หน่วยที่ 1
หน่วยที่ 1
การจัดประสบการณ์ หมายถึง การวางแผนและดำเนินกิจกรรมหรือสถานการณ์ที่มีการออกแบบมาเพื่อให้เด็กหรือผู้เรียนได้รับประสบการณ์ที่มีคุณค่าและมีผลต่อการพัฒนาทักษะและความรู้ของพวกเขา โดยในบริบทของการศึกษาปฐมวัย การจัดประสบการณ์มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาเด็กในด้านต่าง ๆ เช่น ทักษะทางกายภาพ, ทักษะทางสังคม, ทักษะการคิด, และการเรียนรู้ทั่วไป
การจัดประสบการณ์ หมายถึง การวางแผนและดำเนินกิจกรรมที่ออกแบบมาเพื่อให้เด็กได้รับการเรียนรู้ที่มีคุณค่าและเหมาะสมตามวัย โดยมุ่งเน้นการสร้างโอกาสให้เด็กพัฒนาในด้านต่าง ๆ ทั้งทางกายภาพ, สังคม, อารมณ์ และการคิดสร้างสรรค์ การจัดประสบการณ์ควรสอดคล้องกับความสนใจและความต้องการเฉพาะของเด็ก โดยใช้วิธีการที่เน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง เช่น การเล่น, การทดลอง, หรือการสำรวจ การจัดกิจกรรมที่มีการออกแบบอย่างดีจะช่วยให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและพัฒนาตนเองได้เต็มศักยภาพ
การจัดประสบการณ์สำหรับเด็กอายุ 3-6 ปี เป็นการจัดกิจกรรมในลักษณะการบูรณาการผ่านการเล่น การลงมือกระทำจะประสบการณ์ตรงอย่างหลากหลาย เกิดความรู้ ทักษะ คุณธรรม จริยธรรม รวมทั้งเกิดการพัฒนาทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ไม่จำกัดเป็นรายวิชา โดยมีหลักการจัดประสบการณ์แนวทางการจัดประสบการณ์และการจัดกิจกรรมประจำวัน ดังนี้
1.1 จัดประสบการณ์การเล่นและการเรียนรู้อย่างหลากหลาย เพื่อพัฒนาพัฒนาเด็กโดยองค์รวมอย่างสมดุลและต่อเนื่อง
1.2 เน้นเด็กเป็นสำคัญ สนองความต้องการ ความสนใจ ความแตกต่างระหว่างบุคคลและบริบทของสังคมที่เด็กอาศัยอยู่
1.3 จัดให้เด็กได้รับการพัฒนา โดยให้ความสำคัญกับกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็ก
1.4 การประเมินพัฒนาการให้เป็นกระบวนการอย่างต่อเนื่อง และเป็นส่วนหนึ่งของการจัดประสบการณ์ พร้อมทั้งนำผลการประเมินมาพัฒนาเด็กอย่างต่อเนื่อง
1.5 ให้พ่อแม่ ครอบครัว ชุมชน และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มีส่วนร่วมในการพัฒนาเด็ก
2.1 จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับจิตวิทยาพัฒนาการและการทำงานของสมองที่เหมาะกับอายุวุฒิภาวะและระดับพัฒนาการเพื่อให้เด็กทุกคนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ
2.2 จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับรูปแบบการเรียนรู้ของเด็กเด็กได้ลงมือกระทำเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้าได้เคลื่อนไหวสำรวจเล่นสังเกตติดโคทดลองและคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง
2.3 จากประสบการณ์แบบบูรณาการโดยบูรณาการทั้งกิจการทักษะและสาระการเรียนรู้
2.4 จากประสบการณ์ให้เด็กได้คิดริเริ่มวางแผนตัดสินใจลงมือกระทำและนำเสนอความคิดโดยผู้สอนหรือผู้จัดประสบการณ์เป็นผู้สนับสนุนอำนวยความสะดวกและเรียนรู้ร่วมกับเด็ก
2.5 จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กอื่นกับผู้ใหญ่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ในบรรยากาศที่อบอุ่นมีมีความสุขและเรียนรู้การทำกิจกรรมแบบร่วมมือในลักษณะต่างๆ
2.6 จากประสบการณ์ให้เด็กเด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อและแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลายและอยู่ในวิถีชีวิตของเด็กสอดคล้องกับบริบทสังคมและวัฒนธรรมที่แวดล้อมเด็ก
2.7 จัดประสบการณ์ที่ส่งเสริมลักษณะนิสัยที่ดีและทักษะการใช้ชีวิตประจำวันตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตลอดจนสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรม และการมีวินัยให้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
2.8 จากประสบการณ์ทั้งในลักษณะที่มีการวางแผนล่วงหน้าและแผนที่เกิดขึ้นในสภาพจริงโดยไม่ได้คาดการณ์ไว้
2.9 จัดทำสารนิทัศน์ ด้วยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กเป็นรายบุคคลนำมาไตร่ตรองและใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเด็กและการวิจัยในชั้นเรียน
2.10 จัดประสบการณ์โดยให้พ่อแม่ครอบครัวและชุมชนมีส่วนร่วมทั้งการวางแผนการสนับสนุนสื่อแหล่งเรียนรู้การเข้าร่วมกิจกรรมและการประเมินพัฒนาการ
กิจกรรมสำหรับเด็กอายุ 3-6 ปี สามารถนำมาจัดเป็นกิจกรรมประจำวันได้หลายรูปแบบเป็นการช่วยให้ผู้สอนหรือผู้จัดประสบการณ์ทราบว่าแต่ละวันจะทำกิจกรรมอะไรเมื่อใดและอย่างไรทั้งนี้กำจัดกิจกรรมประจำวันสามารถจัดได้หลายรูปแบบขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการนำไปใช้ของแต่ละหน่วยงานและสภาพชุมชนที่สำคัญผู้สอนต้องคำนึงถึงการจัดกิจกรรมให้ครอบคลุมพัฒนาการทุกด้านการจัดกิจกรรมประจำวันมีหลักการจัดกิจกรรมประจำวันและขอบข่ายของกิจการประจำวัน ดังนี้
3.1 หลักการจากกิจการประจำวัน
1. กำหนดระยะเวลาระยะเวลาในการจัดกิจกรรมแต่ละกิจกรรมให้เหมาะสมกับวัยของเด็กในแต่ละวันแต่ ยืดหยุ่นได้ตามความต้องการและความสนใจของเด็กเช่น
วัย 3-4 ปี ความสนใจประมาณ 8-12 นาที
วัย 4-5 ปี ความสนใจประมาณ 12-15 นาที
วัย 5-6 ปี ความสนใจประมาณ 15-20 นาที
2. กิจกรรมที่ต้องใช้ความคิด ทั้งในกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่ไม่ไม่ควรใช้เวลาต่อเนื่องนานเกินกว่า 20 นาที
3. กิจกรรมที่เด็กมีอิสระเลือก เล่นเสียเสรีเพื่อช่วยให้เด็กรู้จักเลือกตัดสินใจ คิดแก้ปัญหา คิดสร้างสรรค์ เช่น การเล่นตามมุม การเล่นกลางวันใช้เวลาประมาณ 40-50 นาที
4. กิจการควรมีความสมดุล ระหว่างกิจกรรมในห้องและนอกห้อง กิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก กิจกรรมที่เป็นรายบุคคล กลุ่มย่อย และกลุ่มใหญ่ กิจกรรมที่เด็กเป็นผู้ริเริ่มและผู้สอนหรือผู้จัดประสบการณ์ เป็นผู้ริเริ่มและกิจกรรมใช้กำลังและไม่ใช้กำลัง จัดให้ครบทุกประเภททั้งนี้ กิจกรรมที่ต้องออกกำลังกายควรจะสลับกับกิจกรรมที่ไม่ต้องออกกำลังกายมากนัก เพื่อเด็กจะได้ไม่เหนื่อยเกินไป
3.2 ขอบข่ายของกิจการประจำวัน
การเลือกกิจกรรมที่จะนำมาจัดในแต่ละวันสามารถจัดได้หลายรูปแบบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการนำไปใช้ของแต่ละหน่วยงานและสภาพชุมชนที่สำคัญ ผู้สอนต้องคำนึงถึง การจัดกิจกรรมให้ครอบคลุมพัฒนาการทุกด้าน ดังต่อไปนี้
1. การพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ เป็นการพัฒนาความแข็งแรงการทรงตัวการยืดหยุ่นความคล่องแคล่วในการใช้อวัยวะต่างๆ และจังหวะการเคลื่อนไหว ในการใช้กล้ามเนื้อใหญ่โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้เล่นอิสระกลางแจ้งเล่นเครื่องเล่นสนามปีนไปเล่นอิสระเคลื่อนไหวร่างกายตามจังหวะดนตรี
2. การพัฒนากล้ามเนื้อเล็ก เป็นการพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเล็กกล้ามเนื้อมือ-นิ้วมือ การประสานสัมพันธ์ระหว่างมือกับตา ได้อย่างคล่องแคล่วโดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้เล่นเครื่อง เล่นสัมผัส เล่นเกมการศึกษา ฝึกช่วยเหลือตนเองในการแต่งกาย หยิบจับช้อนส้อม และใช้วัสดุอุปกรณ์ศิลปะ เช่น สีเทียนกรรไกร ผู่กัน ดินเหนียว
3. การพัฒนาอารมณ์จิตใจและปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม เป็นการปลุกให้เด็กมีความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง และผู้อื่นความเชื่อมั่น กล้าแสดงออก มีวินัยรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ ประหยัด เมตตา กรุณาเอื้อเฟื้อ แบ่งปัน มีมารยาท และปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทยและศาสนาที่นับถือโดยจัดกิจกรรมต่างๆผ่านการเล่นให้เด็กได้มีโอกาสตัดสินใจเลือกได้รับการตอบสนองตามความต้องการได้ฝึกปฏิบัติโดยสอดแทรกคุณ จริยธรรมอย่างต่อเนื่อง
4. การพัฒนาสังคมนิสัย เป็นการพัฒนาให้เด็กมีลักษณะนิสัยที่ดีแสดงออกอย่างเหมาะสมและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ช่วยเหลือตนเองในการทำกิจวัตรประจำวัน มีวินัย รักการทำงาน รักษาความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น รวมทั้งระมัดระวังอันตรายจากคนแปลกหน้า ให้เด็กได้ปฏิบัติกิจวัตรประจำวันอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหาร พักผ่อน นอนหลับ ขับถ่าย ทำความสะอาดร่างกาย เล่นและทำงานร่วมกับผู้อื่น ปฏิบัติตามกฎกติกาข้อตกลงของส่วนรวมเก็บของเข้าที่เมื่อเล่นหรือทำงานเสร็จ
5. การพัฒนาการคิด เป็นการพัฒนาให้เด็กมีความสามารถในการคิดแก้ปัญหาคิดรวบยอดและคิดเชิงเหตุผลทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้สังเกตจำแนกเปรียบเทียบสืบเสาะหาความรู้สนทนาอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิญวิทยากรมาพูดคุยกับเด็กศึกษานอกสถานที่เล่นเกมการศึกษาฝึกแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันฝึกออกแบบและสร้างชิ้นงานและทำกิจกรรมทั้งเป็นรายบุคคลกลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่
6. การพัฒนาภาษา เป็นการพัฒนาให้เด็กใช้ภาษาสื่อสารถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดความรู้ความเข้าใจในสิ่งต่างๆที่เด็กมีประสบการณ์โดยสามารถตั้งคำถามในสิ่งที่สงสัยใคร่รู้จัดกิจกรรมทางภาษาให้มีความหลากหลายในสภาพแวดล้อมที่อู้ต่อการเรียนรู้มุ่งศึกษาให้เด็ก ได้กล้าแสดงออกในการฟังพูดอ่านเขียนมีวินัยรักการอ่านและบุคคลแวดล้อมต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ภาษาทั้งนี้ต้องคำนึงถึงหลักการจัดกิจกรรมทางภาษาที่เหมาะสมกับเด็กเป็นสำคัญ
7. การส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เป็นการส่งเสริมให้เด็กมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ได้ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกและความสวยงามของสิ่งต่างๆโดยจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ดนตรีการเคลื่อนไหวและจังหวัดตามจินตนาการประดิษฐ์สิ่งต่างๆอย่างอิสระเล่นบทบาทสมมติเล่นน้ำเล่นทรายเล่นบล็อกและเล่นก่อสร้าง