2 ราย ได้แก่ "ทวีกิจซุปเปอร์เซ็นเตอร์" ห้างเก่าแก่รายเดียวของเมืองบุรีรัมย์ โดยยึดทำเลใจกลางเมือง
ส่วนรายที่ 2 ที่กิจการเติบโตเงียบ ๆ ก็คือ "ฮกกี่ซุปเปอร์มาร์ท"เป็นทุนจากอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ข้ามห้วยมาปักหลักเป็นสาขาที่ 2 อยู่ที่อำเภอนางรอง เน้นการค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก
ขณะที่กลุ่มโมเดิร์นเทรดจากส่วนกลาง ก็พาเหรดเข้ามายึดหัวหาดกันครบทุกค่ายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแม็คโคร บิ๊กซี เทสโก้ โลตัส รวมถึงกลุ่มยักษ์วัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านทั้งโฮมโปร ไทวัสดุ และโกลบอลเฮ้าส์
ล่าสุดนี้ห้างสรรพสินค้าโรบินสันในเครือเซ็นทรัล ก็ได้เปิดให้บริการเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน
นอกจากนั้น ค้าปลีกในรูปแบบคอมมิวนิตี้มอลล์ก็มีให้เห็นแล้ว โดยนักธุรกิจท้องถิ่นได้ทุ่มทุนสร้าง "ไลฟ์ลี่ มาร์เก็ต" (Lively Market) รองรับการใช้ชีวิตยามเย็นของชาวเมืองบุรีรัมย์และนักท่องเที่ยว
ที่สำคัญภายในสนามไอ-โมบายสเตเดียม ก็กำลังจะเผยโฉมโครงการ "บุรีรัมย์ แคสเซิล ไลฟ์สไตล์ อเวนิว" ซึ่งจะเป็นศูนย์รวมร้านค้าอินเตอร์แบรนด์รองรับตลาดพรีเมี่ยมทั้งนักกีฬาและผู้ติดตาม กรรมการ แฟนบอล รวมถึงกลุ่มนักบิดมอเตอร์สปอร์ตทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ดบอกว่า โครงการนี้จะแล้วเสร็จประมาณปลายปีนี้
อีกทั้งยังมีกระแสข่าวว่า เจ้าพ่อดิวตี้ฟรี "คิง เพาเวอร์" เตรียมเคลื่อนทัพมาปักธงที่นี่ในเร็ว ๆ นี้อีกด้วย
แดนเซราะกราว จึงมีแหล่งช็อป-ชิลเพื่อรองรับได้ครบทุกเซ็กเมนต์