1. สภาพปัญหาการบริหารจัดการสถานศึกษาและคุณภาพของสถานศึกษา
1. สภาพปัญหาการบริหารจัดการสถานศึกษาและคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา
สังคมโลกในปัจจุบันมีความเจริญก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทำให้มนุษย์สามารถรับรู้ ข้อมูลข่าวสารที่ไร้พรมแดนได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น การจัดการศึกษาจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้ทันกับการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อให้ผู้เรียนเป็นพลเมืองที่ดี สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ดังนั้น ครูต้องศึกษา ค้นคว้า พัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้สม่ำเสมอ โดยการใช้บทเรียนที่เกิดขึ้นในอดีตเป็นกรณี
ศึกษา จากการสร้างบรรยากาศเรียนรู้ที่สนุกสนาน ท้าทายผู้เรียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนเข้าใจวัฒนธรรมอันเป็นรากเหง้าที่ดีงาม มองเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่นในสังคมที่หลากหลาย มีความรักชาติ รักแผ่นดิน ไม่หลงลืมบรรพบุรุษ เป็นพลเมืองดี มีสำนึกที่ดีต่อความเป็นชาติไทยและภูมิใจในความเป็นไทย ที่จะธำรงรักษาต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ เพื่อปลูกฝังให้นักเรียนได้เห็นความสำคัญของพลังแห่งคุณค่า Soft Power ของไทยที่มีอยู่ทุกที่ หลอมเข้ากับความรักชาติ และความภาคภูมิใจในบ้านของเราที่มีดีไม่แพ้ชาติใดในโลก จะช่วยเสริมสร้างสมรรถนะให้กับนักเรียนได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมเผชิญกับโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง ผันผวนสูงในอนาคต และก้าวสู่ความเป็นไทยในสากลโลกอย่างสง่างาม
เนื่องจากโรงเรียนบ้านห้วยหินขาว ได้เข้าร่วมโครงการของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในการเป็นโรงเรียนหนุนเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก บูรณาการแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในท้องถิ่น จึงได้พัฒนาการบริหารจัดการสถานศึกษาเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง ศีลธรรม และประชาธิปไตย
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
2.1 ประชุมเพื่อวางแผนงาน โดยผู้อำนวยการโรงเรียน คณะครูทุกคน ตัวแทนนักเรียนและชุมชน เพื่อรับฟังแนวทางการปฏิบัติงานตามโครงการ
2.2 จัดทำแผนปฏิบัติงาน โดยจัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ
2.3 ดำเนินงานตามแผน
ดำเนินการการจัดการเรียนรู้เชิงรุก บูรณาการแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในท้องถิ่น ดังนี้
2.3.1 ครูผู้สอนศึกษาเทคนิคการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์สำหรับครูสังคมศึกษาในศตวรรษที่ 21
2.3.2 ครูวิเคราะห์ผู้เรียนไว้ใช้ในการออกแบบการเรียนรู้เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการเรียนรู้ของผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
2.3.3 ครูจัดกิจกรรมส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักคิดอย่างมีเหตุผล สามารถค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองโดยอาศัยการสืบเสาะ สืบค้น เสาะหา สำรวจ ตรวจสอบอย่างมีระบบเพื่อให้เกิดองค์ความรู้จนสามารถนำไปใช้แก้ไขปัญหาในอนาคต
2.3.4 โรงเรียนเป็นโรงเรียนหนุนเสริมสนับสนุนการจัดทำนวัตกรรมแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น
2.3.5 ชุมชนได้รับคุณค่าและเผยแพร่แหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจในท้องถิ่น
2.4 ประเมินและสรุปผลการดำเนินงาน
3. ผลลัพธ์การพัฒนา
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
เป้าหมายเชิงปริมาณ
1. ครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนบ้านห้วยหินขาวทั้งหมด จำนวน 1๐ คน ได้พัฒนานวัตกรรมและสามารถออกแบบการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคการจัดการเรียนรู้ ประวัติศาสตร์ศึกษาในศตวรรษที่ 21 ได้
2. นักเรียนโรงเรียนบ้านห้วยหินขาว จำนวน ๑๒๔ คน ได้รับการจัดการเรียนรู้ที่มีพฤติกรรม การเรียนรู้ครบ 3 ด้าน คือ พุทธิพิสัย ทักษะพิสัยและจิตพิสัย รู้จักคิดอย่างมีเหตุผล สามารถค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองโดยอาศัยการสืบเสาะ สืบค้น เสาะหา สำรวจ ตรวจสอบอย่างมีระบบเพื่อให้เกิดองค์ความรู้ สามารถนำใช้แก้ไขปัญหาในอนาคตได้
เป้าหมายเชิงคุณภาพ
1. ครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนบ้านห้วยหินขาว ได้พัฒนานวัตกรรมและสามารถออกแบบการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคการจัดการเรียนรู้ ประวัติศาสตร์สำหรับครูสังคมศึกษาในศตวรรษที่ 21 ได้
2. นักเรียนโรงเรียนบ้านห้วยหินขาว ได้รับการจัดการเรียนรู้ที่มีพฤติกรรมการเรียนรู้ครบ 3 ด้าน คือ พุทธิพิสัย ทักษะพิสัยและจิตพิสัย รู้จักคิดอย่างมีเหตุผล สามารถค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองโดยอาศัยการสืบเสาะ สืบค้น เสาะหา สำรวจ ตรวจสอบอย่างมีระบบ เพื่อให้เกิดองค์ความรู้จนสามารถนำใช้แก้ไขปัญหาในอนาคตได้
๓. โรงเรียนเป็นโรงเรียนหนุนเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก บูรณาการแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในท้องถิ่น และบูรณาการแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญของชุมชน เพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง ศีลธรรม และประชาธิปไตย
4. ชุมชนได้รับการเผยแพร่และเห็นความสำคัญคุณค่าวิถีทางประวัติศาสตร์ของชุมชน
คำอธิบาย
คำอธิบาย