บทที่ 2 เทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสารการศึกษา

บทบาทความสำคัญของเทคโนโลยี สารสนเทศ

การเปลี่ยนแปลงสังคมความเป็นอยู่ของมนุษย์เป็นไปอย่างรวดเร็ว กล่าวกันว่า ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในลักษณะที่เรียกว่าการปฏิวัติมาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกเกิดจากการ ท่ีมนุษย์รู้จักใช้ระบบชลประทานเพื่อการเพาะปลูก สังคมความเป็นอยู่ของมนุษย์จึงเปลี่ยน จากการเร่ร่อนมาเป็นการต้ังหลักแหล่งเพื่อทําการเกษตร ต่อมาเมื่อประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว ก่อนสงครามโลกคร้ังท่ี 1 หลังจากท่ีเจมส์วัตต์ประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ํา มนุษย์รู้จักนําเอา เครื่องจักรมาช่วยในอุตสาหกรรมการผลิต และช่วยในการสร้างยานพาหนะเพื่องานคมนาคม ขนส่ง ผลที่ตามมาทําให้เกิดการปฏิวัติทางอุตสาหกรรม สังคมความเป็นอยู่ของมนุษย์จึง เปลี่ยนจากสังคมเกษตรมาเป็นสังคมเมือง และเกิดรวมกันเป็นเมืองอุตสาหกรรมต่างๆ

ในช่วงปี พ.ศ. 2523 เป็นต้นมา ความเจริญก้าวหน้าทางด้านคอมพิวเตอร์และ ระบบสื่อสารข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อประมวลผลข้อมูลเป็นไปอย่าง กว้างขวาง มีการส่งถ่ายข้อมูลระหว่างกันเป็นจํานวนมากเกิดการประยุกต์งานด้านต่างๆเช่น ระบบการโอนถ่ายเงินทางอิเล็กทรอนิกส์บัตรเอทีเอ็มบัตรเครดิตการจองตั๋ว การซื้อสินค้า การติดต่อส่งข้อมูล เช่น โทรสาร (facsimile) ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (electronic mail)

ภาพที่ 7 สถานการณ์ในสังคมเมือง

ชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ เทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์ที่มีบทบาทเพิ่มขึ้น ในปีพ.ศ. 2528 กระทรวงศึกษาธิการได้ กําหนดในหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย ให้วิชาคอมพิวเตอร์เป็นวิชาเลือกของหมวดวิชา คณิตศาสตร์ ประกอบด้วย 2 รายวิชาคือความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และการเขียน โปรแกรมภาษาเบสิก ต่อมาในปีพ.ศ. 2532 และ พ.ศ. 2541 ก็เปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติม หลักสูตรทางด้านคอมพิวเตอร์อีกหลายวิชา มีการจัดกลุ่มอยู่ในวิชาอาชีพสาขาคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันมีโรงเรียนมัธยมศึกษาหลายแห่งทั่วประเทศเปิดการเรียนการสอนทางด้าน คอมพิวเตอร์ขึ้น




ภาพที่ 8การเรียนการสอนคอมพิวเตอร์ในโรงเรียน

มีความจําเป็นเพียงไรที่จะต้องให้เยาวชนไทยเรียนรู้คอมพิวเตอร์เมื่อมีวิชาพื้นฐาน อื่นๆ มากมายที่ต้องจะเรียน เหตุผลสําคัญสําหรับตอบคําถามนี้คือปัจจุบันความเป็นอยู่ของ มนุษย์ในสังคม มีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีข้อมูลมากขึ้น

ตั้งแต่เช้าตรู่ นักเรียนอาจถูกปลุกด้วยเสียงนาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์แบบดิจิทัลและ เริ่มวันใหม่ด้วยการฟังวิทยุที่ส่งกระจายเสียงทั่วประเทศพร้อมกัน รับประทานอาหารเช้าที่ ปรุงจากเครื่องครัว ที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์เสร็จแล้วรีบมาโรงเรียน ก้าวเข้าลิฟต์ที่ ควบคุมการทํางานด้วยคอมพิวเตอร์ติดต่อกับเพื่อนด้วยโทรศัพท์มือถือ คิดเลขด้วยเครื่องคิด เลขทันสมัยเรียนพิมพ์เอกสารด้วยโปรแกรมประมวลคํา ตกเย็นกลับบ้านดูทีวีแล้วเข้านอน

กิจวัตรในชีวิตประจําวันของมนุษย์เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีมากขึ้น จนดูเหมือนว่า เทคโนโลยีเป็นปัจจัยที่สําคัญอย่างหนึ่งของมนุษย์ ซึ่งทําให้มนุษย์ได้รับความสะดวกสบาย และประสบความสําเร็จในงานด้านต่างๆ เช่น เทคโนโลยีทางด้านอวกาศ ทางด้านการผลิต ทางด้านอุตสาหกรรม และทางด้านพาณิชยกรรม

การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคแรก เริ่มจากการใช้เครื่องจักรกลแทนการทํางานด้วยมือ พลังงานที่ขับเคลื่อนเครื่องจักรก็มาจากพลังงานน้ํา พลังงานไอน้ําและเปลี่ยนมาเป็นพลังงานจาก น้ํามันขับเคลื่อนเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าแทน ต่อมาการปฏิวัติอุตสาหกรรมได้เกิดขึ้นอีก โดยเปลี่ยนแปลงระบบการทํางานทีละขั้นตอนมาเป็นการทํางานระบบอัตโนมัติซึ่งส่วนใหญ่ใช้ กลไกการควบคุมอัตโนมัติทํางาน เช่น การดําเนินงานผลิต การตรวจสอบ การควบคุม ฯลฯ การทํางานเหล่านี้อาศัยระบบการควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์

อุตสาหกรรมทางด้านคอมพิวเตอร์เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและมีการ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในระยะปีหรือสองปีข้างหน้า ยากที่จะคาดเดาว่าจะมีการพัฒนา ผลิตภัณฑ์อะไรใหม่ขึ้นมาอีกบ้าง ทั้งนี้เพราะขีดความสามารถของคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน สูงมากโดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับไมโครคอมพิวเตอร์ (Micro Computer)




ภาพที่ 9การใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมระบบต่างๆในอาคาร

มีผู้กล่าวว่าการปฏิวัติครั้งที่สามกําลังจะเกิดขึ้น โดยสิ่งที่เกิดใหม่นี้ ได้แก่การ พัฒนาการทางด้านความคิด การตัดสินใจ โดยอาศัยหลักการของคอมพิวเตอร์ ผู้จัดการเพียง คนเดียวอาจทํางานทั้งหมดโดยอาศัยระบบคอมพิวเตอร์ควบคุม ทําการควบคุมหุ่นยนต์ คอมพิวเตอร์และให้หุ่นยนต์ควบคุมการทํางานของเครื่องจักรอีกต่อหนึ่ง

ประเทศไทยสั่งเข้าสินค้าเทคโนโลยีระดับสูงปริมาณมากจึงต้องซื้อเทคนิควิธีการ ตลอดจนเครื่องมือเครื่องจักรเข้ามามากตามไปด้วย ขณะเดียวกันเรายังขาดบุคลากรที่จะใช้เครื่องจักรเครื่องมือเหล่านั้นให้มีประสิทธิภาพ การสูญเสียเงินตราเนื่องจากสาเหตุนี้จึงเกิดขึ้น มิใช่น้อย หลายโรงงานยังไม่กล้าใช้เครื่องจักรที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ เพราะหาบุคลากรในการ ดําเนินการได้ยาก แต่ในระยะหลังค่าจ้างแรงงานสูงขึ้นและการแข่งขันทางธุรกิจมีมากขึ้น จึง ตกอยู่ในสภาวะจํายอมที่จะเอาเครื่องมือเหล่านั้นเข้ามาเนื่องจากเครื่องมือดังกล่าวให้ผลผลิต ที่ดีกว่าของเดิมและมีราคาต้นทุนต่ำลงอีกด้วย

ความเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมเกือบทุกแขนงมีคอมพิวเตอร์เข้ามาเกี่ยวข้อง ด้วยเสมอ ระบบการผลิตส่วนใหญ่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์แทรกเข้ามาเกือบ ทุกกระบวนการ ตั้งแต่การควบคุม การขนส่งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การควบคุมคุณภาพ การวัดและการบรรจุหีบห่อตลอดถึงการใช้เครื่องทุ่นแรงบางอย่าง

เครื่องมือที่ใช้วัดเกือบทุกประเภทมักมีไมโครโพรเซสเซอร์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ส่วน หนึ่งของคอมพิวเตอร์เกี่ยวข้องด้วยเสมอ เช่น การวัดอุณหภูมิวัดความดัน วัดความเร็วการ ไหลวัดระดับของเหลววัดปริมาณค่าที่จําเป็นสําหรับการควบคุมคุณภาพ

ในยุควิกฤตการณ์พลังงาน หลายประเทศพยายามลดการใช้พลังงาน โรงงาน พยายามหาทางควบคุมพลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อจะลดค่าใช้จ่ายลง จึงนําเอา คอมพิวเตอร์มาช่วยควบคุม เช่น ควบคุมการเดินเครื่องให้เหมาะสม ควบคุมปริมาณการใช้ พลังงาน ควบคุมการจัดภาระงานให้เหมาะสม รวมถึงการควบคุมสิ่งแวดล้อมต่างๆ ด้วย

พัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศ

เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทต่อชีวิตประจําวัน สังเกตได้จากการนํา คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมาใช้ในสํานักงาน การจัดทําระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ การใช้ อุปกรณ์อํานวยความสะดวกที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แสดงว่าเทคโนโลยี สารสนเทศและคอมพิวเตอร์มีการใช้เพื่อการคํานวณและเก็บข้อมูลได้แพร่ไปทั่วทุกแห่ง เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทสําคัญต่อการแข่งขันด้านธุรกิจและการขยายตัวของบริษัท มี ผลต่อการให้บริการขององค์การและหน่วยงาน

ก่อนการปฏิวัติทางอุตสาหกรรม ประชากรโลกส่วนใหญ่จะยึดอาชีพเกษตรกรรม เป็นแกนหลัก มีเพียงบางส่วนยึดอาชีพบริการและทํางานในโรงงานอุตสาหกรรม แต่เมื่อมีการ ปฏิวัติอุตสาหกรรม พลเมืองในชนบทเป็นจํานวนมากละทิ้งถิ่นฐานเดิม จากการทําไร่ไถนามา ทํางานในโรงงานอุตสาหกรรม ทําให้เกิดการขยายตัวของประชากรในภาคอุตสาหกรรมและการ ลดน้อยลงในภาคเกษตรกรรม ขณะที่ผู้ทํางานด้านบริการจะค่อยๆ ขยับสูงขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมๆกับการมีผู้ทํางานด้านสารสนเทศ ที่ค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นตลอดอย่างต่อเนื่อง

เทคโนโลยีสารสนเทศเพิ่งเกิดขึ้น และเริ่มเมื่อไม่นานมานี้เอง เมื่อราว พ.ศ. 2500 เทคโนโลยีสารสนเทศยังไม่แพร่หลายนัก จะมีเพียงการใช้โทรศัพท์เพื่อการติดต่อสื่อสารและ เริ่มมีการนําคอมพิวเตอร์มาช่วยประมวลผลข้อมูล งานด้านสารสนเทศอื่นๆ ส่วนใหญ่ยังคง เป็นงานภายในสํานักงานที่ยังไม่มีอุปกรณ์และเครื่องมือด้านเทคโนโลยีมาช่วยงานเท่าใดนัก

เมื่อมีการประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์ช่วยงานสารสนเทศมากขึ้น เช่น เครื่องถ่าย สําเนาเอกสาร เครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้า เครื่องโทรสาร และเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ อาชีพของ ประชากรก็ปรับเปลี่ยนมาสู่งานด้านสารสนเทศมากขึ้น งานด้านสารสนเทศมีแนวโน้มขยายตัว ที่ค่อนข้างสดใสเพราะเทคโนโลยีด้านนี้ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนอย่างเต็มที่ด้วยการพัฒนา ค้นคว้าวิจัยให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาตอบสนองความต้องการของมนุษย์อยู่ตลอดเวลา

ภาพที่ 10การใช้คอมพิวเตอร์ทํางานในสํานักงาน

ระบบสารสนเทศที่กําลังได้รับความสนใจอย่างมากในขณะนี้ คือ เทคโนโลยีแบบ สื่อประสม (Multimedia) ซึ่งรวมข้อความ จํานวน ภาพ สัญลักษณ์และเสียงเข้ามาผสมกัน เทคโนโลยีนี้กําลังได้รับการพัฒนา ในอนาคตเทคโนโลยีแบบสื่อประสมจะช่วยเสริมและ สนับสนุนงานด้านสารสนเทศให้ก้าวหน้าต่อไป เป็นที่คาดหมายว่าอัตราการเติบโตของ ผู้ทํางานด้านนี้จะมีมากขึ้น จนนําหน้าสายอาชีพอื่นได้ทั้งหมดในไม่ช้านี้

สํานักงานเป็นแหล่งที่มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมากที่สุด เช่น การใช้เครื่อง คอมพิวเตอร์ทําบัญชีเงินเดือนและบัญชีรายรับรายจ่ายการติดต่อสื่อสารภายในและภายนอกหน่วยงานด้านการใช้เครื่องโทรศัพท์ เครื่องโทรสารและการใช้ตู้ชุมสายโทรศัพท์ การจัดเตรียม เอกสารด้วยการใช้เครื่องพิมพ์ดีดเครื่องถ่ายสําเนา และเครื่องคอมพิวเตอร์

แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศจะค่อยๆ กลายมาเป็นระบบรวม โดยให้เครื่อง ระบบหนึ่งทํางานพร้อมกันได้หลายๆ อย่าง เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ นอกจากใช้ประมวลผล ข้อมูลด้านบัญชีแล้ว ยังใช้งานจัดเตรียมเอกสารแทนเครื่องพิมพ์ดีด ใช้รับส่งข้อความหรือ จดหมายกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างไกล ซึ่งอาจอยู่คนละซีกโลกในลักษณะที่เรียกว่า ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์สําหรับเครื่องถ่ายเอกสาร นอกจากจะใช้ถ่ายสําเนาเอกสารตามปกติ แล้ว อาจเพิ่มขีดความสามารถให้ใช้งานเป็นเครื่องพิมพ์คอมพิวเตอร์ หรือเป็นเครื่องรับส่ง โทรสารไปในตัว

การพัฒนาทางเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านฮาร์ดแวร์ (Hardware) ซอฟต์แวร์ (Software) ด้านข้อมูล และการติดต่อสื่อสาร ผู้ใช้จึงต้องปรับตัว ยอมรับและเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะข้อมูลและการติดต่อสื่อสารซึ่ง เป็นหัวใจสําคัญของการดําเนินธุรกิจจํานวนมาก หากการดําเนินงานธุรกิจใช้ข้อมูล ซึ่งมีการ บันทึกใส่กระดาษและเก็บรวบรวมใส่แฟ้ม การเรียกค้นและสรุปผลข้อมูลย่อมทําได้ช้า และ เกิดความผิดพลาดได้ง่ายกว่าการประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์เทคโนโลยีสมัยใหม่ จะช่วยงานให้ง่ายสะดวกรวดเร็วขึ้น ช่วยให้สามารถตัดสินใจดําเนินงานได้เร็วและถูกต้องดีขึ้น

ขอบเขตของเทคโนโลยีสารสนเทศ

คําว่า “เทคโนโลยี” หมายถึง การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ความ จริงเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาทําให้เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษย์เทคโนโลยีจึงเป็น วิธีการในการสร้างมูลค่าเพิ่มของสิ่งต่างๆ ให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น เช่น ทรายหรือซิลิกอน เป็นสารแร่ที่พบเห็นทั่วไปตามชายหาด หากนํามาสกัดด้วยเทคโนโลยีและใช้เทคนิควิธีการ สร้างเป็นชิป (chip) สําหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ จะทําให้สารแร่ซิลิกอนนั้นมีคุณค่า และมูลค่าเพิ่มขึ้นได้อีกมาก









ภาพที่11ชิป (chip)

สําหรับสารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลที่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับความจริงของคน สัตว์ สิ่งของ ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม และมีการจัดเก็บรวบรวม เรียกค้นได้ และสื่อสาร ระหว่างกันได้อีกทั้งสามารถนํามาใช้ให้เกิดประโยชน์ร่วมกันได้

เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology : IT) หมายถึงการนําเทคโนโลยี มาใช้สร้างข้อมูลเพิ่มให้กับสารสนเทศ ทําให้สารสนเทศมีประโยชน์และใช้งานได้กว้างขวาง มากขึ้น เทคโนโลยีสารสนเทศรวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆ ที่จะรวบรวม จัดเก็บใช้งาน ส่งต่อ หรือสื่อสารระหว่างกัน เทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวข้องโดยตรงกับเครื่องมือเครื่องใช้ใน การจัดการสารสนเทศ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์รอบข้าง ขั้นตอนวิธีการ ดําเนินการซึ่งเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ เกี่ยวข้องกับตัวข้อมูล เกี่ยวกับบุคลากร เกี่ยวข้องกับ กรรมวิธีการดําเนินงานเพื่อให้ข้อมูลเกิดประโยชน์สูงสุด

ภาพที่12การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

เทคโนโลยีสารสนเทศจึงเป็นเทคโนโลยีที่ครอบคลุมเรื่องเกี่ยวกับการประมวลผล ข้อมูลซึ่งได้แก่การใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์การติดต่อสื่อสารระหว่างกันด้วยความรวดเร็ว การจัดการข้อมูลรวมถึงวิธีการที่จะใช้ข้อมูลให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ

ในภาวะสังคมปัจจุบัน วงการศึกษาสนใจให้ความรู้ด้านคอมพิวเตอร์และส่งเสริม การนําเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาประยุกต์งานต่างๆ มากขึ้น การบริหารธุรกิจของบริษัท ห้างร้านต่างๆ ทั้งในระดับใหญ่และระดับกลางตลอดจนหน่วยงานของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ มีการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อใช้ในองค์การด้วยการเก็บข้อมูล ประมวลผลและวิเคราะห์ ข้อมูล แล้วนําผลลัพธ์มาช่วยในการวางแผนและตัดสินใจ

ระยะเริ่มแรกที่มนุษย์ได้คิดค้นประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะเป็นเครื่อง คํานวณอิเล็กทรอนิกส์คอมพิวเตอร์ได้ถูกใช้ทํางานด้านการคํานวณทางวิทยาศาสตร์เป็นส่วน ใหญ่แล้วจึงนํามาใช้เก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลทางด้านธุรกิจในเวลาต่อมา ยุคแรกนี้ เรียกว่ายุคการประมวลผลข้อมูล(data processing age)

ข้อมูลที่ได้มาควรจะต้องทําการประมวลผลให้ได้เป็นสารสนเทศก่อน จึงจะ นําไปใช้ให้เกิดประโยชน์วิธีการประมวลผลข้อมูลจะเริ่มตั้งแต่การรวบรวมจัดเก็บข้อมูล เมื่อ ได้ข้อมูลแล้วต้องทําการตรวจสอบความถูกต้อง แบ่งกลุ่มจัดประเภทของข้อมูล เช่น ข้อมูล ตัวอักษรซึ่งเป็นชื่อหรือข้อความก็อาจต้องมีการเรียงลําดับ และข้อมูลตัวเลขก็อาจต้องมีการ คํานวณ จากนั้นจึงทําสรุปได้เป็นสารสนเทศออกมาถ้าข้อมูลที่นํามาประมวลผลมีจํานวนมาก จนเกินความสามารถของมนุษย์ที่จะทําได้ในเวลาอันสั้น ก็จําเป็นจะต้องนําเครื่องคอมพิวเตอร์ มาช่วยเก็บข้อมูล และประมวลผลข้อมูลเมื่อข้อมูลอยู่ภายในคอมพิวเตอร์ การแก้ไขหรือเรียก ค้นสามารถทําได้ง่ายและสะดวกขณะเดียวกันการทําสําเนาและการแจกจ่ายข้อมูล ก็สามารถ ดําเนินการได้ทันที

งานที่เกิดขึ้นจากการประมวลผลข้อมูลมักจะเก็บในลักษณะแฟ้มข้อมูล ตัวอย่างเช่น การทําบัญชีเงินเดือนของพนักงานในบริษัท ข้อมูลเงินเดือนของพนักงานที่เก็บ ในคอมพิวเตอร์จะรวมกันเป็นแฟ้มข้อมูลที่ประกอบด้วยชื่อพนักงาน เงินเดือน และข้อมูล สําคัญอื่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์จะเรียกแฟ้มเงินเดือนมาประมวลผลและสรุปผลรวมยอด ขั้นตอนการทํางานจะต้องทําพร้อมกันทีเดียวทั้งแฟ้มข้อมูล ที่เรียกว่า การประมวลผล แบบกลุ่ม (batch processing)

แต่เนื่องจากระบบงานที่เกิดขึ้นภายในองค์การค่อนข้างจะซับซ้อน เช่น รายได้ของ พนักงานที่ได้รับในแต่ละเดือน อาจไม่ได้มาจากอัตราเงินเดือนประจําเท่านั้น แต่จะมีมาจาก ค่านายหน้าจากการขายสินค้าด้วย ในลักษณะนี้แฟ้มข้อมูลการขายจะสัมพันธ์กับแฟ้มข้อมูล เงินเดือน และสัมพันธ์กับแฟ้มข้อมูลอื่นๆ เช่น ค่าสวัสดิการ การหักเงินเดือนเป็นค่าใช้จ่าย ต่างๆ เช่น ค่าน้ํา ค่าไฟฟ้า ระบบข้อมูลจะกลายมาเป็นระบบที่มีแฟ้มข้อมูลหลายแฟ้มมาเชื่อม สัมพันธ์กัน และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่จะเรียกแฟ้มข้อมูลเหล่านั้นมาจัดการให้เป็นไปตาม ชิ้นงานที่ต้องการก็ยิ่งยากและซับซ้อนมากขึ้น ในที่นี้เรียกว่า ระบบฐานข้อมูล (database)

การจัดการข้อมูลที่เป็นฐานข้อมูล จะเป็นระบบสารสนเทศที่มีประโยชน์ซึ่งจะ นําไปช่วยงานด้านต่าง ๆ อย่างได้ผล ระบบข้อมูลที่สร้างเพื่อใช้ในบริษัทจะเป็นระบบ ฐานข้อมูลของกิจกรรมที่เกิดขึ้น เพื่อแสดงสารสนเทศที่เป็นจริงของบริษัท สามารถนํา ข้อเท็จจริงนั้นไปวิเคราะห์และนําผลลัพธ์ไปประกอบการตัดสินใจของผู้บริหาร เพื่อการ วางแผนและกําหนดนโยบายการจัดการต่างๆ

ในปัจจุบันการนําคอมพิวเตอร์ไปใช้งานของประเทศต่างๆ ทั่วโลก จะอยู่ที่การใช้ สารสนเทศเป็นส่วนใหญ่ แนวโน้มของระบบจัดการข้อมูลของยุคนี้จะเริ่มเปลี่ยนจากระบบงาน การประมวลผลแบบกลุ่มมาเป็นระบบตอบสนองทันที ที่เรียกว่าการประมวลผลแบบเชื่อมตรง ซึ่งเราคงจะได้ยินได้ฟังการโฆษณาประชาสัมพันธ์การฝากถอนเงินของธนาคารต่างๆ มาแล้ว

ขณะที่ประเทศต่างๆ ยังอยู่ในยุคของการประมวลผลสารสนเทศ ประเทศบาง ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ก็ได้พยายามก้าวเดินไปสู่การประมวลฐานความรู้ (knowledge base processing) โดยให้คอมพิวเตอร์ใช้ง่าย รู้จักตอบสนองกับผู้ใช้และสามารถ แก้ปัญหาที่ต้องอาศัยการตัดสินใจระดับสูง ด้วยการเก็บสะสมฐานความรู้ไว้ในคอมพิวเตอร์ และมีโครงสร้างการให้เหตุผลเพื่อนําความรู้มาช่วยแก้ปัญหาที่สลับซับซ้อน

ยุคของการประมวลฐานความรู้เป็นการประยุกต์ใช้หลักวิชาด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ที่รวบรวมศาสตร์หลายแขนง คือ คอมพิวเตอร์ จิตวิทยา ปรัชญา และภาษาศาสตร์เข้าด้วยกัน ตัวอย่างชิ้นงานของยุคนี้ได้แก่ หุ่นยนต์ และระบบผู้เชี่ยวชาญ (expert system) ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ที่เป็นระบบผู้เชี่ยวชาญมาช่วยในการวินิจฉัยโรคต่างๆ การสํารวจทรัพยากรธรรมชาติ และการอนุมัติให้กู้ยืมเงินเพื่อทําโครงการของธนาคารเป็นต้น

ประโยชน์ที่ได้จากเทคโนโลยีสารสนเทศ

ชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันเกี่ยวข้องกับสารสนเทศต่างๆ มากมาย การอยู่รวม เป็นสังคมของมนุษย์ทําให้ต้องสื่อสารถึงกัน ต้องติดต่อและทํางานหลายสิ่งหลายอย่างร่วมกัน สมองของเราต้องจดจําสิ่งต่างๆ ไว้มากมายต้องจดจํารายชื่อผู้ที่เราเกี่ยวข้องด้วย จดจําข้อมูล ต่างๆ ไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในภายหลัง สังคมจึงต้องการความเป็นระบบที่มีรูปแบบชัดเจน เช่น การกําหนดเลขบ้าน ชื่อถนน อําเภอ จังหวัด ทําให้สามารถติดต่อส่งจดหมายถึงกันได้เลขบ้าน เป็นสารสนเทศอย่างหนึ่งที่ใช้งานกันอยู่

เพื่อให้สารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์เป็นระบบมากขึ้น จึงมีการจัดการ สารสนเทศเหล่านั้นในลักษณะเชิงระบบ เช่น ระบบทะเบียนราษฎร์ มีการใช้เลขประจําตัว ประชาชน ซึ่งเป็นเลขรหัส 13 ตัว แต่ละตัวจะมีความหมายเพื่อใช้ในการตรวจสอบ เช่น แบ่ง ตามประเภท ตามถิ่นที่อยู่การเข้ารับการตรวจรักษาในโรงพยาบาลต้องมีการลงทะเบียน การสร้างเวชระเบียน ระบบเสียภาษีก็มีการสร้างรหัสประจําตัวผู้เสียภาษี นอกจากนี้มีการจด ทะเบียนรถยนต์ทะเบียนการค้า ทะเบียนโรงงาน ฯลฯ

ภาพที่ 13 บัตรประจําตัวประชาชน

การใช้สารสนเทศเกี่ยวข้องกับทุกคน การเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ จึงมีความจําเป็น ปัจจุบันเราใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าด้วยบัตรเครดิต เบิกเงินด้วยบัตรเอทีเอ็ม การโอนย้ายข้อมูลในลักษณะอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวข้องกับเรามากขึ้น

เทคโนโลยีสารสนเทศจึงเป็นเทคโนโลยีแห่งศตวรรษนี้ ที่ใช้ในการจัดเก็บรวบรวม ข้อมูลข้อมูลจํานวนมากได้รับการบันทึกไว้ในรูปแบบที่ให้เครื่องจักรอ่านได้ เช่น อยู่ในแถบ บันทึก แผ่นบันทึก แผ่นซีดีรอม ดังจะเห็นเอกสารหรือหนังสือ หรือสารานุกรมบรรจุในแผ่น ซีดีรอม หนังสือทั้งตู้อาจเก็บในแผ่นซีดีรอมเพียงแผ่นเดียว

ภาพที่14แผ่นซีดีรอม แผ่นบันทึก

การสื่อสารข้อมูลที่เห็นเด่นชัดขณะนี้ และกําลังมีบทบาทมากอย่างหนึ่งคือ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นการส่งข้อความถึงกันโดยส่งผ่านคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้นั่งอยู่ หน้าจอภาพ พิมพ์ข้อความเป็นจดหมายหรือเอกสาร พิมพ์เลขที่อยู่ของไปรษณีย์ อิเล็กทรอนิกส์ของผู้รับและส่งผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ผู้รับก็สามารถเปิดคอมพิวเตอร์ ของผู้รับเพื่อค้นหาจดหมายได้และสามารถตอบโต้กลับได้ทันท

ภาพที่ 15จอภาพแสดงการส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส

เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจําวันเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้เป็นเรื่องที่ รวมไปถึงการรวบรวม การจัดเก็บข้อมูลการจัดการข้อมูลและประมวลผลข้อมูล ข้อมูลที่ จัดเก็บ ต้องมีการตรวจสอบเพื่อความถูกต้อง จัดรูปแบบเพื่อให้อยู่ในรูปแบบที่ประมวลผลได้ เช่น การเก็บนามบัตรของเพื่อนหรือบุคคลที่มีการติดต่อซึ่งมีจํานวนมาก เราอาจหากล่อง พลาสติกมาใส่นามบัตร มีการจัดเรียงนามบัตรตามอักษรของชื่อสร้างดัชนีการเรียกค้นเพื่อให้ หยิบค้นได้ง่ายเมื่อไมโครคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทมาก ทําให้มีการเปลี่ยนรูปแบบของการ จัดเก็บในลักษณะบัตรมาเป็นการจัดเก็บข้อมูลไว้ในแผ่นบันทึก โดยมีระบบการจัดเก็บและ ประมวลผลลักษณะเดียวกับที่กล่าว เมื่อต้องการเพิ่มเติมปรับปรุงข้อมูลหรือเรียกค้นก็นํา แบบบันทึกนั้นมาใส่ในไมโครคอมพิวเตอร์ทําการเรียกค้น แล้วแสดงผลบนจอภาพหรือพิมพ์ ออกทางเครื่องพิมพ์

ภาพที่ 16 การใช้โปรแกรมไมโครซอฟต์แอกเซสเก็บข้อมูล

การจัดการข้อมูลด้วยไมโครคอมพิวเตอร์ทําได้สะดวกไมโครคอมพิวเตอร์จึงเป็นที่ นิยมสําหรับการจัดการข้อมูลในยุคปัจจุบัน ขณะเดียวกันไมโครคอมพิวเตอร์ก็มีราคาลดลง และมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น จึงเชื่อแน่ว่าบทบาทของการจัดการข้อมูลในชีวิตประจําวันจะ เพิ่มมากขึ้นต่อไป

โครงสร้างและรูปแบบของข้อมูลที่ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ เป็นโครงสร้าง ที่จะต้องมีรูปแบบชัดเจน การจัดการข้อมูลจึงต้องมีข้อตกลงเฉพาะ เช่น การกําหนดรหัสเพื่อ ใช้ในการแยกแยะข้อมูล รหัสจึงมีความสําคัญ เพราะคอมพิวเตอร์สามารถแยกแยะข้อมูลด้วย รหัสได้ง่ายลองนึกดูว่าหากมีข้อมูลจํานวนมากแล้วให้คอมพิวเตอร์ค้นหาโดยค้นหาตั้งแต่หน้า แรกเป็นต้นไป การดําเนินการเช่นนี้ กว่าจะค้นพบอาจไม่ทันต่อความต้องการ การดําเนินการ เกี่ยวกับข้อมูลจึงต้องมีการกําหนดเลขรหัส เช่น รหัสประจําตัวประชาชน รหัสเลขทะเบียน คนไข้ รหัสทะเบียนรถยนต์ ทะเบียนใบขับขี่ เป็นต้น การจัดการในลักษณะนี้จึงต้องมีการสร้าง ระบบเพื่อความเหมาะสมกับการทํางานของคอมพิวเตอร์เป็นสําคัญ

ภาพที่ 17โครงสร้างและรูปแบบของข้อมูล

ที่ใช้โปรแกรมไมโครซอฟต์แอกเซส

ข้อเด่นของการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ นอกจากเรื่องความเร็วและ ความแม่นยําแล้วยังเป็นเรื่องของการคัดลอกและแจกจ่ายข้อมูลไปยังผู้ใช้ได้สะดวก ข้อมูล ที่เก็บในรูปแบบสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์สามารถเปลี่ยนถ่ายระหว่างตัวกลางได้ง่าย เช่น การสําเนาระหว่างแผ่นบันทึกข้อมูลสามารถทําเสร็จได้ในเวลาไม่นาน

ด้วยความก้าวหน้าและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมในยุคของสารสนเทศ การปรับตัวของสังคมจึงต้องเกิดขึ้น ประเทศที่เจริญแล้วประชากรส่วนใหญ่จะอยู่กับเครื่องจักรเครื่องมือต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสารสนเทศมีเครือข่ายการให้บริการใหม่ๆ เพิ่มขึ้น หลายอย่าง ขณะที่เราอยู่บ้าน อาจใช้โทรทัศน์ติดต่อเข้าระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (internet) เพื่อขอเรียกดูราคาสินค้า ขอดูข่าวเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศ ข่าวความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับการเมือง อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา นอกจากนี้ยังมีระบบการสั่งซื้อของผ่านทาง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ แม่บ้านใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัวที่บ้านต่อเชื่อมผ่านเครือข่าย สายโทรศัพท์ไปยังห้างสรรพสินค้าเพื่อเปิดดูรายการสินค้าและราคา แม่บ้านสามารถสั่งซื้อ ได้เมื่อต้องการ

ภาพที่ 18การใช้สารสนเทศบนเครือข่าย

บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศที่กําลังเปลี่ยนแปลงสังคมนี้เอง ผลักดันให้เรา ต้องศึกษาหาความรู้เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสังคมได้กระทรวงศึกษาธิการได้เพิ่มเติมหลักสูตร เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เข้าไปในหลักสูตรมัธยมศึกษาหลายรายวิชา โดยมุ่งเน้นให้เยาวชนของ ชาติได้มีโอกาสเรียนรู้เทคโนโลยีเหล่านี้ หากไม่หาทางปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีและเรียนรู้ให้ เข้าใจ เพื่อให้มีการพัฒนาสังคมไทยได้อย่างเหมาะสม เราจะตกเป็นทาสของเทคโนโลยีเราจะ เป็นเพียงผู้ใช้ที่ต้องเสียเงินตราให้ต่างประเทศอีกมากมาย

ภาพที่ 19 นักเรียนใช้เครื่องแท็บเล็ตพีซี

ตามโครงการ One Tablet PC Per Child

ในสังคมยุคปัจจุบันซึ่งเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ( Learning Society ) ในปัจจุบัน นั้น สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาจะมีบทบาทสําคัญค่อนข้างมากต่อการนํามาใช้ในการ พัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพทางการเรียนในสังคมยุคใหม่ในปัจจุบันที่สื่อการศึกษาประเภท “คอมพิวเตอร์ ( Computer )”จะมีอิทธิพลค่อนข้างสูงในศักยภาพการปรับใช้ดังกล่าว และ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาไทยตามนโยบายการแจกแท็บเล็ตเพื่อเด็กนักเรียนในปัจจุบันโดย มุ่งเน้นให้กลุ่มนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1ตามโครงการ One Tablet PC Per Child ซึ่งเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่แถลงไว้นั้น เป็นการสร้างมิติใหม่ของการศึกษาไทยในการเข้าถึง การปรับใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาในยุคปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่สอง โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ( นายวรวัจน์ เอื้อ อภิญกุล ) ได้กล่าวไว้ว่าการจัดหา เครื่องคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตให้แก่โรงเรียนโดยเริ่ม ดําเนินการในโรงเรียนนําร่องสําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2555ควบคู่ กับการพัฒนาเนื้อหาสาระที่เหมาะสมตามหลักสูตรบรรจุลงในคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต รวมทั้ง จัดระบบอินเทอร์เน็ตไร้สายในระดับการใช้ การบริหารและในพื้นที่สาธารณะและสถานศึกษา โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

นโยบายของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการตามที่กล่าวในเบื้องต้น เป็นแนวคิด ที่จะนําเอาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษามาประยุกต์ใช้กับการเรียนรู้ของนักเรียนในรูปแบบ ใหม่โดยการใช้แท็บเล็ต ( Tablet ) เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้และแสวงหาองค์ ความรู้ในรูปแบบต่างๆที่มีอยู่ในรูปแบบทั้ง Offline และ Online ทําให้ผู้เรียนมีโอกาสศึกษา หาความรู้ ฝึกปฏิบัติ และสร้างองค์ความรู้ต่างๆได้ด้วยตัวเอง ซึ่งการจัดการเรียนการสอนใน ลักษณะดังกล่าวนี้ได้เกิดขึ้นแล้วในต่างประเทศ ส่วนในประเทศไทยมีการจัดการเรียนการสอน ทั้งประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษาในบางแห่งเท่านั้น

เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต ( Tablet PC ) นับได้ว่าเป็นสื่อกระแสหลักที่ กําลังมาแรงในสังคมยุคออนไลน์หรือสังคมสารสนเทศระบบเปิดในปัจจุบัน เป็นสื่อที่ถูก นํามาใช้ประโยชน์ในทุกกลุ่มอาชีพรวมทั้งการศึกษาและการเรียนรู้ของผู้เรียนทุกระดับ เนื่องมาจากสมรรถนะทางเทคโนโลยีที่สร้างความสะดวกและมีประสิทธิภาพสูงในการใช้งานจึง ทําให้สื่อดังกล่าวมีบทบาทอย่างมากในปัจจุบัน แม้แต่ในวงการศึกษาไทยที่ภาครัฐยังได้ กําหนดและสนับสนุนการใช้ให้เกิดการเรียนรู้ในวงกว้างในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตามนวัตกรรมและเทคโนโลยีตามกระแสสังคมต้องมีการวางแผนและ ปรับใช้อย่างรอบคอบ เพื่อให้บรรลุผลสูงสุดในทางปฏิบัติและคุ้มค่ากับการลงทุน ดังนั้น ผู้เกี่ยวข้องกับการใช้สื่อแท็บเล็ตเพื่อการศึกษาคงต้องวิเคราะห์รายละเอียดและกําหนดแนวทางที่ชัดเจนในการปรับใช้กับผู้เรียน และประการสําคัญคือตัวผู้สอนคือ “ครู” คงต้องมี ทักษะและสร้าง Computer Literacy ที่เหมาะสมกับระดับความสามารถของตนเอง เพื่อรับมือ กับอิทธิพลการปรับใช้แท็บเล็ตในการเรียนรู้ร่วมกับผู้เรียนดังกล่าวควบคู่ไปกับการศึกษาวิจัย เพื่อน าไปสู่เป้าหมายที่เกิดประโยชน์สูงสุดร่วมกันโดยรวม

ภาพที่ 20 Youtube กับการศึกษา

youtube คือเว็บไซต์ที่ให้บริการแลกเปลี่ยนภาพวิดีโอระหว่างผู้ใช้ได้ฟรี โดยนํา เทคโนโลยีของ Adobe Flash มาใช้ในการแสดงภาพวิดีโอ ซึ่งยูทูบมีนโนบายไม่ให้อัปโหลด คลิปที่มีภาพโป๊เปลือยและคลิปที่มีลิขสิทธิ์ นอกเสียจากเจ้าของลิขสิทธิ์ได้อัปโหลดเอง

เมื่อสมัครสมาชิกแล้วผู้ ใช้จะสามารถใส่ภาพวิดีโอเข้าไป แบ่งปันภาพวิดีโอให้คน อื่นดูด้วย แต่หากไม่ได้สมัครสมาชิกก็สามารถเข้าไปเปิดดูภาพวิดีโอที่ผู้ใช้คนอื่น ๆ ใส่ไว้ใน Youtube ได้ แม้จะก่อตั้งได้เพียงไม่นาน (youtube ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2005) Youtube เติบโตอย่างรวดเร็วมาก เป็นที่รู้จักันแพร่หลายและได้รับความนิยมทั่วโลก ต่อมาปี ค.ศ.2006กูเกิ้ลซื้อยูทูบ ตอนนี้ยูทูบจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของกูเกิ้ลแล้ว

Youtube เป็นการบริการที่ดีเหมือนกับการใช้การรับส่งวิทยุโดยมือสมัครเล่น ใครก็สามารถรับเนื้อหาของ Youtube เข้าไปดูและติติงอัดเก็บไว้ดูได้ แต่เนื้อหาเช่นเดียวกัน กับการรับส่งวิดีโอ (videoblogging) ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทีมงานหลัก 67 คน ของ youtube ได้รับ การยกย่อง จาก TIME แม็กกาซีน ให้เป็น “นักคิดหรือนักประดิษฐ์แห่งปี” ประจําปี 2549 ใน เดือนตุลาคม 2549 ที่ผ่านมา แต่ในประเทศไทยมัวสาระวนอยู่กับการยึดอํานาจบริหาร บ้านเมืองกัน

แล้วนำไปใช้อย่างไร ???

Youtube เป็นเทคโนโลยีของการเล่นวีดีโอของผู้คนที่สมัครเป็นสมาชิก แล้ว Upload วีดีโอขึ้นไปไว้ให้คนอื่นได้ชม และสามารถเขียนคําวิจารณ์ได้ วีดีโอบางชุดมีคนเข้า ไปดูนับล้านครั้ง ส่งผลให้เจ้าของเรื่องในวีดีโอดังชั่วข้ามคืน และวีดีโอของเทคโนโลยีที่ สามารถอัดเก็บไว้ได้และนํามานําเสนอได้ใหม่ที่อยู่บนพื้นฐานของโปรแกรม Macromedia’s FlashPlayer 7ขี้นไป และใช้โปรแกรมบันทึกวิดีโอแบบ Sorenson Spark H.263อีกทั้ง เทคโนโลยีนี้มีความสอดรับกับ Youtube ที่จะสามารถใช้วิดีโอเล่นภาพและเสียงได้อย่างมี คุณภาพเทียบเคียงได้กับการวิดีโอที่เล่นอยู่ที่บ้าน และสามารถนํากลับมาเล่นซ้ําได้ เหมือนกับ Windows Media Player, Realplayer หรือ Quicktime Player ของแอปเปิ้ล (Apple) ที่ผู้ใช้โดยทั่วไปต้องการที่จะ ดาวน์โลด(Download) และติดตั้งเบราเซอร์ (browser plug-in) และเชื่อมต่อเพื่อจะดูวิดีโอ เมื่อทําการเชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ต หรือในอีกทาง หนึ่งผู้ใช้ (Users) สามารถเข้าไปใช้โดยเข้าเป็นสมาชิกของ เว็บไซต์เพื่อที่จะทําการ Download วิดีโอมาติดตั้งไว้ในคอมพิวเตอร์ของตนเองและใช้งาน Youtube อย่างฟรีๆ และมีความสุข

แม้ว่าการใช้งานวีดิโอคลิปจาก YouTube จะเป็นเรื่องง่าย แต่ทว่าการเข้าชมผ่าน หน้าเว็บไซต์ จําเป็นต้องเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ของท่านเข้ากับโครงข่ายอินเตอร์เน็ต เท่านั้น จึงจะสามารถรับชมวีดิโอคลิปเหล่านั้นได้ อีกทั้งยังต้องใช้เวลาในการดาวน์โหลดทุก ครั้งที่เปิดชมวีดิโอคลิปเรื่องนั้น ซึ่งไม่เป็นผลดีหากใช้งานในที่ที่ไม่มีอินเตอร์เน็ต หรือมี แต่ ความเร็วในการรับส่งข้อมูลของอินเตอร์เน็ตนั้นช้ามาก

ทำไมต้องเป็น youtube ???

แต่ด้วยตัวยูทูบเองที่มีเนื้อหามากมายเป็นแสนชิ้น ทั้งสื่อและเครื่องมือการเรียนรู้ ดีๆที่สามารถใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนในห้องเรียนได้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีสื่อประเภทที่ สุ่มเสี่ยง และทําให้เด็กและเยาวชนไขว้เขวไปได้ ทั้งจากมิวสิควีดีโอ การ์ตูน และไม่ได้ใช้เป็น ช่องทางเพื่อการเรียนรู้สักทีเดียว จึงเป็นที่มาของการเปิดหน้าการศึกษาล่าสุดเของยูทูบขึ้น ที่เรียกว่า “ยูทูบสําหรับโรงเรียน” หรือ (Youtube for Schools) เป็นช่องทางการเรียนรู้ที่ จัดตั้งขึ้น โดยจะมีเนื้อแต่เรื่องการศึกษาแต่เพียงอย่างเดียว โดยได้ร่วมมือกับภาคีด้าน การศึกษากว่า 600แห่ง เช่น TED , Smithsonian เว็บไซด์ชื่อดังเรื่องที่ได้รวบรวมแหล่ง เรียนรู้และนิทรรศการต่างๆเอาไว้,Steve Spangler แหล่งผลิตเกมส์และของเล่นเพื่อการพัฒนา ทักษะด้านวิทยาศาสตร์ หรือ Numberphile ที่สอนคณิตศาสตร์ออนไลน์ เป็นต้น นอกจากนี้ เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา ยูทูบได้ทํางานร่วมกับครูในการจัดแบ่งเนื้อหากว่า 300 ชิ้น ออกเป็นรายวิชา และระดับชั้น โดยสื่อเหล่านี้ยูทูบเชื่อว่าจะช่วยเสริมการเรียนรู้ในห้องเรียนได้เป็น อย่างดี ทําให้ห้องเรียนสนุกสนานขึ้น และเด็กๆก็จะตั้งใจเรียนมากยิ่งขึ้น

ปัจจุบันนี้ Youtube สามารถหาวีดีโอทุกประเภท ทั้งส่วนตัว ไร้สาระ หรือ วีดีโอโฆษณาแบบเป็นทางการ ไม่ต้องแปลกใจที่อาจารย์หลายท่าน รวมทั้งการเรียนการสอน สําหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ต้องใช้วีดีโอจากระบบเหล่านี้ของ youtube มาสร้าง ความรู้ความเข้าใจกับนักศึกษาและคนทั่วไป เป็นการบูรณาการเทคโนโลยีกับการเรียนการ สอนอีกแบบหนึ่ง ลองใช้ดูสิ จะได้เข้าใจว่า ที่ TIME ประกาศให้ Youtube เป็นสุดยอด นวัตกรรมของโลก


สรุปท้ายบทที่ 2 เทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสารการศึกษา

บทบาทความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ คือ ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์เป็นอันมากมายอาทิเช่น ปัจจัย 4 ของมนุษย์ การเมืองเศรษฐกิจและสังคม โทรคมนาคม การศึกษา การคมนาคม การเงินธนาคาร และ ความมั่นคง

พัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ กล่าวถึงคุณสมบัติของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทำให้เกิดการแพร่กระจายของการใช้อุปกรณ์ เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ซึ่งประกอบด้วยคุณสมบัติต่างๆ ดังนี้ การรวมตัวกันของเทคโนโลยี ต้นทุนที่ถูกลง การพัฒนาอุปกรณ์ที่เล็กลง การประมวลผลที่ดีขึ้น การใช้งานทีง่าย การเปลี่ยนอะตอมเป็นบิต สื่อผสม เวลาและภูมิศาสตร์

ขอบเขตของเทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วย ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ซอฟต์แวร์ (Software) บุคลากร (People ware) ข้อมูล (Data) และกระบวนการ (Process)

บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศที่กำลังเปลี่ยนแปลงสังคมผลักดันให้เราต้องศึกษาหาความรู้เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสังคมได้ ซึ่งการศึกษาถือว่ามีส่วนสำคัญที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนให้การพัฒนาทรัพยากรได้อย่างเป็นระบบด้วยการเพิ่มเติมหลักสูตรเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ของการศึกษาทุกระดับ โดยมุ่งเน้นให้เยาวชนได้มีโอกาสได้เรียนรู้เทคโนโลยีเหล่านี้ หากไม่หาทางปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีและเรียนรู้อย่างเข้าใจ เพื่อให้มีการพัฒนาทั้งบุคคลและสังคมได้อย่างเหมาะสม และใช้อย่างสร้างสรรค์ก็จะทำให้ประเทศเกิดการพัฒนา

Next