วัดเตาอิฐ ตั้งอยู่บ้านเตาอิฐ หมู่ที่ 4 ตำบลบางคา อำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2415 ซึ่งมีขุนรักษาผลาผล (ยิ้ม) กำนันตำบลบางคา เป็นผู้มอบที่ดินถวายเพื่อสร้างวัด และพระครูญาณรังสี มุนีวงศ์ (แทน) เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นผู้ดำเนินการสร้างวัดเตาอิฐ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2419 ชื่อวัดเตาอิฐ เป็นชื่อที่มีข้อสงสัยว่าทำไม ตั้งชื่อนี้ สืบเนื่องเมื่อครั้งหลวงพ่อจันทร์ เจ้าอาวาสวัดองค์ที่ 2 ของวัดญาณรังสี ซึ่งท่านมีเชื้อสายมอญในขณะที่ท่านดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสนั้นท่านชอบพักอาศัยอยู่ตึกอิฐฉาบปูน จึงได้ทำการสร้างกุฎิขึ้นหลังหนึ่ง ก่อด้วยอิฐฉาบปูน หลังคาเป็นโครงไม้มุงกระเบื้อง ซึ่งในการก่อสร้างกุฎิ หลังนี้ต้องใช้อิฐเป็นจำนวนมาก ท่านให้ปั้นอิฐโดยการสร้างเตาเผาขึ้นเอง ในบริเวณป่าช้าของวัด ชาวบ้านจึงเรียกชื่อวัดนี้จนติดปากว่า “วัดเตาอิฐ”
วัดเตาอิฐมีเรื่องเล่ามากมายแต่ออกไปแนวสิ่งลี้ลับ ซึ่งภายในบริเวณวัดจะมีต้นไม้ป่า เช่น ตะเคียน ยางนา ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้ร่มรื่น พอยามเย็นจะรู้สึกวังเวง กล่าวกันว่าบางคนก็พบสิ่งลี้ลับภายในวัดแห่งนี้อีกด้วย
ความโดดเด่นของวัดเตาอิฐที่เห็นได้ชัดเจนคือ ต้นโพธิ์ที่มีใบสีขาว ซึ่งเป็นหนึ่งใน คำขวัญของอำเภอราชสาส์น ก็คือ “ อำเภอราชสาส์น ตำนานเมืองเก่า ใบโพธ์สีขาว ข้าวหอมมะลิ” ซึ่งต้นโพธิ์ ใบสีขาว มีอายุร่วม 100 ปี เดิมจะมีต้นโพธิ์ใบสีขาว จำนวน 3 ต้น แต่ได้เฉาตายไปแล้ว 2 ต้น ปัจจุบันเหลือเพียงต้นเดียว ต้องล้อมรั้วไว้เพื่อป้องกัน ดูแลไม่ให้ผู้คนเข้าไปสัมผัส ถัดเข้าไปเล็กน้อยบริเวณด้านข้างต้นโพธิ์ใบสีขาว จะมีศาลเจ้าแม่มาลัยทอง และรวมเทพ ด้านหลัง จะประดิษฐานพระสีวาลี เป็นเอตทัคคะ ด้านผู้มีลาภมาก ในสมัยพุทธกาล ให้สาธุชนสักการะบูชา
ถัดมาจะพบพระเจดีย์โบราณอีกหนึ่งความงามของศิลปกรรม และโบราณคดี ตั้งอยู่หลังพระอุโบสถ มีลักษณะที่เก่าแก่ ซึ่งเป็นพระเจดีย์ที่สร้างมาพร้อม ๆ กับวัดเตาอิฐจึงมีอายุมากกว่า 100 ปี สำหรับลักษณะของ พระเจดีย์ มีลักษณะปล้องไฉน เป็นบัวองค์บัลลังภ์เพรียว ฐานกลมเป็นชั้นๆขึ้นไป พระเจดีย์โบราณองค์นี้ แต่เดิมจะมีร่องรอยการขุดเจาะ เพื่อหาสมบัติในพระเจดีย์ โดยการเจาะทะลุพื้นเข้าไปใต้ฐานเจดีย์ ทะลุเข้ากลางองค์เจดีย์ ด้านในคนสามารถยืนได้ แต่ปัจจุบันได้ทำการปิดหลุมไว้หมดแล้ว และกลายเป็นจุดเด่นของวัดอีกจุดหนึ่ง นอกจากต้นโพธิ์สีขาว ยังมีเรือโบราณ หรือ เรือควายน้ำ ซึ่งเรือลำนี้เป็นเรือขุด ใช้สำหรับแข่งขันในสมัยก่อน ตามประวัติเล่ากันว่าต้องใช้ควายลากมา จึงชื่อว่า "เรือควายน้ำ" ความศักดิ์สิทธิ์ของเรือควายน้ำ คือ ก่อนแข่งขันจะต้องทำ พิธีบนบานก่อน เมื่อลงแข่ง จะต้องชนะทุกครั้ง ระหว่างแข่งขันถ้าเรือคู่แข่งตีคู่ขึ้นมา เรือควายน้ำจะดูดเรือคู่แข่งจนล่ม มีเรื่องเล่าว่าเคยมีผู้ไปปัสสาวะรดเรือควายน้ำเข้า ถึงกับอวัยวะเพศบวม ต้องมาขอขมาจึงหาย ครั้งหนึ่งเรือลำนี้หายไปจากวัด หัวขโมยเอาไปตัดหัวเรือออกหวังให้จำไม่ได้ แต่เรือนี้ก็มาเข้าฝันคนในหมู่บ้าน จนตามไปพบและนำกลับคืนมาในที่สุดปัจจุบันเรือควายน้ำตั้งอยู่ในพระวิหาร พระครูวิสุทธิ์วีรธรรม (หลวงพ่อสอาด)
ภายในพระวิหารประดิษฐานรูปปั้นหลวงพ่อสอาด ซึ่งหลวงพ่อสอาด ถือได้ว่าเป็นหลวงพ่อที่มีบุญบารมี ท่านรักษาศีลได้ครบ สมัยที่ท่านยังไม่มรณภาพ ลูกศิษย์ลูกหาจะถ่ายรูปคู่กับท่าน จะถ่ายภาพไม่ติด ถ้าไม่ขออนุญาตถ่ายรูปก่อน และยังมีเหตุการณ์ตอนที่ท่านจำวัดอยู่ภายในวัด มีขโมยขึ้นวัด จะขโมยทรัพย์สินของวัด รื้อค้นข้าวของ แต่เหมือนกับว่าโจรจะหยิบของแต่หยิบไม่ขึ้น ดึงยังไงก็ดึงไม่ขึ้น สุดท้ายแล้วโจรต้องกราบท่าน และขอขมาถึงลงจากวัดได้ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นสิ่งลี้ลับ ต่อย่างไรก็ตาม วัดเตาอิฐถือได้ว่าเป็นวัดที่มีความสงบ เป็นวัดป่า มีความร่มรื่น น่าเดินทางมาทำบุญ อีกทั้งได้ชมความแปลกของต้นโพธิ์ใบสีขาว ชมความงามของพระเจดีย์โบราณอีกหนึ่งความงามของศลปกรรมและโบราณคดีที่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี อีกทั้งยังมีเรือโบราณ หรือ เรือควายน้ำ ที่วัดได้เก็บรักษาไว้ ภายในพระวิหารได้ประดิษฐานรูปปั้น หลวงพ่อสอาดไว้ให้กราบไหว้บูชาอีกด้วย
ตำแหน่งที่ตั้ง : ตั้งอยู่บ้านเตาอิฐ หมู่ที่ 4 ตำบลบางคา อำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา
การเดินทาง : ใช้เส้นทางถนนสายบางคล้า-พนมสารคาม ขับมาเจอสามแยกเลี้ยวซ้าย เข้าไปถนน สายพนมสารคาม-ราชสาส์น ประมาณ 200 เมตร เลี้ยวซ้ายเข้าวัดเตาอิฐ
ข้อมูลเนื้อหา เรื่องราว เขียนโดย นางสาวเกษติยา สมแพง
ภาพถ่าย/ภาพประกอบ โดย นางสาวเกษติยา สมแพง
ข้อมูล TKP https://sites.google.com/dei.ac.th/tkp-bangkha/home
ตอน วัดเตาอิฐ