5 เทคนิคเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศในห้องนอน เพื่อป้องกันฝุ่น PM 2.5

ในยุคที่ค่าฝุ่น PM 2.5 เพิ่มสูงขึ้น การมีเครื่องฟอกอากาศในห้องนอนจะช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ทำให้ผู้เป็นโรคภูมิแพ้หายใจสะดวกขึ้นได้อีกด้วย

รู้หรือไม่ว่าเครื่องฟอกอากาศในห้องนอน ต่างกับเครื่องปรับอากาศ (แอร์) อย่างไร ? ซึ่งอันที่จริงแล้ว เครื่องปรับอากาศจะทำหน้าที่ ปรับอุณหภูมิภายในห้องให้เย็นสบายตามความต้องการ รวมไปถึงควบคุมความชื้นในอากาศได้นั่นเอง ส่วนเครื่องฟอกอากาศในห้องนอนมีหน้าที่กรองอากาศภายในห้อง โดยอาศัยหลักการเดียวกับพัดลมนั่นคือการดูดอากาศเข้าไปในตัวเครื่อง ผ่านระบบการกรอง ก่อนที่จะปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมาด้านนอก

ทั้งนี้เครื่องฟอกอากาศในห้องนอนที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน นั่นคือ เครื่องฟอกอากาศที่ใช้ระบบแผ่นกรอง ซึ่งสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในวันนี้เราจะมาบอกเทคนิคการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศในห้องนอน เพื่อให้คุณนอนหลับได้อย่างสบายใจ และไม่มีปัญหาสุขภาพตามมาในภายหลัง เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย !!

1.เข้าใจจุดประสงค์ของการใช้งานเครื่องฟอกอากาศในห้องนอน

เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นนั้นมีความเหมาะสมต่อการใช้งานแตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้เครื่องฟอกอากาศในห้องนอนที่ดี จึงต้องสามารถช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด เช่น หากคุณต้องการเครื่องฟอกอากาศที่ป้องกันฝุ่น PM 2.5 กำจัดกลิ่น หรือฆ่าเชื้อโรค ก็ให้เลือกซื้อเครื่องที่ตรงตามจุดประสงค์การใช้งานข้างต้นเป็นสำคัญ

2.เลือกเครื่องฟอกอากาศในห้องนอนให้เหมาะกับขนาดห้อง

ขนาดภายในห้องนอนมีผลต่อการทำงานของเครื่องฟอกอากาศมากพอสมควร เพราะหากเราเลือกใช้เครื่องที่เล็กจนเกินไป ประสิทธิภาพการกรองอากาศจะลดลงนั่นเอง ฉะนั้นคุณจึงควรประเมินดูว่า ห้องมีขนาดเท่านี้ต้องใช้เครื่องฟอกอากาศในห้องนอนขนาดเท่าใดจึงจะเหมาะสมที่สุด และป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างเต็มที่

3.เปรียบเทียบความเร็วในการฟอกอากาศ

การซื้อเครื่องฟอกอากาศในห้องนอนมีอยู่ 2 ค่า ที่เราต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ตัวแรกเรียกว่าค่า CADR (Clean Air Delivery) หรือค่าปริมาณอากาศที่เครื่องสามารถเปลี่ยนถ่ายได้ใน 1 นาที โดยยิ่งมีตัวเลขสูงการฟอกอากาศก็ยิ่งดีตามไปด้วย และตัวที่สองคือค่า Air Flow หรือค่าความเร็วลม ที่คอยบอกว่าเครื่องสามารถกรองอากาศและปล่อยอากาศบริสุทธิ์ได้เร็วแค่ไหน ซึ่งการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศในห้องนอน คุณสามารถใช้ตัวเลข 2 ค่านี้ ในการเปรียบเทียบค่าเพื่อประกอบการตัดสินใจได้นั่นเอง

4.ดีไซน์ที่ชอบกับการใช้งานที่ใช่

อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยนั่นคือ เรื่องดีไซน์และการออกแบบ ที่สามารถเคลื่อนย้ายเครื่องฟอกอากาศไปไหนต่อไหนได้ตามใจชอบ ซึ่งตัวเครื่องควรมีดีไซน์ที่เมื่อนำมาวางภายในห้องนอน ก็จะทำให้แลดูกลมกลืนเข้ากับการตกแต่งบ้านได้อย่างพอดิบพอดี โดยรายละเอียดเหล่านี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น บอกเลยว่าเครื่องฟอกอากาศในห้องนอนตัวนี้ จะควบมาทั้งประโยชน์ใช้สอยและความสวยงามเพียบพร้อมอย่างแน่นอน

5.การรับประกันและบริการหลังการขาย

ทุกครั้งภายหลังจากการซื้อเครื่องฟอกอากาศในห้องนอน ทางร้านจะเสนอบริการและการรับประกันหลังการขายเสมอ โดยหากมีการรับประกันและบริการหลังการขายที่ดีติดมาด้วย ก็จะช่วยให้คุณรู้สึกอุ่นใจมากขึ้น เพราะเมื่อเกิดความชำรุดเสียหายจะได้ส่งเคลมกับทางร้านได้เลย และยิ่งถ้าเป็นแบรนด์ใหญ่ ๆ ศูนย์ซ่อมที่คอยให้บริการและอำนวยความสะดวกมีค่อนข้างมาก ซึ่งคุณสามารถนำใบรับประกันไปส่งซ่อมกับร้านที่อยู่ใกล้บ้านที่สุดได้เลย

หวังว่าบทความฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศในห้องนอน เพื่อรับมือกับยุคที่ฝุ่น PM 2.5 ที่ไม่มีทีท่าว่าจะหมดไป และยิ่งสำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้หายใจติด ๆ ขัด ๆ ด้วยแล้ว เครื่องฟอกอากาศบริสุทธิ์ที่สามารถกรองสิ่งสกปรกในอากาศได้ จึงเป็นตัวเลือกที่สำคัญ ฉะนั้นอย่าลืมนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้กันด้วยล่ะ และถ้าใครที่กำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศในห้องนอนราคาสมเหตุสมผลล่ะก็ All Online by 7-Eleven ยินดีให้บริการคุณเสมอ !!