ใบความรู้ที่ 3 เรื่อง สมมุติฐาน
ใบความรู้ที่ 3 เรื่อง สมมุติฐาน
คำชี้แจง ให้นักเรียนศึกษาเนื้อหาที่ให้มานี้ แล้วทำแบบทดสอบเก็บคะแนนที่อยู่ถัดลงไป
การตั้งสมมุติฐาน
ข้อคิดเห็น หรือถ้อยแถลงที่ใช้เป็นมูลฐานแห่งการหาเหตุผล การทดลอง หรือการวิจัย เรียกว่า สมมุติฐาน (ราชบัณฑิตยสถาน. 2546 : 1127) ซึ่งเป็นวิธีการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์โดยการเริ่มต้นจากการตั้งประเด็นปัญหา จากนั้นจะศึกษาค้นคว้า รวบรวมข้อมูลเพื่อคาดคะเนคำตอบของปัญหานั้น สมมุติฐาน ต้องสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า
สมมุติฐานการศึกษาค้นคว้า เป็นคำตอบสรุปของผลการศึกษาที่ผู้ศึกษาค้นคว้าคาดคะเน หรือพยากรณ์ไว้ล่วงหน้าก่อนการเก็บรวบรวมข้อมูล คำตอบดังกล่าวได้มาจากการไตร่ตรองโดยใช้เหตุผลที่น่าจะเป็นให้มากที่สุด โดยมีรากฐานของทฤษฏี ผลการศึกษาค้นคว้า หรือผลการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น (บุญชม ศรีสะอาด. 2545 : 34) ซึ่งผู้ศึกษาค้นคว้ามั่นใจว่าผลการศึกษาค้นคว้าจะตรงกับสมมุติฐานที่ตั้งไว้ แต่ผลการศึกษาค้นคว้าจริงอาจจะตรง หรือไม่ตรงกับสมมุติฐานก็ได้ สิ่งสำคัญ คือ ผู้ศึกษาค้นคว้าต้องอธิบายได้ว่าผลการศึกษาค้นคว้าเป็นเช่นนั้นเพราะเหตุใด สมมุติฐานแบ่งได้ 2 ประเภทดังนี้ (จรัญ จันทลักขณา และกษิดิศ อื้อเชี่ยวชาญกุล. 2551 : 38)
1. สมมุติฐานทางสถิติ กำหนดขึ้นก่อนการทดลอง เป็นสมมุติฐานที่กำหนดเมื่อไม่รู้ว่า “มี” ให้กำหนดในเบื้องต้นว่า “ไม่มี” เช่น ไม่มีความแตกต่าง ไม่มีความสัมพันธ์ เป็นต้น
2. สมมุติฐานทางเลือก ในการศึกษาค้นคว้าให้ตั้งสมมุติฐานทางเลือกเพื่อใช้เป็นทางเลือกในการสรุปผล ถ้าหากผลการทดสอบทางสถิติชี้ว่า “ไม่จริง” แล้ว “ยอมรับ” เช่น มีความแตกต่าง มีความสัมพันธ์ เป็นต้น
1. สมมติฐาน หมายถึง ความเชื่อของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือ ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรืออาจกล่าวได้
ว่า สมมติฐานเป็นสิ่งที่บุคคลหรือกลุ่มบุคคลคาดว่าจะเกิดขึ้นโดยที่ความเชื่อหรือสิ่งที่คาดนั้นจะเป็นจริงหรือไม่
ก็ได้ เช่น
- เจ้าของร้านค้าปลีกคาดว่าจะมีกำไรสุทธิจากการขายสินค้าต่อปีไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท
- หัวหน้าพรรคการเมือง A .....คาดว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในคราวหน้าพรรคอื่นๆ จะได้ที่นั่งในสภาต่ำกว่า 50% ของทั้งหมด
- คาดว่ารายได้เฉลี่ยต่อเดือนของประชากรในจังหวัดพิษณุโลกเท่ากับ 15,000 บาท
2. ความแตกต่างของสมมติฐานกับการพยากรณ์
การตั้งสมมติฐาน คือ การทำนายผลล่วงหน้าโดยไม่มีหรือไม่ทราบ ความสัมพันธ์เกี่ยวข้องระหว่างข้อมูล
การตั้งสมมติฐาน หมายถึง การกำหนดข้อความที่คาดคะเนคำตอบของปัญหา/เรื่องที่สนใจไว้ก่อนทำการศึกษา ซึ่งการคาดคะเนคำตอบนั้นมุ่งหวังให้คำตอบหรือผลที่ได้จากการศึกษาถูกต้องมากที่สุด สมมติฐานจึงเป็นเครื่องมือที่จะนำไปสู่การพิสูจน์ค้นหาความจริงในการศึกษาค้นคว้า
การพยากรณ์ คือ การทำนายผลล่วงหน้าโดยการมีหรือทราบความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องในการทำนายล่วงหน้า
ตัวอย่างการตั้งสมมติฐาน
การตั้งสมมติฐานควรแสดงถึงความสัมพันธ์ของเรื่อง(ตัวแปรตาม)ที่ต้องการศึกษา ว่ามีความสัมพันธ์กับปัจจัยที่มีผลตอเรื่อง/ประเด็นที่สนใจ/สงสัย (ตัวแปรต้น)
ประโยคที่ใช้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรทั้งสองสังเกตได้
เช่น
“มีผลกระทบต่อ”
“มีอิทธิพลต่อ”
“แปรผันกับ”
“มากกว่า”
“น้อยกว่า”
“มีความสัมพันธ์กับ”
และข้อความที่ใช้ตั้งสมมติฐานคือ วลี
"ถ้า.....ดังนั้น....."
หรือ
“ถ้า……แล้ว…หรือ...”
ตัวอย่างเช่น
- ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นโรค มากกว่า ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่
- การสูบบุหรี่มี ความสัมพันธ์ ทางบวกกับการเป็นมะเร็งในปอด
- ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นโรคมะเร็งในปอด มากกว่า ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่
- ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่เป็นโรคมะเร็งในปอด น้อยกว่า ผู้ที่สูบบุหรี่
- ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นโรคมะเร็งในปอด แตกต่างกับ ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่
-"ถ้าแสงแดดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจริญงอกงามของต้นหญ้า ดังนั้น ต้นหญ้าบริเวณที่ไม่ได้รับแสงแดดจะไม่เจริญหรือตายไป"
-"ถ้าแสงแดดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจริญงอกงามของต้นหญ้า ดังนั้น ต้นหญ้าบริเวณที่ได้รับแสงแดด จะเจริญงอกงาม"
- นักเรียนที่มีประสบการณ์ทำงานแตกต่างกันมีความเข้าใจเกี่ยวกับสภานักเรียนแตกต่างกัน
- ความถนัดทางตัวเลขกับผลการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนมีความสัมพันธ์กันทางบวก
- นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 แผนการเรียนวิทยาศาสตร์และแผนการเรียนศิลป์ภาษามีเจตคติต่อวิชา ภาษาไทยแตกต่างกัน
- กลิ่นใบตะไคร้กำจัดแมลงสาบได้ดีกว่ากลิ่นใบมะกรูด
- การลดน้ำหนักด้วยวิธีควบคุมอาหารร่วมกับการออกกำลังกายช่วยลดน้ำหนักได้ดีกว่าการควบคุมอาหารอย่างเดียว
- ถ้าความเร็วของวัตถุ มีความสัมพันธ์แบบผกผัน กับมวลของวัตถุ จริง ดังนั้นเมื่อมวลของวัตถุมากขึ้น ความเร็วของวัตถุจะลดลง
แบบทดสอบเก็บคะเแนน
คลิก >> แบบทดสอบ3 เรื่อง สมมุติฐาน