ศึกษาเทคนิควิธีการสอนแบบ Problem–based Learning
ศึกษาเนื้อหา เรื่องปริมาณสารสัมพันธ์
ศึกษาวิธีการทำสื่อต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบงาน ใบประเมินผล สื่อเคลื่อนไหวต่างๆ เพื่อนำมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน
2. โดยจะเริ่มดำเนินงานในภาคเรียนที่ 1/2568
ประเด็นท้าทาย
เรื่อง การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยใช้ Problem–based Learning ในรายวิชาเคมีเพื่องานอุตสาหกรรม เรื่องปริมาณสารสัมพันธ์ สำหรับนักศึกษาระดับชั้น ปวส. 1 สาขาเคมีอุตสาหกรรม
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
จุดมุ่งหมายของการจัดการศึกษาคือการพัฒนาผู้เรียนใหมีคุณภาพสอดคลองกับบริบทของสถานศึกษาและความต้องการของสถานประกอบการ ตลอดจนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ทั้งนี้เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพเป็นที่ต้องการของสังคม การจัดการเรียนการสอนในรายวิชาเคมีเพื่องานอุตสาหกรรม รหัสวิชา 30123-1017 เป็นรายวิชาในกลุ่มสมรรถนะวิชาชีพพื้นฐาน ในโครงสร้างหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) พุทธศักราช 2567 ประเภทวิชาอุตสาหกรรม กลุ่มอาชีพปิโตรเลียมและปิโตรเคมี สาขาเคมีอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นวิชาชีพพื้นฐานที่สำคัญที่ต้องนำความรู้ไปบูรณากับรายวิชาในกลุ่มสมรรถนะวิชาชีพเฉพาะเพื่อให้สามารถนำไปใช้ในการปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรม โดยมุ่งเน้นหลักการและทฤษฎีควบคู่กับการฝึกทักษะการลงมือทำปฏิบัติการ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปปฏิบัติได้จริงในสถานประกอบการ แต่จากการประเมินผลการเรียนเนื้อหาในหน่วยการเรียนรู้เรื่องปริมาณสารสัมพันธ์ ของนักศึกษา พบว่า ผู้เรียนส่วนใหญ่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำกว่าร้อยละ 50 ซึ่งจากผลการประเมินข้างต้นถือว่ายังไม่ประสบผลสำเร็จตามเกณฑ์ที่ผู้สอนกำหนด จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่าผู้เรียนส่วนใหญ่เกิดจากการขาดความรู้ความเข้าใจในทฤษฎีและขาดการฝึกฝนกระบวนการคิดคำนวณในหัวข้อดังกล่าว
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผลผู้เรียน
จากการศึกษาปัญหาในการจัดการเรียนการสอน เรื่อง ปริมาณสารสัมพันธ์ รายวิชาเคมีเพื่องานอุตสาหกรรม รหัสวิชา 3123-1017 ของนักศึกษาระดับชั้น ปวส. 1 สาขาวิชาเคมีอุตสาหกรรม ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา พบว่าผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์การเรียนไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งนักศึกษาส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจในทักษะการคิดคำนวณทางเคมีโดยเฉพาะเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องปริมาณสารสัมพันธ์ ขาดการแก้ไขปัญหาความไม่เข้าใจในบทเรียนจึงทำให้ผู้เรียนไม่เข้าใจในบทเรียน นอกจากนี้ผู้เรียนอาจจะขาดแคลนสื่อการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับความต้องการที่จะพัฒนาความรู้ทักษะของตนเอง ซึ่งปัญหานี้มีความต่อเนื่องมาจากในขณะที่กำลังศึกษาอยู่ในช่วงชั้นของมัธยมปลายที่ผ่านมาของผู้เรียน จึงส่งผลให้นักศึกษาไม่สนใจในการเรียน เกิดความเบื่อหน่าย และขาดความกระตือรือร้นสนใจใฝ่ศึกษาต่อมา จึงส่งผลให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไม่บรรลุวัตถุประสงค์ตามเกณฑ์ที่คาดหวัง ดังนั้นจึงต้องทำการแก้ไขปัญหาโดยการปรับเปลี่ยนกระบวนการเรียนการสอนโดยจัดกิจกรรมการเรียนที่กระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม การสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนลงมือปฏิบัติ และให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ โดยใช้กิจกรรมการเรียนการสอนแบบ Problem–based Learning ที่มีความสอดคล้องกับจุดประสงค์ สมรรถนะ และเนื้อหาที่เรียน ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ มีทักษะการคิดคำนวณตามวัตถุประสงค์ ซึ่งส่งผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในระดับที่สูงขึ้น โดยมุ่งหวังให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในดีขึ้นและตรงความต้องการของสถานประกอบการ ดั้งนั้นเพื่อริเริ่มและพัฒนา(สูงกว่าวิทยฐานะ) จึงต้องปรับใช้กลยุทธ์หรือเทคนิคการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนมีช่องทางและกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายที่ผู้สอนได้คิดค้น ออกแบบ เพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอน ในหน่วยการเรียนรู้เรื่องปริมาณสารสัมพันธ์ ในรายวิชาเคมีเพื่องานอุตสาหกรรม รหัสวิชา 3123-1017 อันจะก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้และบรรลุตามวัตถุประสงค์ในรายวิชาต่อไป
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ
- ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหน่วยการเรียนรู้ เรื่อง ปริมาณสารสัมพันธ์ ในรายวิชาเคมีเพื่องานอุตสาหกรรม อยู่ในระดับร้อยละ 65 ขึ้นไป และส่งผลให้นักศึกษาที่เรียนในรายวิชาเคมีเพื่องานอุตสาหกรรม มีผลการเรียนในระดับ 2.00 ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ของจำนวณผู้เรียนทั้งหมด
- ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามเกณฑ์การประเมินที่กำหนด
3.2 เชิงคุณภาพ
- ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมการเรียนการสอนแบบ Problem–based Learning ที่มีความสอดคล้องกับจุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชา เนื้อหาความรู้ ใบงาน ใบมอบงาน แบบฝึกหัด และสื่อการสอน ใช้ในการประกอบการเรียนรายวิชา ในรายวิชาเคมีเพื่องานอุตสาหกรรม หน่วยการเรียนรู้ ปริมาณสารสัมพันธ์