นับตั้งแต่ที่ อิสราเอล ก่อตั้งขึ้นประเทศขึ้นในปี ค.ศ. 1948 ที่ประเทศอิสราเอลก่อตั้งขึ้น โดยขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่ สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น คือ ความเปราะบางที่ทำให้เกิดสงครามของสองเชื้อชาติ ที่พร้อมมีชนวนให้ปะทุกันได้ตลอดเวลา ลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน ความขัดแย้งไม่ได้หยุดแค่บนสนามรบ แต่แผ่อิทธิพลมาถึงสนามฟุตบอล ที่กลายเป็นพื้นที่ปะทะของอุดมการณ์ ระหว่างชาวอาหรับที่เรียกร้องความเป็นธรรม
กับชาวยิวขวาจัดที่ต้องการทำลายศัตรูให้สิ้นซาก เบนาย ซัคนิน และ เบียตาร์ เยรูซาเล็ม จึงกลายเป็นดาร์บี้แมทช์ดุเดือดที่สุดของอิสราเอล เพราะนัยหนึ่งการต่อสู้ของสองทีมเปรียบเสมือนสงครามตัวแทนขนาดหย่อมของสองเชื้อชาติบนผืนหญ้า กำเนิดอิสราเอล หากจะขุดให้ถึงต้นตอของเรื่องราวความบาดหมางระหว่างอิสราเอล กับปาเลสไตน์ กินเวลามายาวนาน ซึ่งต้องย้อนไปถึงช่วงปลายศตวรรษที่ 19ช่วงเวลานั้น ชาวยิวในทวีปยุโรปได้รวมกลุ่มกัน เรียกร้องขอดินแดนที่เรียกว่า "ปาเลสไตน์" อันเป็นพื้นที่ขนาดเล็กประมาณ 20,000 ตารางกิโลเมตร มาตั้งเป็นประเทศของคนนับถือศาสนายิว เหตุผลที่ชาวยิวต้องการพื้นที่ตรงนี้ เพราะเชื่อว่าเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากเป็นแหล่งที่ตั้งของ "เยรูซาเล็ม" ดูบอลสด เมืองต้นกำเนิดของศาสนายิว (ยูดาห์) โครงการเรียกคืนแผ่นดินมาตุภูมิของชาวยิว ไม่ได้เกิดขึ้นแบบสนุก ๆ แต่เป็นการเคลื่อนไหวที่จริงจัง มีแผนการชัดเจน ทั้ง การปลุกอุดมการณ์ความรักในเชื้อชาติยิวให้กระจายไปทั่วยุโรป สร้างองค์กรเคลื่อนไหวทางการเมือง ส่งคนไปแทรกอยู่ตามหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีอำนาจจะจัดการชิงพื้นที่นี้ มาคืนให้กับชาวยิว พื้นที่ปาเลสไตน์ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 อยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิออตโตมัน (ประเทศตุรกี ปัจจุบัน)
แต่หลังจากประเทศที่เกรียงไกรที่สุดของชาวอิสลาม พ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 จนถูกยึดดินแดนจำนวนมาก
แผ่นดินแห่งนี้ก็เปลี่ยนมือตกอยู่ใตอาณานิคมของอังกฤษ เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษเปิดฉากต่อสู้กับจักรวรรดิออตโตมันอย่างหนัก จนกลายเป็นความแค้นฝังลึกระหว่างสองชาติ ซึ่งผู้ชนะจากยุโรปตะวันตก ต้องการจะปิดฉากไม่ให้คู่ปรับเก่าฝั่งตะวันออก คิดเหิมเกริมกลับมาเป็นหอกข้างแคร่ได้อีก อังกฤษ เลือกใช้วิธีบ่อนทำลายออตโตมัน ด้วยวิธีการทางศาสนา นั่นคือส่งยิวไปสู้กับอิสลาม ด้วยการลงนามสนธิสัญญาส่งชาวยิวที่อาศัยอยู่ในยุโรป
ไปตั้งรกรากในพื้นที่ปาเลสไตน์ โดยทหารจากแดนผู้ดีจะให้การคุ้มครองว่า จะไม่มีเจ้าถิ่นเดิมกล้ามาทำร้ายคนยิวอพยพแน่นอน นับตั้งแต่ปี 1920 ถึง 1948 ที่อังกฤษครอบครองปาเลสไตน์ มีชาวยิวกว่า 500,000 คนทั่วโลก เดินทางตั้งรกรากในพื้นที่นี้ โดยเฉพาะยิ่งภัยจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งนาซีกวาดล้างยิวจนล้มตายไปกว่า 6 ล้านคน ยิ่งปลุกให้คนยิวต้องการดินแดน เพื่อเป็นพื้นที่ปลอดภัยของตนเองมากขึ้นกว่าเดิม ปี 1947 สหประชาชาติมีมติลงความเห็นว่าจะยกพื้นที่ปาเลสไตน์ให้กับชาวยิวโดยสมบูรณ์ อนุญาตให้กลายเป็นรัฐปกครองตัวเอง ตั้งประเทศขึ้นมาได้ เหตุผลที่มาสนับสนุนการตั้งประเทศของชาวยิว ไม่ใช่เพราะชาติมหาอำนาจโลก เห็นอกเห็นใจความโชคร้ายที่คนยิวต้องเจอในสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เป็นเพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ชาวอาหรับตั้งตนเป็นศัตรูกับโลกตะวันตกทั้งการเปิดสงครามกับทหารอังกฤษ ในช่วงปี 1936-1939 เพื่อชิงพื้นที่อาณานิคมของชาวอาหรับคืน ไปจนถึงการที่ชาติในเอเชียตะวันออกกลาง ไม่ให้ความร่วมมือแก่ฝั่งสัมพันธมิตร ระหว่างรบต่อสู้กับนาซี ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แถมมีแนวคิดฝักใฝ่รัฐเผด็จการอีกด้วย เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง ชาติตะวันตกที่กำชัยชนะจึงคิดหาทางเอาคืน
พร้อมกับหารัฐกันชนคอยควบคุมเหล่าชาติอาหรับ ซึ่งคำตอบที่ดีที่สุดคือการชิงดินแดนมาให้ชาวยิว สหประชาชาติ ได้ส่งกองกำลัง ขับไล่ชาวอาหรับทุกคนออกจากดินแดนปาเลสไตน์ ในเดือนพฤศจิกายน ปี 1947 เกิดเป็นสงครามกับกลุ่มนักรบท้องถิ่นชาวปาเลสไตน์ ที่ต้องการรักษาบ้านเกิดของตัวเองเอาไว้"น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ" การรบครั้งนั้นชัยชนะตกเป็นของโลกตะวันตก ชาวยิวได้ของรางวัลเป็นดินแดนแห่งนี้ ตั้งประเทศของตัวเองขึ้นมาในชื่อ "อิสราเอล"