สิ่งที่สืบทอด จากรุ่นสู่รุ่น
ผ้าทอไทลื้อบ้านหาดบ้ายทรายทอง
ชาวไทลื้อ “แม่หญิงนุ่งซิ่นไทลื้อใส่เสื้อปั๊ด ผู้ชายใส่ชุดไทลื้อ” จากคำกล่าวนี้คือเอกลักษณ์ของชาวไทลื้อที่มีเสื้อผ้า ผลิตขึ้นมาด้วยตัวเอง และยังมีลวดลายบนผืนผ้าที่ไม่เหมือนใคร เป็นสิ่งที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น บ้านหาดบ้าย ตั้งอยู่ในหมู่ 1 ตำบลริมโขง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เป็นวัฒนธรรมของชนชาติพันธุ์ไทลื้อ ที่อพยพมาจากแคว้นสิบสองปันนา ที่ในปัจจุบันเป็นเขตปกครองพิเศษของสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นหารหนีสงครามการสู้รบเพื่อแย่งดินแดนของประเทศจีน และประเทศเมียนมาร์ ในสมัยนั้น อพยพมายังที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงและได้ปักหลักอยู่ในประเทศไทยในเวลาต่อมา ด้วยการหนีสงครามจึงไม่สามรถนำเอาสิ่งของ หรือแม้แต่เครื่องนุ่งห่มติดตัวมาด้วยมากนัก ด้วยเรื่องความยากลำบากในการเดินทางที่มีระยะทางแสนไกล และการเอาชีวิตรอดต่าง ๆ จึงต้องสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยภูมิปัญญาของบรรพบุรุษเอง อย่าง เช่น ผ้าทอไทลื้อ ด้วยคนสมัยก่อนจะนำเอาเมล็ดฝ้ายมาปลูก ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่สามารถนำมาแปรรูปเป็นเส้นไหมต่าง ๆ นำมาทอผ้าเพื่อใช้เป็นเครื่องนุ่งห่มต่าง ๆ มีการจกลายในผ้า ทำให้เกิดลวดลายสวยงามจนเป็นที่ตราตรึงให้ผู้คนที่มาพบเห็นสนใจและอยากใส่ตามจึงเกิดเป็นอาชีพสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวเป็นอย่างมาก
สุขาวดีผ้าทอไทลื้อ เป็นอีกแห่งหนึ่งที่คงอนุรักษ์ความงดงามของผ้าทอไทลื้อในสมัยเดินไว้เป็นอย่างดี โดยมีประวัติความเป็นมาดังนี้ ในสมัยบรรพบุรุษ รุ่นคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย หรือประมาณ เกือบ 200 ปี มาแล้ว บรรพชนไทลื้อนิยมทอผ้าฝ้ายจากฟองฝ้าย ที่ปลูกเองตามเนินเขา หรือจากสวนไร่ เช่น ผ้าซิ่น เสื้อ กางเกง ผ้าปูที่นอน ถุงย่าม เป็นต้น โดยบรรพบุรุษชาวไทลื้อ นิยมและชื่นชอบในภูมิปัญญาและรักษาความเป็นเอกลักษณ์นี้มาโดยตลอด ประมาณปี พ.ศ.2527 นางสุขวดี ซึ่งในขณะนั้นได้รับเลือกให้เป็นประธานแม่บ้าน บ้านหาดบ้ายได้ริเริ่มใช้ฝ้ายเป็นวัตถุดิบมาถักทอ เป็นผลิตภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ เช่น ผ้าซิ่น ผ้าปั๊ด ผ้าปูโต๊ะ ผ้ารองเท้าแก้ว รองจาน มีลวดลายเป็นสีดำ สีแดง เป็นรูปสัตว์ รูปดอกไม้ โดยใช้ลวดลายจากผ้าทอรุ่นเก่าๆที่เก็บสะสมไว้ หรือนำความรู้มาจากผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านมาเป็นตัวอย่าง ผลปรากฏว่าได้รับความสนใจจากผู้มาเที่ยวชมในหมู่บ้านเป็นอย่างดี มี พ.ศ.2531 นางสุขวดี ติยะธะ ได้มีโอกาสนำผลิตภัณฑ์ผ้าทอไทลื้อบ้านหาดบ้ายไปแสดงและจำหน่ายในงาน “ลีลาผ้าฝ้าย” ที่จัดขึ้นโรงแรมเชียงใหม่ออร์คิด ซึ่งการออกงานครั้งนั้นได้สร้างความประทับใจและได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมา และสามารถจำหน่ายสินค้าได้เป็นอย่างดีนับแต่นั้นเป็นต้นมา
นอกจากนี้ยังมีศูนย์การเรียนรู้และจำหน่ายสินค้าหัตถกรรมเริ่มต้นจากการที่แม่บ้านมารวมตัวกันตัดเย็บเสื้อผ้าเพื่อไว้ใช้ในครัวเรือนและจำหน่ายบางส่วนในช่วงว่างจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรโดยเป็นการทอผ้าลายต่าง ๆ โดยใช้และกองป้ายจากธรรมชาติมาปั่นเป็นเส้นด้ายเพื่อนำมาถักทอเป็นผืนผ้าที่มีลวดลายโบราณหรือทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นในปี 2558 รัฐบาลได้มีงบประมาณผ่านกองทุนแม่บ้านคือโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวประชารัฐสนับสนุนงบประมาณจำนวน 500,000 บาทแต่ขาสถานที่ประกอบการประธานกองทุนแม่บ้านจึงได้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากทางองค์การบริหารส่วนตำบลริมโขงจำนวน 250,000 บาทโดยผ่านวิธีการประชาคมหมู่บ้านเพื่อขอปรับปรุงสถานที่ตั้งสถานที่การทอผ้าและสถานที่จำหน่ายสินค้าของกลุ่มต่อมาในปี 2561 รัฐบาลได้มีงบประมาณโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวประชารัฐเพิ่มขึ้นอีก 300,000 บาททางกลุ่มจึงได้นำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการซื้อสินค้าเพื่อมาจำหน่ายภายในศูนย์ปัจจุบันศูนย์ผ้าทอไทลื้อมีสมาชิกเพิ่มมากขึ้นมีลูกค้ามาอุดหนุนไม่ขาดสายพร้อมทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้การทอผ้าไทลื้อนี้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติและเรียนมาเยี่ยมชมเลือกซื้อสินค้าอยู่ในเมืองซึ่งรายได้สร้างรายได้เสริมให้กับสมาชิกในกลุ่มและสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนพร้อมทั้งเป็นการเก็บรักษาอัตลักษณ์ความเป็นชาติพันธุ์ไทลื้อการอนุรักษ์สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป ทั้งหมดนี้เกิดจากภูมิปัญญาของชาวชาติพันธุ์ไทลื้อ ที่บรรพบุรุษถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังสืบทอดศลิปะวัฒนธรรมจากผ้าทอไทลื้ออันมีคุณค่าสร้างเงิน สร้างงาน สร้างอาชีพหล่อหลอมให้ชาวไทลื้อได้มีเอกลักษณ์คงอยู่สืบไป
ผู้ให้ข้อมูล นางสุขาวดี ติยะธะ
ผู้เรียบเรียง นายอดุลย์ อินนันใจ
ผู้ถ่ายภาพ นายอดุลย์ อินนันใจ
แต่เดิมวิถีชีวิตของบรรพบุรุษ มีการใช้ไม้ไผ่ซึ่งเป็นวัสดุจากธรรมชาติ หาได้ง่าย และมีอยู่ในท้องถิ่นอยู่แล้ว จึงนำมาจักสานเพื่อใช้ประโยชน์และอำนวยความสะดวกในกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ทำสืบทอดกันมาแต่โบราณ ปัจจุบันมีผู้ที่สามารถทำงานจักสานนี้ได้น้อยลง หรือแทบจะเหลือน้อยมาก ดังนั้นการจักสานจึงสามารถทำรายได้ เป็นกิจกรรม เป็นการส่งเสริมที่จะสามารถหารายได้เข้าสู่ครอบครัวอีกทางหนึ่ง นายอรุณศักดิ์ รุ่งแสงทอง เป็นผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านที่ประกอบอาชีพเสริมในเรื่องการจักสานเป็นสิ่งของใช้ต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม ความรู้ความสามารถในการจักสานไม้ไผ่นั้นได้รับมาจากคุณพ่อ เนื่องจากในสมัยก่อนนั้นจะปลูกบ้านเป็นกระท่อมโดยใช้วัสดุส่วนใหญ่จากไม้ไผ่ และของใช้ต่างๆ บางส่วนก็ทำมาจากไม้ไผ่ เช่น เก้าอี้ โต๊ะ หมวก ตะกล้า หวดข้าว กระติ๊บข้าว ฯลฯ เป็นต้น
ปัจจุบัน นายอรุณศักดิ์ รุ่งแสงทอง มีอายุ 62 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 33/พ ม.7 ตำบลริมโขง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ถือได้ว่ามีฝีมือเป็นที่ยอมรับในชุมชนในเรื่องการจักสานไม้ไผ่ เนื่องจากตำบลริมโขงอำเภอเชียงของ ได้มีโรงเรียนผู้สูงอายุ คุณพ่ออรุณศักดิ์ ก็เป็นหนึ่งในนักเรียนผู้สูงอายุด้วย เพื่อให้ใช้เวลาว่างของผู้สูงอายุให้เกิดประโยชน์ และส่งเสริมสภาวะกาย จิต สมอง ของผู้สูงอายุของตำบลริมโขงนั้น กศน.อำเภอเชียงของจึงได้เชิญคุณพ่ออรุณศักดิ์ มาถ่ายทอดความรู้ จัดกิจกรรมเล็กๆ ที่ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุได้บริหารสมองและเคลื่อนไหวร่างกงกาย นอกจากนี้ยังได้เชิญมาเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ที่มีความสนใจในอาชีพจักสานไม้ไผ่ เป็นการให้ความรู้ ฝึกประสบการณ์ และสร้างทักษะในการประกอบอาชีพของผู้เรียนอีกด้วย
แม้อาชีพจักสานไม้ไผ่จะค่อยๆเลื่อนหายไปตามกาลเวลา เนื่องจากมีนวัตกรรมและเครื่องอำนวยความสะดวกเข้ามาแทนที แต่อาชีพจักสานยังคงมีผู้สืบทอดต่อไปเป็นการสืบสานภูมิปัญญาและวัฒนธรรมที่มีมาแต่เดิม การใช้ประโยชน์จากไม้ไผ่ก็ยังคงเป็นการสร้างมูลค่า สร้างทรัพย์ สร้างอาชีพให้ผู้ที่สนใจได้อย่างแท้จริง
ตำแหน่งที่ตั้ง : 33/พ ม.7 ตำบลริมโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย 57140
ผู้ให้ข้อมูล : นายอรุณศักดิ์ รุ่งแสงทอง
ผู้เรียบเรียง : นายอดุลย์ อินนันใจ
ภาพถ่ายโดย : นายอดุลย์ อินนันใจ ครู กศน.ตำบลริมโขง