Passive Voice คือ โครงสร้างของประโยคที่เน้นประธานเป็นผู้ถูกกระทำ ไม่ใช่ประธานเป็นผู้กระทำ แค่คำนิยามของมันก็งงแล้ว ถ้างั้นเราจะมาเรียนรู้ “ความหมาย หลักการใช้ โครงสร้าง และตัวอย่างประโยคให้เคลียร์ๆกันไปเลยดีกว่า
ก่อนตอบคำถามว่า passive voice คืออะไรนั้น เราต้องทำความเข้าใจโครงสร้าง หรือองค์ประกอบของประโยคกันก่อนนะครับ ถ้าเราเรียนในห้องเรียนคุณครูก็จะบอกว่า โครงสร้างประโยคประกอบไปด้วย 3 ส่วนดังนี้
ประธาน กริยา กรรรม
ตัวอย่างประโยค เช่น ฉัน กิน ข้าว / I eat rice.
ประโยคด้านบนนี้ ภาษาไทยไทยเรียกว่า “ประโยคเน้นประธาน” โดยการเอาผู้กระทำขึ้นต้นประโยค คือ เน้นว่า “ใคร ทำอะไร” ภาษาอังกฤษเรียกว่า Active Voice (แอ็คทิฝ ว็อยซ)
ที่นี้ถ้าเราสลับตำแหน่งกันระหว่าง ประธานกับกรรม เอากรรมมาไว้ต้นประโยคแทน
ประโยคที่ได้ก็จะเป็น ข้าว ถูกกิน โดย ฉัน / Rice is eaten by me
ประโยคด้านบนนี้ ภาษาไทยไทยเรียกว่า “ประโยคเน้นกรรม” โดยการเอาผู้ถูกกระถูกทำขึ้นต้นประโยค คือ เน้นว่า “ใคร ถูกทำ” ภาษาอังกฤษเรียกว่า Passive Voice (แพ็ซซิฝ ว็อยซ)
ถ้าใครยังไม่เคยเรียนเรื่อง Active Passive voice มาก่อนจะงงๆ ว่า “eat แปลว่า กิน แต่ is eaten แปลว่า ถูกกิน” เอ๊ะมันยังไง ขอเฉลยคำถามนี้ในหัวข้อ “โครงสร้าง passive voice” นะครับ
หลักการใช้ คือ ใช้เน้นผู้ถูกกระทำ หรือเน้นกรรมของประโยค ทำให้ประโยคโฟกัสไปที่ผู้ถูกกระทำ เช่น
เปรียบเทียบกับ
อย่างที่บอกแล้วว่าเป็นการเน้น ผู้ถูกกระทำ ดังนั้นใครเป็นคนทำไม่ต้องพูดถึงก็ได้ เพราะรู้ๆกันโดยนัย ดังตัวอย่างด้านบน
เอาอีกสักสองตัวอย่างนะครับ อันนี้ก็ไม่เน้นว่าใครเป็นคนทำ ดังนั้นไม่ต้องบอกก็ได้ว่าใครทำ
conjunction คือ คําสันธานนั่นแหละครับ หรือจะเรียกว่าคำเชื่อมก็ได้ คำสันธาน คือคำที่เชื่อมคำ ประโยค วลี หรือประโยคย่อยเข้าด้วยกัน เพื่อให้สละสลวยมากยิ่งขึ้น ถ้าไม่มีคำสันธานมาเชื่อมประโยคเข้าด้วยกัน มันก็จะคล้ายเด็กๆหัดพูดหรือหัดเขียนนั่นแหล่ะ
ก็เกริ่นนำพอสังเขปแล้วว่า Conjunction คือ คำสันธาน ซึ่งเป็นคำที่ทำหน้าที่เชื่อมคำ วลี ประโยคเข้าด้วยกัน เพื่อให้ประโยคดูสละสลวย และดูเป็นเหมือนผู้ที่มีการศึกษามากยิ่งขึ้น
ฉันชอบแมว แม่ของฉันก็ชอบแมว น้องชายของฉันชอบลิง
ฉันชอบแมว และแม่ของฉันก็ชอบแมว แต่น้องชายของฉันชอบลิง
จะเห็นได้ว่า การเขียนโดยใช้คำสันธานเชื่อมประโยคเข้าด้วยกันนั้น จะทำให้งานเขียน ดูดี มีศิลปะขึ้นมาทันตาเห็นเลยใช่ไหมครับ
ถ้าถามว่า conjuction มีอะไรบ้าง อันนี้ก็ต้องขอตอบว่า โอ๊ะ….ตอบได้ไม่หมดหรอก และไม่ได้สนใจจะไปคุ้ยหาขนาดนั้นดอก ตอนนี้ขอนำเสนอตัวอย่างพอเป็นน้ำจิ้มแล้วกันนะ… อยากอ่านฉบับเต็มๆ คลิกลิงค์ติดตามอ่านต่อเอาเอง…
คลิกอ่านฉบับเต็ม ⇒ คำเชื่อม Conjuctions ⇐
เชื่อมประโยคที่มีน้ำหนักเท่ากัน เข้าด้วยกัน And, but, or etc…
เชื่อมประโยครองกับประโยคหลัก เข้าด้วยกัน เช่น after, because, before etc…
มาเป็นแพ็คคู่ เช่น as…as แปลว่า ….เท่ากับ….. both…and แปลว่า ทั้ง…..และ….. etc…
คลิกอ่านฉบับเต็ม ⇒ คำเชื่อม Conjuctions ⇐
ฉบับเต็มรับรองได้ศึกษาจนจุใจแน่นอนครับ จัดคำศัพท์มาชุดใหญ่ให้ได้ศึกษากัน
คําเชื่อม ภาษาอังกฤษ มันก็คล้ายกับคำเชื่อมของไทยนั่นแหละ เป็นคำเชื่อมประโยคต่างๆเข้าด้วยกัน เพื่อให้ประโยคดูสลับซับซ้อนมากขึ้น ชื่อเรียกของมันก็คือ conjunction แปลว่า “คำสันธาน” หรือ Linking Words (คำเชื่อม)
ลองดูประโยคที่ไม่มีคำเชื่อนะครับ ว่าหน้าตาจะออกมาเป็นอย่างไรถ้าไม่มีคำเชื่อมประโยคเข้าด้วยกัน
ประโยคที่ได้มันเป็นอย่างที่เห็นนะครับ เหมือนเด็กอนุบาลศูนย์เขียนเรียงความเลย ทีนี้ลองเอาคำเชื่อมมาใช้เชื่อมประโยคเข้าด้วยกันดูนะครับ
เป็นอย่างไรบ้างครับ จะเห็นว่าคําเชื่อมจะช่วยให้ประโยคเดี่ยว รวมตัวกันได้เป็นประโยคยาวๆ และดูดึขึ้นมาทันที
conjunction สามารถแบ่งได้ 3 ประเภทด้วยกันคือ
คำเชื่อมชนิดนี้ จะเป็นการเชื่อมประโยคที่มีน้ำหนักเท่ากัน เข้าด้วยกัน คำเชื่อมมีอยู่ด้วยกันดังนี้คือ FAN BOYS = for, and, nor, but, or, yet, so
คำเชื่อมชนิดนี้ จะเป็นการเชื่อมประโยครองกับประโยคหลัก เข้าด้วยกัน ประโยครองคือประโยคที่สื่อความหมายไม่สมบูรณ์ คำเชื่อมที่อยู่ในกลุ่มนี้ได้แก่
after (หลังจาก), although (แม้ว่า), as (เพราะว่า), as far as (เท่าที่), as if (ราวกับว่า), as long as (ตราบใดที่), as soon as (ทันทีที่), as though (ราวกับว่า), because (เพราะว่า), before (ก่อน) , even if, even though (แม้ว่า), if (ถ้า), in order that (เพื่อว่า), since (เพราะว่า), so that (เพื่อว่า), than (กว่า), though (แม้ว่า), unless (เว้นเสียแต่ว่า), until (จนกระทั่ง), when (เมื่อ), whenever(เมื่อใดก็ตาม), where (ที่ซึ่ง), whereas (ขณะที่), wherever (ที่ใดก็ตาม) which (ที่) who (ผู้ที่) และ while (ในขณะที่).
อย่างที่บอกไปแล้วว่าตัวเชื่อมนี้จะเป็นการเชื่อมประโยครองกับประโยคหลักเข้าด้วยกัน ดังนั้นให้สังเกตุดีๆ ถ้าเป็นประโยครองจะตามหลังด้วยคำเชื่อมดังกล่าว ในขณะที่ประโยคหลักไม่ต้องใช้คำเหล่านี้
คำเชื่อมชนิดนี้คล้ายๆกับ Coordinating conjunctions ซึ่งเป็นการเชื่อมประโยคที่มีน้ำหนักเท่าๆกัน แต่คำเชื่อมนี้จะมาเป็นแพ็คคู่ คำเชื่อมชนิดนี้ได้แก่
การเรียนรู้คําเชื่อมภาษาอังกฤษ เป็นการเรียนเพื่อเน้นไปที่การเขียน มากกว่านะครับ เพราะภาษาพูดคงไม่ได้ใช้คำศัพท์สละสลวยกันสักเท่าไหร่ แต่มีคำเชื่อมง่ายๆบางตัวที่เรารู้จักแล้วก็มีใช่ไหมครับ