การดูแลสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุเป็นเรื่องสำคัญ เพราะปากและฟันที่สะอาดจะช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกสบาย ไม่เจ็บปวด กินอาหารได้ตามปกติ ลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ โดยเฉพาะปัญหาปอดติดเชื้อจากการสำลัก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้ ดังนั้น การดูแลช่องปากอย่างดีจะช่วยให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขและส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม โดยมีหลักการดูแลดังนี้
1. พฤติกรรมการบริโภคอาหารสำหรับผู้สูงอายุ
อาหารที่แนะนำ คือ อาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเน้นผักและผลไม้ที่มีกากใย ผักที่สะดวกต่อการเคี้ยว อาจใช้การหั่นหรือการตัดให้ชิ้นเล็กลง เช่น ผักบุ้งส่วนใบ ตำลึง มะระหั่นชิ้นบาง มะเขือที่ลวกสุก แตงกวา เป็นต้น ผลไม้ เช่น ชมพู่ ฝรั่งนิ่ม ส้ม แตงโม มะละกอ มะม่วงสุก เป็นต้น
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
- อาหารแข็ง เพราะอาจทำให้ฟันแตก ฟันบิ่น ฟันร้าว เช่น กระดูกไก่ กระดูกหมู กระดูกอ่อน เม็ดมะขาม น้ำแข็ง เป็นต้น
- อาหารเหนียว เพราะมักติดฟัน ทำความสะอาดยาก จึงเสี่ยงฟันผุ เช่น ตังเม สับปะรดกวน กะละแม ทุเรียนกวน เป็นต้น
- อาหาร (รวมถึงเครื่องดื่ม) ที่หวานจัด เพราะเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของเชื้อโรค ทำให้ฟันผุได้ง่าย เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง สังขยา ผลไม้เชื่อม เป็นต้น
- ของเปรี้ยว เพราะกัดกร่อนผิวฟัน ทำให้ฟันสึกกร่อน และอาจเสียวฟันได้ เช่น ของหมักดอง มะม่วงดิบ ผลไม้หรือน้ำผลไม้รสเปรี้ยว เป็นต้น
2. การดูแลอนามัยช่องปาก
การเลือกแปรงสีฟัน
- หัวแปรงสีฟันขนาดพอเหมาะกับช่องปากของตน การใช้แปรงสีฟันที่มีขนาดใหญ่กว่าช่องปากมากเกินไป ทำให้ไม่สามารถทำความสะอาดซี่ฟันด้านในได้
- ขนแปรงชนิดปานกลาง (medium), นุ่ม (soft) หรือนุ่มพิเศษ (extra soft) เพื่อลดการทำอันตรายต่อผิวฟัน และขอบเหงือก
- ด้ามจับแปรงสีฟันยาวพอเหมาะ จับได้ถนัดมือ
- ปลายขนแปรงแบบมนกลม หรือเรียวแหลม
- ลักษณะปลายขนแปรงเรียบเสมอกัน ไม่ซิกแซ็ก เพื่อให้แปรงสีฟันแนบกับผิวฟันบริเวณคอฟันมากที่สุด เนื่องจากบริเวณคอฟัน เป็นตำแหน่งที่พบคราบอาหารมากที่สุดบนผิวฟัน
ประเภทยาสีฟัน
- ยาสีฟันต้องมีส่วนผสมของสารป้องกันฟันผุ คือ มีสารฟลูออไรด์
- เลือกยาสีฟันที่มีเนื้อละเอียด ไม่หยาบหรือสัมผัสได้ว่ามีเม็ดเล็กๆ ผสมอยู่
การแปรงฟันที่ถูกวิธี
ควรแปรงฟันหลังอาหารเช้าและก่อนนอน การแปรงฟันควรวางขนแปรงเข้าหาฟันให้ปลายขนแปรงอยู่บนบริเวณขอบเหงือกหรือคอฟัน เอียงขนแปรงทำมุม 45 องศาโดยประมาณกับตัวฟัน ปัดขนแปรงขึ้นลงกับแนวฟันบนและล่างทั้งด้านในและด้านนอกฟันให้ทั่ว แปรงฟันจนครบทุกซี่ จุดที่รู้สึกว่ามีเศษอาหารติดควรใช้เวลาในการแปรงจุดนั้นให้มากกว่าปกติ แยกเป็นข้อได้ดังนี้
- วางแปรงสีฟันขนนุ่ม ทำมุม 45 องศา บริเวณรอยต่อระหว่างเหงือกและฟัน
- ถูแปรงสีฟันไปมาในช่วงสั้นๆ เบาๆ ตามแนวฟันและเหงือก แปรงให้ครบ 3 ด้าน ด้านนอก ด้านใน ด้านบดเคี้ยว
- แปรงลิ้น และกระพุ้งแก้ม เพื่อขจัดคราบจุลินทรีย์ และกลิ่นปาก
อุปกรณ์ทำความสะอาดช่องปาก
- ไหมขัดฟัน วิธีการใช้ คือ ดึงไหมขัดฟันออกมา ให้มีความยาวประมาณ 18 นิ้ว พันไหมรอบนิ้วกลาง หรือนิ้วชี้ ทั้งสองด้านตามความถนัด โดยให้เหลือช่วงกลางประมาณ 1-2 นิ้ว ใช้นิ้วที่พันไหมอยู่ พยายามขยับไหมเข้าไปในซอกฟัน และเมื่อไหมเข้าไปในซอกฟันได้แล้ว ให้ทำความสะอาดผิวฟันในลักษณะโอบรอบฟัน พร้อมทั้งขยับไหมขึ้นลงเบาๆด้วย
- แปรงซอกฟัน วิธีการใช้ คือ ถูแปรงแบบดึงเข้าดึงออกแบบเบาๆ ซี่ละ 3-4 ครั้ง ทั้งด้านนอกและด้านใน โดยหมุนแปรงเป็นรูปวงกลมตามซอกฟันและเหล็กจัดฟัน แปรงซอกฟันไปเรื่อยๆ จนมั่นใจครบทุกซี่ จากนั้นบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดหลังใช้แปรงทุกครั้ง
การทำความสะอาดฟันปลอม
ฟันปลอมชนิดถอดได้ หลังรับประทานอาหารทุกมื้อ ก่อนนอนทุกครั้งควรถอดฟันปลอมออกมา ทำความสะอาด เพื่อให้เหงือกได้พักผ่อน ส่วนการทำความสะอาดฟันปลอมให้ใช้แปรงสีฟันขนอ่อนกับน้ำสบู่แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด ห้ามใช้ผงขัดขณะล้าง ควรมีภาชนะรองรับ เพื่อป้องกันฟันปลอมตกแตก ถ้ามีคราบฝังแน่นติดฟันปลอมสามารถแช่ในน้ำ หรือผสมเม็ดฟู่สำหรับฟันปลอม เพื่อช่วย ขจัดคราบและฆ่าเชื้อโรคได้
3. การตรวจและเฝ้าระวังสุขภาพช่องปาก
- ควรพบทันตแพทย์ ทุกๆ 6 เดือนเพื่อตรวจประเมินช่องปาก หรือกรณีมีปัญหาเร่งด่วน เช่น ฟันปลอมแตกหัก มีเลือดออกตามไรฟัน ฟันผุเป็นรู