Knowledge
ความสำคัญของการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
The Importance of Effective Communication
การสื่อสารและการรับฟังเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่ง ในการทำงานใดๆ ก็ตาม ทักษะเหล่านี้ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น ส่งเสริมความเข้าใจ และช่วยให้แต่ละคนเข้าใจมุมมองของกันและกันได้ดีขึ้น ในการพัฒนาทักษะการสื่อสารและการสื่อสารที่ดี สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงคือความสามารถในการแก้ไขความขัดแย้งอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อใดก็ตามที่พบกับสถานการณ์ที่ยากลำบากหรือขัดแย้งกัน บุคคลนั้นควรพยายามหาทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาแทนที่จะโต้เถียงกันอย่างรุนแรง ซึ่งอาจรวมถึงการค้นหาจุดร่วมระหว่างทั้งสองฝ่ายหรือการหาวิธีประนีประนอมร่วมกัน แทนที่จะใช้วิธีแบบเผชิญหน้าซึ่งอาจเพิ่มความตึงเครียดและเพิ่มจำนวนข้อพิพาทขึ้น
นอกจากนี้ การใช้ภาษาที่เป็นกลางและเป็นบวกยังสามารถช่วยให้แน่ใจว่าทุกคนจะได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง และประเด็นของความคิดเห็นจะไม่ได้รับการตีความในลักษณะใดรูปแบบหนึ่งเพียงอย่างเดียว ซึ่งสามารถช่วยลดความรู้สึกคับข้องใจได้ ท้ายที่สุด การมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในระหว่างการสนทนาเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างและมีความเคารพต่อกัน ซึ่งสมาชิกคนอื่นๆ สามารถแสดงความคิดเห็นของตนได้อย่างอิสระโดยไม่รู้สึกถูกคุกคามหรือไม่เห็นด้วย
การรับรู้ของผู้อื่นเป็นสิ่งที่ทรงพลังมาก และสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายได้โดยการเรียนรู้จากประสบการณ์ของพวกเขาเอง ดังนั้น หากบุคคลนั้นมีโอกาสมากมายในการสร้างความสัมพันธ์และความใกล้ชิดกับผู้คนรอบตัว พวกเขาก็สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาสนใจและสิ่งต่างๆ ที่กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งจะช่วยในการปรับปรุงการสื่อสารของตนเองในอนาคต
สาระความรู้ Knowlege :
PDPA คืออะไร ?
พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA, Personal Data Protection Act.)ประกาศใช้ ตั้งแต่ 27 พ.ค. 2562 และมีประกาศเลื่อนมาถึง 2 ปี จนกระทั่งล่าสุดจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มิถุนายน 2565 นี้เป็นต้นไป
กฎหมายนี้มีประโยชน์กับใคร?
PDPA ช่วยคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนผู้เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หากถูกละเมิดสิทธิหรือถูกนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยไม่ได้รับความยินยอมหรือเกิดความเสียหาย เดือดร้อนรำคาญ ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง ท่านสามารถร้องเรียนต่อสำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ภาครัฐได้
การลงโทษกรณีไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะเป็นอย่างไร ?
* บทลงโทษมีทั้งทางแพ่ง ทางอาญา และทางปกครอง ปรับตั้งแต่ 5แสนบาท ถึง 1-5 ล้านบาท ขึ้นกับความเสียหายที่เกิดขึ้น
ใครเกี่ยวข้องกับกฎหมายนี้บ้าง ?
PDPA ครอบคลุมทุกองค์กรที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย รวมถึงหน่วยงานในต่างประเทศที่ขายสินค้าบริการให้กับคนไทย
ผู้ที่มีบทบาท 3 คนสำคัญได้แก่
* เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
* ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
* ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
* เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Subject) คือบุคคลที่ข้อมูลระบุถึง ควรรู้สิทธิ ใช้สิทธิท่านตามกฎหมาย ในการรับแจ้ง ขอเข้าถึง สำเนา โอนข้อมูล ลบทำลาย แก้ไข จำกัดการใช้ และระงับ คัดค้านได้ หน่วยงานจึงจัดอบรมให้เกิดความตระหนักในสิทธิเสรีภาพของทุกคน และขอความร่วมมือพนักงานช่วยป้องกันข้อมูลรั่วไหล
* ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)คือ บุคคลหรือนิติบุคคลที่มีอำนาจตัดสินใจในการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล ต้องทำบันทึกการขอความยินยอม (Consent) หากเกิดกรณีข้อมูลรั่วไหลต้องแจ้งเจ้าของข้อมูลและสนง.จนท.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภายใน 72 ช.ม. ต้องดำเนินการชดเช ยเยียวยาเจ้าของข้อมูลหากเกิดการละเมิด เป็นต้น
* ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processor)
คือบุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการตามคำสั่งในนามของผู้ควบคุมข้อมูล ในการเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ดังนั้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงค่าปรับจากความไม่รู้หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจนเกิดเหตุละเมิดหรือร้องเรียนขึ้น จึงควรศึกษาข้อมูลเพื่อประโยชน์การรักษาปกป้องตามสิทธิหน้าที่ของท่าน กฎหมายมีทั้งหมด 96 มาตรา หัวข้อสำคัญที่ต้องรู้และทำความเข้าใจ มีราว 10 มาตราสำหรับผู้บริหารหัวหน้างาน
ขอทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ติดต่อ : jrsynergy@gmail.com
0863225948
0853174259
บจก.เจอาร์ ซินเนอร์จี้บริการให้คำปรึกษาฝึกอบรม PDPA
พัฒนาระบบบริหารคุณภาพ ระบบความมั่นคงปลอดภัย เทคโนโลยีสารสนเทศ
ข้อมูลส่วนบุคคลคืออะไร ?
* คำว่าข้อมูลส่วนบุคคล คืออะไร?
คือ " ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ " ได้แก่ ชื่อและนามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล เลขบัตรประชาชน เพศ รูปภาพ วิดีโอ ลายนิ้วมือ ข้อมูลพฤติกรรมต่างๆ และข้อมูลใดๆก็ตามที่ทำให้เข้าใจว่าหมายถึงบุคคลใด
* ข้อมูลอ่อนไหว Sensitive Data คืออะไร?
คือ ข้อมูลได้แก่ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ
* พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) กฎหมายฉบับนี้ให้ความสำคัญกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนคนไทย จึงมีบทลงโทษหากมีการละเมิดข้อมูลอ่อนไหว เช่น นำไปเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ได้รับความยินยอมและน่าจะทำให้ผู้อื่นเกิดความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง หรืออับอาย ต้องระวางโทษอาญา จำคุก 6 เดือน ปรับตั้งแต่ 5 แสน หรือโทษทางปกครองปรับสูงถึง 5 ล้านบาท
หน่วยงานองค์กรต่างๆจึงควรระมัดระวังในประเด็นนี้
(อ้างอิง พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 79 - 90)
ขอทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ติดต่อ : jrsynergy@gmail.com
0863225948
0853174259
บจก.เจอาร์ ซินเนอร์จี้ บริการให้คำปรึกษาฝึกอบรม PDPA
พัฒนาระบบบริหารคุณภาพ ระบบความมั่นคงปลอดภัย เทคโนโลยีสารสนเทศ
FQA 10 คำถามยอดฮิตข้อมูลส่วนบุคคล
ถาม 1 : บริษัทใดควรเตรียมทำระบบตามประกาศพรบ.PDPA บ้าง?
ตอบ : ทุกบริษัทที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทของคนไทยหรือต่างชาติก็ตาม
ถาม 2 : หน่วยงานใดในองค์กรควรดูแลรับผิดชอบกฎหมายนี้ ควรเป็นฝ่ายบุคคลหรือไม่ ?
ตอบ : ทุกแผนกควรร่วมรับผิดชอบในฐานะที่องค์กรเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ไม่เฉพาะฝ่ายบุคคล เพราะมีหลาย
หน่วยงานที่มีการเก็บ การใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ เช่น ฝ่ายการตลาด ส่งอีเมลปช.ให้กับลูกค้าซึ่ง
ไม่ทราบที่มาที่ไป ไม่เคยขอความยินยอมมาก่อน ฝ่ายจัดซื้อ เก็บข้อมูลผู้ขาย พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมาก ฝ่าย
ถาม 3 : การร้องเรียนอาจจะเกิดขึ้นได้ในกรณีใดบ้าง?
ตอบ : การร้องเรียนอาจจะเกิดขึ้นเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเกิดความเดือดร้อนรำคาญ เกิดความเสียหายจากข้อมูลรั่ว
ไหล เกิดความอับอาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง เป็นต้น
ถาม 4 : เมื่อมีคนนอกสอบถามข้อมูลกับฝ่ายบุคคล โดยอ้างว่าพนักงานได้ทำเรื่องขอกู้เงินไว้ ต้องการทราบสถานะ
พนักงานของเราว่ายังทำงานอยู่ที่บริษัทนี้หรือไม่ ? ฝ่ายบุคคลต้องทำอย่างไรต่อไป
ตอบ : เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลต้องสอบถามคนนอก พิสูจน์ตัวตนและลงบันทึกไว้ จากนั้นจึงขออนุญาตพนักงานของเราว่ามี
บุคคลภายนอกสอบถามมา เคยติดต่อขอกู้เงินที่ธนาคารนั้นหรือไม่ และยินยอมให้แจ้งข้อมูลกับเขาหรือไม่ แล้ว
ลงบันทึกไว้
ถาม 5 : บริษัทต้องควบคุมระวังการรั่วไหลของข้อมูลระหว่างบริษัทหรือไม่ ?
ตอบ : พรบ.นี้เกี่ยวข้องกับ "ข้อมูลส่วนบุคคล" ไม่ใช่ข้อมูลของบริษัท อย่างไรก็ตามในการทำงานของบริษัทต่อบริษัท
หากมีสัญญาซึ่งระบุการระวังรักษาความลับข้อมูลอยู่แล้ว ก็คงใช้สัญญานั้นต่อไป ถือว่ากฏหมายแพ่งพาณิชย์มี
ความสำคัญเหนือกว่า ส่วนพรบ.นี้เป็นเพียงกฏหมายเสริม
ถาม 6 : เจ้าหน้าที่ของรัฐมาติดต่อกับฝ่ายบุคคล โดยอ้างถึงความผิดของพนักงานของเรา ฝ่ายบุคคลจะทำอย่างไร?
ตอบ : ตามมาตรา 4 ของพรบ.นี้ เจ้าหน้าที่รัฐบางหน่วยงานได้รับการยกเว้นไม่บังคับ เช่น เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของ
รัฐ ความมั่นคงทางการคลัง การรักษาความปลอดภัยของประชาชน การป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน
นิติวิทยาศาสตร์ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา ศาล กรมบังคับคดี
เป็นต้น แต่เมื่อมีบุคคลภายนอกซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐมาติดต่อ ฝ่ายบุคคลต้องสอบถามพิสูจน์ตัวตน และขอ
หนังสือที่กล่าวอ้างความผิดนั้นมาแสดงก่อน จึงแจ้งพนักงานของเราให้ทราบ และหากไม่มีเอกสารก็ไม่อาจให้
ข้อมูลได้
ถาม 7: ข้อมูลอ่อนไหว Sensitive Data คืออะไร? ถ้าไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะถูกปรับอย่างไร ?
ตอบ : ข้อมูลอ่อนไหว หรือข้อมูลพิเศษ เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล
คือ ข้อมูลได้แก่ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติ
อาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้
ต้องได้รับความยินยอมของเจ้าของข้อมูลจึงจะเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยได้ หากเก็บใช้เปิดเผยโดยไม่ขอความ
ยินยอม จะต้องระวางโทษทางอาญาหรือทางปกครอง จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับตั้งแต่ ห้าแสนถึง ห้าล้านบาท
ถาม 8 : ข้อมูลอ่อนไหว ทำไมจึงปรับแรง สูงถึง ห้าล้านบาท
ตอบ : กฎหมายของไทย ยึดถึอแบบอย่างจากกฎหมาย GDPR ของยุโรป สำหรับประเทศไทย คณะกรรมการผู้
เชี่ยวชาญของสำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะพิจารณาลงโทษการปรับ หนักหรือเบาเป็นไปตามระดับของ
ความเสียหายที่เกิดขึ้น ขนาดกิจการ และพฤติกรรมต่างๆ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามในต่างประเทศมีบริษัทที่เคยละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล และถูกปรับสูงกว่ามาก ในระดับหลายร้อย
หลายพันล้านบาท ซึ่งเป็นหน่วยงานขนาดใหญ่ มีข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมากจากทั่วโลก
ถาม 9: เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล DPO ควรมีกี่คน? ควรเป็นใครในองค์กร?
ตอบ : แต่งตั้งเพียงคนเดียวก็เพียงพอ DPO เป็นผู้บริหารระดับสูง อาจแต่งตั้งจากพนักงานหรือว่าจ้างบุคคลภายนอก
ก็ได้ บริษัทในเครือเดียวกัน สามารถใช้ DPO บุคคลเดียวกันได้
ถาม 10: ถ้าจะหลีกเลี่ยงค่าปรับ 1ล้านบาท หน่วยงานต้องทำอย่างไรบ้าง? ให้ทันการภายในก่อน 1 มิ.ย.2565 นี้
ตอบ : ควรศึกษาสาระในพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/A/069/T_0052.PDF
1. สร้างความตระหนัก ฝึกอบรมภายในให้พนักงานทราบสิทธิของตน
2. ประกาศแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและคณะทำงาน
3. จัดทำประกาศนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
4. จัดทำบันทึกขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Consent)
5. จัดทำดำเนินการและลงบันทึกเมื่อมีเจ้าของข้อมูลขอใช้สิทธิส่วนบุคคล
6. ยกระดับมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
รวมถึงควรศึกษา 10 ขั้นตอนแนะนำแผนดำเนินการพัฒนา PDPA อย่างต่อเนื่อง
หมายเหตุ :
ท่านสามารถเข้ารับฟังสัมมนาแบบออนไลน์ผ่าน Zoom 2 ช.ม.ได้ฟรี โดยวิทยากร PDPA ตามกำหนด จากบจก.เจอาร์ ซินเนอร์จี้
ติดตามที่หน้า Public Training / Training/ Seminar Schedule
ขอทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ติดต่อ : jrsynergy@gmail.com
0863225948
0853174259
บจก.เจอาร์ ซินเนอร์จี้ บริการให้คำปรึกษาฝึกอบรม PDPA
พัฒนาระบบบริหารคุณภาพ ระบบความมั่นคงปลอดภัย เทคโนโลยีสารสนเทศ
เลิกตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเสียที
สำรวจความจำเป็นในการฝึกอบรมอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ?
หนึ่งในหัวข้อที่เป็นประเด็นในการพัฒนาองค์กร ที่หลายหน่วยงานระดับสากลมักจะมองข้ามความสำคัญของการพัฒนาบุคคลากร ทั้งนี้ บางหน่วยงานทำระบบมาตรฐานสากล และเมื่อถึงเวลาวางแผนการฝึกอบรมประจำปี ก็จะมีเพียงหัวหน้าแผนกบุคคลนั่งเทียนเขียนหลักสูตรต่างๆด้วยตนเอง เพื่อให้ทันเวลาใช้งานและอนุมัติแต่ละปี ถ้าดีกว่านั้นหัวหน้าแผนกบุคคลจะส่งแบบสำรวจให้หัวหน้าทุกหน่วยงานกรอกข้อมูลในแบบสำรวจมา แต่ก็มักจะพบว่า...ส่วนใหญ่ส่งกระดาษเปล่ากลับคืนมา
วิธีการสมัยใหม่ที่เราจะแนะนำต่อไปนี้ เป็นวิธีที่หน่วยงานระดับมาตรฐานสากลใช้ปฏิบัติและได้ผลเป็นอย่างดียิ่ง
คือ การสำรวจนั้นควรทำดังต่อไปนี้
1. สอบถามนโยบายผู้บริหาร ควรหาเวลาเข้าพบ สอบถามผู้บริหารถึงนโยบาย ทิศทางพัฒนาองค์กรตามความต้องการของผู้บริหาร จะได้รับฟังความคิด กลยุทธ์การพัฒนาองค์กรจากท่านซึ่งมีความรู้ประสบการณ์ และเข้าใจถึงบริบทของธุรกิจ ความต้องการลูกค้าและตลาด ความต้องการของผู้ขาย เป็นต้น ทั้งนี้เมื่อมีการวิเคราะห์บริบทองค์กร จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส อุปสรรคแล้ว ควรสรุปความต้องการปรับปรุงจุดอ่อน หรือพัฒนาความรู้ตามนโยบาย ตามโครงการที่กำหนดในแผนกลยุทธ์ธุรกิจ
2. สำรวจปัญหาจากหัวหน้าทุกหน่วยงาน คนทำงานย่อมเข้าใจปัญหาอุปสรรคของตน โดยใช้แบบสำรวจเบื้องต้นสอบถามถึงปัญหาและสาเหตุที่เป็นจุดอ่อนของหน่วยงาน ซึ่งจะนำไปสู่การสรุปหัวข้อที่ต้องการปรับปรุงได้ง่ายขึ้น ระบุถึงระดับที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจึงรวบรวมข้อมูลกลับมา สรุปภาพรวมเพื่อนำเสนอเป็นแผนฝึกอบรมประจำปี ไปยังฝ่ายบริหาร
3. สำรวจความสนใจพัฒนาความรู้ของหัวหน้าแต่ละหน่วยงาน ถ้ามีหลักสูตรเป้าหมายที่สนใจและเป็นประโยชน์ต่องานที่รับผิดชอบ สามารถกรอกชื่อหลักสูตรลงในส่วนท้ายของแบบฟอร์มนี้ อาจแนะนำสถาบันที่ฝึกอบรมภายนอก และค่าสัมมนา ถ้ามีข้อมูลควรแนบโบร์ชัวร์ให้ฝ่ายบุคคลทราบ
4. ฝ่ายบุคคลแนะนำหลักสูตรเป็นแนวทาง ให้สืบค้นหัวข้อฝึกอบรมจากสถาบันต่างๆ เลือกหัวข้อนำเสนอไว้เป็นไอเดีย เพียงแค่เลือกหัวข้อที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงาน ใส่หมายเหตุ ฝึกอบรมในสถานที่หรือนอกสถานที่ หรือ แนะนำให้หน่วยงานอื่นใดควรรับการฝึกอบรม เป็นต้น
การพัฒนาความรู้ในสมัยใหม่ อาจไม่จำเป็นต้องฝึกอบรมเสมอไป ในบางกรณีการสร้างกิจกรรมจะช่วยเสริมสร้าง จิตสำนึกของพนักงานได้ เช่น ถ้าฝึกอบรม 5ส. โดยไม่มีกิจกรรมปฏิบัติร่วมกัน ก็ยากที่จะเห็นการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และหากขาดเจ้าภาพดูแลโครงการที่เหมาะสม
การพัฒนานั้นก็จะไม่เดินหน้าอย่างต่อเนื่องนั่นเอง นอกจากนั้นการศึกษาดูงานเป็นเรื่องที่น่าสนใจ หากได้เห็นด้วยตนเอง และได้พูดคุยกับผู้ที่ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติงาน จะเป็นการเรียนรู้ที่มีพลังดึงดูดความสนใจอย่างมาก สามารถสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานได้ดีทีเดียว
อ.อัญนิฏฐ์ จิรเมธธนกิจ
กรรมการผู้จัดการ
วิทยากรที่ปรึกษาระบบบริหารคุณภาพและการเพิ่มผลผลิต