การนำเสนอ(Presenting)เป็นศาสตร์(วิธีการ)ของการสื่อสาร(Communication) ซึ่งเป็นกระบวนการถ่ายทอด สาร(message) จากฝ่ายหนึ่งที่เรียกว่าผู้ส่งสาร(sender)ไปสู่อีกฝ่ายหนึ่งที่เรียกว่า ผู้รับสาร(receiver) โดยผ่านช่องทานของ สื่อ(channel)
1. ความหมายของการนำเสนอ (Presentation)
เป็นวิธีการหรือเครื่องมือในการติดต่อสื่อสาร(Communication) ด้วยการถ่ายทอด
(Delivery) ข้อมูล แผนงาน โครงการ ข้อเสนอ ฯลฯ จากผู้นำเสนอผลงาน กับผู้พิจารณาผลงานหรือจากผู้นำเสนอ ไปสู่บุคคล กลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน ให้บุคคลกลุ่มเป้าหมายหรือผู้รับสาร เห็นด้วย คล้อยตาม สนับสนุน อนุมัติ ให้ดำเนินการ
2. จุดประสงค์ของการนำเสนอ
- เพื่อให้ผู้รับสาร รับทราบความคิดเห็นหรือความต้องการ
- เพื่อให้ผู้รับสารพิจารณาเรื่องใดเรื่อง
- เพื่อให้ผู้รับสารได้ความรู้จากข้อมูลที่นำเสนอ เช่นในการฝึกอบรมหรือการสัมมนา
ใช้ในการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานต่าง ๆ
3. ประเภทของการนำเสนอ
ประเภทของ Presentationการเสนองานรวมไปถึงการทำพรีเซ็นเทชัน (Presentation) โดยหลักๆแล้วจะแบ่งออกเป็น 6 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
3.1 . การนำเสนอข้อมูล (Informative Presentation)ถือเป็นหนึ่งในประเภท Presentation ที่เห็นมากที่สุดในการทำธุรกิจและนิยมใช้กันมากที่สุด กับการนำเสนอหรืออธิบายข้อมูลแบบตรงๆ โดยหลักของการนำเสนอประเภทนี้ก็คือการให้ข้อเท็จจริงและอธิบายรายละเอียด ในโครงการหรือการนำเสนอแผนงานรูปแบบต่างๆ และเราจะเห็นข้อมูลจำพวกตัวเลข สถิติ การเปรียบเทียบ ตาราง เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนองานและรายละเอียดเนื้อหาที่ค่อนข้างมาก การนำเสนอประเภทนี้มีความเป็นทางการค่อนข้างสูง ไม่ได้เน้นไปทางการสร้างความสนุกสนาน โดยเราจะเห็นการนำเสนอประเภท Informative Presentation ได้จากรูปแบบรายงานเอกสาร ป้ายประกาศภายในองค์กร รายงานการวิจัย รายงานสรุปผล สรุปความก้าวหน้าของธุรกิจ การแถลงผลประกอบการ และการทำพรีเซ็นเทชันก็มีเนื้อหาและจำนวนหน้าค่อนข้างมากกว่ารูปแบบอื่นๆ
3.2 การสอนและแนะนำ (Instructive Presentation) เรามักจะเห็นคำสอนและคำแนะนำบ่อยๆกับการเรียนการสอนในโรงเรียนหรือในมหาวิทยาลัยใช่ไหมครับ ซึ่งมันก็เป็นลักษณะที่คล้ายกันแค่เปลี่ยนรูปแบบและสถานที่มาเป็นบรรยากาศของการฝึกอบรม ในหัวข้อต่างๆที่ทางบริษัทกำหนดหรือหัวข้อที่พนักงานต้องการจะเรียนรู้เพิ่มเติม โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ ที่มาพร้อมกับการพัฒนาทักษะในแต่ละแขนงให้มีมากขึ้น การนำเสนอประเภทนี้ต้องอาศัยทักษะของผู้นำเสนอค่อนข้างมาก เพราะต้องมีทั้งความรู้และทักษะด้านการถ่ายทอดค่อนข้างดีนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจและรู้สึกอยากที่จะฟังไปจนจบ ตัวอย่างการนำเสนอที่เรามักเห็นกันในการทำงาน เช่น การฝึกอบรมพนักงานในองค์กร (In-house Training) การทำเวิร์คช็อป (Workshop) การเข้าร่วมงานสัมมนา (Seminar) การเข้าอบรมคอร์สเรียนต่างๆ (Training Course) ซึ่งส่วนใหญ่ในการนำเสนอประเภทนี้มักจะมีการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้นำเสนอหรือผู้สอนกับผู้ฟังมากที่สุดวิธีหนึ่ง
3.3. การนำเสนอแบบโน้มน้าวใจ (Persuasive Presentation)เป้าหมายของการนำเสนองานประเภทนี้คือการทำให้ผู้ฟังคล้อยตาม ซึ่งเป็นการคล้อยตามในเชิงของการสร้างอารมณ์การมีส่วนร่วม โดยหลักของการนำเสนอเราจะเห็นการเริ่มต้นด้วยปัญหาและตบท้ายด้วยวิธีแก้ไขหรือทางออกของปัญหา เจาะเข้าไปที่แก่นกลางจิตใจของผู้ฟัง และการโน้มน้าวใจนั้นสามารถนำมาใช้ได้กับการนำเสนอในหลายๆสถานการณ์ และนำมาใช้ร่วมกับการนำเสนอในหลายๆประเภทได้เช่นกัน เช่น การนำเสนอแผนธุรกิจเพื่อขอเงินสนับสนุนจากผู้ร่วมทุน อาจนำเสนอด้วยเหตุผลที่เน้นหนักกับข้อมูลแต่สามารถผสมผสานกับการโน้มน้าวใจ ให้ผู้ร่วมทุนนั้นคล้อยตามและเห็นความเป็นไปได้ในโอกาสการเติบโตของธุรกิจ และเคล็ดลับหรือเทคนิคที่สามารถนำมาใช้อธิบายให้การนำเสนอนั้นดูน่าสนใจ ก็สามารถทำเป็นภาพ (Visual) ในรูปแบบต่างๆ เช่น อินโฟกราฟิก การแสดงด้วยกราฟให้เห็นความเติบโต ที่ไม่ได้อัดแน่นไปที่เนื้อหาเพียงอย่างเดียว
3.4. การนำเสนอแบบจูงใจ (Motivation Presentation) การนำเสนอลักษณะนี้เป็นการสร้างแรงบันดาลใจ (Inspiration) ให้เกิดขึ้นกับผู้ฟัง โดยส่วนใหญ่นั้นจะเป็นการสื่อสารเพื่อให้ผู้ฟังเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง และเรามักจะเห็นได้กับการนำเสนออะไรก็ตามที่เป็นเรื่องเล่า (Story) ที่สามารถทำออกมาได้หลากหลายรูปแบบครับ เช่น เรื่องเล่าของธุรกิจที่เป็นส่วนหนึ่งใน Company Profile หรือ Company Presentation การพูดต่อหน้าคนหลายร้อยคนแบบ TED Talk และหลายๆครั้งเราก็จะเห็นลักษณะการนำเสนอแบบสร้างแรงบันดาลใจ กับการพูดในลักษณะ Life Coach ในสื่อต่างๆ โดยการนำเสนอในประเภทการจูงใจนั้นก็ต้องสร้างความเชื่อมโยงด้านอารมณ์รวมถึงสร้างขวัญและกำลังใจให้กับทีมงานหรือผู้ฟังได้ด้วยเช่นกัน
3.5. การนำเสนอเพื่อการตัดสินใจ (Decision-Making Presentation) ในทุกวันของการทำงานและการทำธุรกิจเราต้องเจอกับการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยซึ่งเป็นงานในหน้าที่ๆต้องทำประจำวัน แต่หากเป็นเรื่องของการต้องนำเสนอแผนงานเพื่อขออนุมัติงบประมาณ โดยอาจเป็นการขออนุมัติแผนงานประจำปี การขออนุมัติเพื่อแก้ปัญหาบางอย่าง การขออนุมัติในการจัดซื้ออุปกรณ์การทำงานบางอย่าง ซึ่งการนำเสนอนั้นก็ต้องบอกถึงที่มาที่ไปและผลที่จะได้รับเพื่อจะได้รับการอนุมัติจากผู้มีอำนาจหรือผู้ที่ได้ฟัง โดยส่วนใหญ่การนำเสนอประเภทนี้จะพูดกันด้วยเหตุและผลเป็นส่วนใหญ่ ที่อาจต้องเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงเป็นหลัก
3.6. การนำเสนอความก้าวหน้าโครงการ (Progress Presentation)
การนำเสนอประเภทนี้จะเป็นการสรุปผลจากการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นแผนการตลาดที่ทำไป ผลของการใช้จ่ายงบประมาณในการสร้างโครงการ หรือกิจกรรมต่างทั้งหมดที่ได้ทำไป โดยจะเป็นลักษณะของนำเสนอถึงสถานะในแต่ละช่วง อาจเป็นรายวัน รายเดือน ราย 3 เดือน หรือรายปี ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของงานแต่ละประเภท ทั้งนี้การนำเสนอความก้าวหน้าของโครงการจะช่วยให้เห็นถึงปัญหาหรืออุปสรรค ที่จำเป็นต้องหาวิธีการแก้ไขให้โครงการผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
4. การเตรียมการก่อนนำเสนอ
การนำเสนองานควรทำเป็นขั้นตอนโดยเริ่มจากการวางโครงร่าง จัดทำรายละเอียดเนื้อหาและจำทำเป็นสไลด์ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
4.1 การวางโครงร่าง ศึกษากลุ่มผู้ฟังว่ามีลักษณะอย่างไร ต้องมีการเข้าใจข้อมูลที่ต้องการนำเสนออย่างชัดเจนเพื่อได้ผลลัพธ์ตรงเป้าหมาย
4.2 การจัดทำรายละเอียดเนื้อหา กำหนดหัวข้อต่างๆ โดยเน้นกลุ่มผู้ชมเป็นหลักว่าสไลด์ควรมีเนื้อหาหรือรูปแบบการจัดวางอย่างไร หรือควรนำเสนอแบบใด เช่นภาพ ใส่สี และแนวการนำเสนอ
4.3 การออกแบบ การใส่ข้อความ ภาพ กราฟในสไลด์ การนำสิ่งต่างๆ ที่ต้องการนำเสนอมาใส่ลงในสไลด์แต่ละแผ่น
4.3.1 การใช้ภาพในการนำเสนอ ภาพที่ใช้ประกอบเรื่องที่จะสื่อสาร เพื่อให้สามารถสื่อสารได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น จะมีทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว
ภาพที่ 5.1 การนำภาพมาประกอบใส่สไลด์
ที่มา : พิจิตรา วิจารณกุล , 2562
4.3.2 การใช้ Animation ในการนำเสนอ เพิ่มความน่าสนใจในการนำเสนอ การใส่เทคนิคการเปลี่ยนแผ่นสไลด์ การเคลื่อนไหวของตัวอักษรมาใช้เพิ่มความน่าสนใจ
ภาพที่ 5.2 การใช้ Animationในการนำเสนอ
ที่มา : พิจิตรา วิจารณกุล,2563
4.3.3 การใช้ตัวอักษรในการนำเสนอ ตัวอักษร มีความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ในการออกแบบสื่อ ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อสิ่งประดิษฐ์ หรือสื่อคอมพิวเตอร์ก็ตาม
ภาพที่ 5.3 การใช้ Animationในการนำเสนอ
ที่มา : พิจิตรา วิจารณกุล,2563
4.3.4 การใช้สีในการนำเสนอ การเลือกใช้คู่สีที่เหมาะสมระหว่างตัวอักษรกับพื้นหลัง ตามหลักสากลก็คือ พื้นสีเข้มตัวอักษรสีอ่อน หรือพื้นสีอ่อนตัวอักษรเข้
ภาพที่ 5.4 การใช้สีในการนำเสนอ
ที่มา : พิจิตรา วิจารณกุล,2563
4.4. การเตรียมการนำเสนอจริง ต้องซ้อมการพูดให้เข้ากับแผ่นสไลด์ด้วยการจับเวลา เพื่อจะได้ทราบว่าการบรรยายใช้เวลาอย่างเหมาสมหรือไม่
4.5. เตรียมเอกสารประกอบการบรรยาย คือ การพิมพ์เอกสารประกอบการบรรยาย การจัดทำเอกสารแจกผู้เข้าฟังเพื่อใม่ให้ผู้ฟังเสียเวลาในการจดบันทึก ให้ใช้เวลาฟังสิ่งที่บรรยายแทน
วิดีโอนำเสนอเป็นเครื่องมือในการสื่อสารที่มีประโยชน์ในหลายๆด้าน เพราะมีประสิทธิภาพ น่าดึงดูดและง่ายต่อการจัดทำ เช่น การนำเสนอสินค้าตัวอย่าง การอบรม การขาย และสถานการณ์อื่นๆที่จำเป็นต้องมีการสื่อสารที่ชัดเจน
ประเภทของวิดีโอนำเสนอ
1. การนำเสนอขาย ใช้ในการเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆต่อลูกค้า โดยการแสดงคุณสมบัติ
ประโยชน์ และการใช้งานของผลิตภัณฑ์นั้นๆ
2. การนำเสนอเพื่อการศึกษา การนำเสนอประเภทนี้ใช้ในการให้ความรู้เกี่ยวกับหัวข้อ
เหตุการณ์ และหลักการต่างๆ
3. การนำเสนอเพื่อการฝึกอบรม ใช้การนำเสนอนี้ในการอบรมให้ความรู้แก่พนักงานเพื่อเพิ่ม
ความสามารถและประสิทธิภาพในการทำงาน
4. การนำเสนอแผนธุรกิจ ใช้ในการสรุปแผนดำเนินธุรกิจรวมถึงแผนที่เสร็จสิ้นแล้ว
5. การนำเสนอเพื่อระดมทุน ใช้สำหรับนำเสนอเพื่อดึงดูดความสนใจเพื่อร่วมลงทุนทางธุรกิจ
ประโยชน์ของวิดีโอนำเสนอ
1. ประหยัดค่าใช้จ่าย การทำวิดีโอนำเสนอนั้นแทบไม่มีค่าใช้จ่ายเลย เนื่องจากเราไม่ต้องใช้
อุปกรณ์หรือซอฟท์แวร์ชนิดพิเศษ ใช้เพียงเครื่องมือสำหรับตัดต่อวิดีโอและความสามารถพื้นฐานเท่านั้น สามารถส่งให้บุคคลอื่นได้ เราสามารถแชร์วิดีโอนำเสนอของตนเองได้หลายช่องทาง เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย อีเมล แชท และอื่นๆ
2. น่าสนใจ การดูวิดีโอสามารถดึงดูดความสนใจได้มากกว่าการอ่าน นอกจากนี้ยังดึงดูด
ความรู้สึกของผู้คนได้ง่ายและนำไปสู่การทำสิ่งต่างๆ
3. ให้ความรู้ วิดีโอนำเสนอสามารถอธิบายเรื่องยากๆให้เข้าใจง่ายขึ้นได้ เพราะวิดีโอประกอบ
ไปด้วยรูปภาพ แผนภูมิ กราฟิก ข้อความ เสียง ฯลฯ
1. เข้าสู่ระบบ https://www.canva.com/th_th/ เลือก พรีเซนเทชัน จากนั้นสามารถเลือกดูเทมเพลตที่สนใจได้
ภาพที่ 5.5 การเข้าสู่ระบบ canva
ที่มา : พิจิตรา วิจารณกุล , 2563
2. เลือกเทมเพลตเพื่อปรับแต่ง เลือกเทมเพลตที่ต้องการ จากนั้นคลิก ปรับแต่งเทมเพลตนี้เอง
ภาพที่ 5.6 การเลือกเทมเพลตเพื่อปรับแต่ง
ที่มา : พิจิตรา วิจารณกุล , 2563
3. ปรับแต่งสไลด์พรีเซนเทชัน
ลบรูปในพรีเซนเทชันสไลด์ได้เลย โดยการคลิกที่รูป 2 ครั้ง แล้วกดปุ่ม backspace หรือ delete ในคีย์บอร์ด นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกรูปภาพใหม่ได้จาก
อับโหลด และ องค์ประกอบ
ภาพที่ 5.7 การเพิ่มองค์ปะกอบละอัปโหลดรูปภาพ
ที่มา : พิจิตรา วิจารณกุล , 2563
4. เพิ่มหรือลบข้อความและปรับแต่งฟอนต์
5. หาต้องการเพิ่มตัวอักษร เลือกตัว TEXT
6. เลือกแบบฟอนต์ตามต้องการ
7. ตกลงเลือกแบบฟอนต์ตามต้องการ
ภาพที่ 5.8 การแก้ไข ปรับแต่งฟอนต์
ที่มา : พิจิตรา วิจารณกุล , 2563
8. เพิ่มหน้าใหม่ สามารถเพิ่มหน้าเปล่าได้ โดยการคลิกเครื่องหมายบวก (+) ที่ด้านล่างของสไลด์หรือคลิก (...) แล้วเลือก ทำสำเนา เพื่อคัดลอกหน้าปัจจุบัน
ภาพที่ 5.9 การเพิ่มหน้าใหม่
ที่มา : พิจิตรา วิจารณกุล , 2563
9. ดาวน์โหลดงานนำเสนอ ดาวน์โหลดงานนำเสนอได้โดยคลิก แชร์ ที่มุมบนขวา
10. เลือก ดาวน์โหลด
11. เลือก ประเภทของไฟล์ที่ต้องการดาวน์โหลด
12. จากนั้น คลิก ดาวน์โหลด
ภาพที่ 5.10 การดาวน์โหลด
ที่มา : พิจิตรา วิจารณกุล , 2563
1. เข้าเว็บไซต์ หรือแอบพลิเคชัน Canva เลือกหน้าหลัก
ภาพที่ 5.11 การเข้าเว็บไซต์ canva
ที่มา : พิจิตรา วิจารณกุล , 2563
2. ไปที่หัวข้อ วิดีโอ หลังจากลงชื่อเข้าใช้ หรือสมัครสมาชิกแล้ว ให้เราไปที่ หัวข้อ วิดีโอ โดยหัวข้อวิดีโอจะมีหลากหลายตัวเลือก แต่ที่จะแนะนำให้ใช้มีแค่ 2 ตัวเลือก คือ
1. Video ปกติ โดยจะมีขนาด 1920 x 1080 px หรืออัตราส่วน 16:9 อันนี้จะเหมาะในการตัดต่อวิดีโอทั่วไป
2. Facebook Video จะเป็นอัดตราส่วน 1:1 มีขนาด 1080 x 1080 px
ภาพที่ 5.12 การเลือกหัวข้อ วิดีโอ
ที่มา : พิจิตรา วิจารณกุล , 2563
3. เลือกแม่แบบสำหรับวิดีโอ
4. หลังจากที่เราเลือก ลักษณะวิดีโอแล้ว พอเข้ามาทางด้านซ้ายจะมีตัว แม่แบบของทาง Canvaให้เราเลือกใช้หลากลาย โดยมีทั้ง ฟรี และ เสียเงิน
5. ถ้าเรามีวิดีโอของเราอยู่แล้ว ให้ไปที่ เมนู อัพโหลด และไปที่ อัพโหลดไฟล์ หลังจากนั้นให้เราเลือกวิดีโอที่เราเตรียมไว้ โดยวิดีโอที่เรา Uploads มาจะอยู่ที่เมนู วิดีโอ หลังจากนั้นคลิกที่วิดีโอที่ต้องการได้เลย
ภาพที่ 5.13 การเลือกแม่แบบวิดีโอ
ที่มา : พิจิตรา วิจารณกุล , 2563
6. เพิ่มข้อความ เพิ่มเพลง เพิ่มเสียงพากย์
ภาพที่ 5.14 การอัปโหลดไฟล์
ที่มา : พิจิตรา วิจารณกุล , 2563
7. ต้องการจะใส่ข้อความ และคำบรรยาย ให้เราไปที่เมนู ข้อความ จากนั้นก็เลือกข้อความตามที่เราต้องการ
8. อยากจะเพิ่มเสียงเพลงเข้าไปด้วย ก็ให้ไปที่ เมนู เสียง และก็เลือกเพลงตามที่เราต้องการได้เลย โดยเพลงจะมีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน
ภาพที่ 5.15 การเพิ่มข้อความ
ที่มา : พิจิตรา วิจารณกุล , 2563
ภาพที่ 5.16 การเพิ่มเสียง
ที่มา : พิจิตรา วิจารณกุล , 2563
9. ดาวน์โหลดวิดีโอและแชร์ คลิก แชร์ ที่มุมบนขวา
9.1 เลือก ดาวน์โหลด
9.2 เลือก ประเภทของไฟล์เป็น วิดีโอ MP4 จากนั้น
9.3 คลิก ดาวน์โหลด เมื่อพร้อมใช้งาน ก็อัปโหลดไปยังเว็บไซต์ แพลตฟอร์มวิดีโอ หรือบนโซเชียลมีเดีย
ภาพที่ 5.17 การดาวน์โหลด
ที่มา : พิจิตรา วิจารณกุล , 2563
1. เลือก ปัจจุบัน (Present)
ภาพที่ 5.18 หน้าปัจจุบัน canva
ที่มา : พิจิตรา วิจารณกุล , 2563
2. การเลือกเครื่องมือนำเสนอ
ภาพที่ 5.19 เครื่องมือนำเสนอ canva
ที่มา : พิจิตรา วิจารณกุล , 2563
อ้างอิง
เทคนิคใช้ Canva เบื้องต้น ||งานกราฟิก สร้างงานนำเสนอ 9 มิถุนายน 2563 https://www.youtube.com/watch?v=-avhwodmJ6g&t=2s
Canva ร่วมกับ PowerPoint - ออกแบบและดาวน์โหลดมาใช้งานได้ทันที 26 ก้นยายน 2563 https://www.youtube.com/watch?v=-lFCuL-IPFk
เครื่องมือทําสไลด์สวยๆออนไลน์ฟรี 25 ตุลาคม 2562 https://www.canva.com/th_th/create/presentations/
Canva คืออะไร วิธีทำ Presentation ให้น่าสนใจด้วย Canva ทำยังไง 29 มิถุนายน 2563 https://www.it24hrs.com/2020/canva-presentation/