1.4 ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์ผลงานดนตรี
การสร้างสรรค์ผลงานดนตรี เกิดจากวัตถุประสงค์ต่างๆกัน เช่น เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อและศาสนา เพื่อใช้ในกิจกรรมทางสังคม เพื่อการแสดงละคร ภาพยนตร์ หรือเพื่อธุรกิจการค้าและการพาณิชย์ นอกจากนี้ยังมีการสร้างสรรค์ผลงานดนตรีที่เกิดขึ้นจากความคิดและจินตนาการของนักดนตรีหรือศิลปินผู้ประพันธ์เพลงเอง โดยไม่มีวัตถุประสงค์ใดๆ เพียงแต่สร้างสรรค์ขึ้นตามอารมณ์ความรู้สึกของศิลปินที่เกิดขึ้น เช่น บทเพลงที่สะท้อนความรัก ความงามของธรรมชาติ ความเศร้าโศก เป็นต้น
และผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นนั้นเมื่อนำมานำเสนอนักฟังเพลงแล้วอาจได้รับการยอมรับเป็นที่นิยมและชิ้นงานนั้นอาจพัฒนาไปเป็นสมบัติร่วมกันของผู้คนในสังคมต่อไปได้
ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์งานดนตรีแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะดังนี้
1. ปัจจัยภายใน หมายถึง อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด และจินตนาการที่ส่งผลต่อการสร้างสรรค์ผลงานดนตรี เช่น ความรู้สึกรัก ชอบ โกรธ เกลียด เศร้าโศก เคารพบูชา ความเชื่อและความศรัทธา เป็นต้น ซึ่งนักดนตรีหรือผู้ประพันธ์เพลงเป็นผู้รวบรวม “ความรู้สึกนึกคิด” ของตนที่มีต่อสิ่งต่างๆมาเป็นต้นทุนทางการปรุงแต่งดนตรีให้เป็นไปตามนั้น และเมื่อความรู้สึกนึกคิดซึ่งมีความสำคัญต่อการสร้างจินตนาการมาผสมกับประสบการณ์ของศิลปินแล้วย่อมก่อให้เกิดผลงานทางดนตรีที่มีคุณค่า
2. ปัจจัยภายนอก ได้แก่ สังคมและวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี พิธีกรรมสภาพทางภูมิศาสตร์ ค่านิยม การเมือง การปกครอง การศึกษา เศรษฐกิจ และภัยธรรมชาติ เนื่องจากสังคมประกอบไปด้วยผู้คนที่ร่วมกัน มีความสัมพันธ์กันภายใต้กฎเกณฑ์ระเบียบแบบแผนร่วมกัน แต่ละสังคมจึงมีลักษณะเฉพาะที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ วิถีของการดำรงชีวิต มีความเป็นพวกพ้องเดียวกัน เช่น การใช้ภาษาสื่อสารอย่างเป็นทางการร่วมกัน มีสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีระบอบการเมือง การปกครองและกฎหมายที่เป็นข้อบังคับเดียวกัน เป็นต้น
บทเพลงที่ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางสังคมวัฒนธรรมในการสร้างสรรค์ผลงาน ได้แก่ เพลงชาติ เพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงที่ถูกแต่งขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์สึนามิ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 เช่น เพลงซับน้ำตาอันดามัน เพลงสึนามิ เป็นต้น
การสร้างสรรค์บทเพลง ในการสร้างสรรค์บทเพลง นักดนตรี หรือนักประพันธ์เพลงจะรวบรวม “ความรู้สึกนึกคิด” ของตนเองที่มีต่อสิ่งต่างๆ มาเป็นต้นทุนในการปรุงแต่งงานดนตรีให้เป็นไปนั้น ประสบการณ์จะมีส่วนช่วยให้จินตนาการในการสร้างสรรค์งานดนตรีเกิดขึ้นได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ สิ่งกระทบ หรือประสบการณ์ต่างๆที่เข้ามามีส่วนช่วยให้เกิดจินตนาการและนำไปสู่การสร้างสรรค์ผลงานดนตรีที่มีประสิทธิภาพได้แก่ ความงามของธรรมชาติ ความรักชาติรักแผ่นดิน ความจังรักภักดี ความเชื่อและศาสนา ความรักและความเศร้า เป็นต้น
การถ่ายทอดเรื่องราวความคิดในบทเพลง ในการประพันธ์เพลงหรือบทร้องนั้นเทียบได้กับการแต่งนิยายประเภทเรื่องสั้น เพราะมีข้อจำกัดลักษณะเดียวกันคือ เรื่องความยาวในการวาง โครงเรื่อง
( โครงเรื่อง ต้องมีตัวละครปรากฏอยู่ในบทเพลง เช่น เธอกับฉัน เธอกับเขา เขากับฉัน ฉันกับธรรมชาติ เป็นต้น เพื่อให้เรื่องราวของบทเพลงจบลงตามความยาวของบทเพลงที่กำหนดไว้)
ซึ่งการถ่ายทอดความรู้สึกออกมา ซึ่งท่วงท่าที่แสดงออก หรือกระบวนแบบที่ผู้ประพันธ์เพลงแต่ละคนใช้ถ่ายทอดเรื่องราวความคิดในบทเพลงอาจมี แตกต่างกันออกไป การที่ศิลปินจะสามารถสร้างสรรค์ผลงานดนตรี ที่มีท่วงท่าที่แสดงออกจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตนเองได้นั้น อาจเกิดจากพรสวรรค์ (Gifted) หรือเกิดจากการคิดค้นทดลอง บ่มเพาะเป็นประสบการณ์อันยาวนาน ทั้งนี้โดยปกติผู้ประพันธ์เพลงมักจะประพันธ์ทำนอง (Melody) ก่อน แล้วจึงประพันธ์คำร้อง (Lyric) บรรจุเข้าไปให้ครบทุกตัวโน้ต และจัดวรรคตอนของคำประพันธ์ให้สอดคล้องกับวรรคตอนของทำนอง แต่ก็มีเพลงจำนวนไม่น้อยที่แต่งคำร้อง มาก่อนทำนอง
ศิลปะชั้นสูงต้องเป็นศิลปะที่ศิลปินแสดงออกด้วยการสร้างสรรค์ และปรุงแต่งอย่างสุขุมให้ประณีตงดงามเกินความเป็นจริง เมื่อได้ฟังแล้วเกิดความไพเราะจับใจ รู้สึกคึกคัก ร่าเริง หรือโศกเศร้าวังเวง จนใจล่องลอยคล้อยตามอารมณ์ของเสียงเพลงนั้น ซึ่งผู้ประพันธ์เพลงแต่ละคน จะมีเทคนิคการแสดงออกเฉพาะตนในการถ่ายทอดเรื่องราวความคิด หรือความสะเทือนใจออกมาให้ผู้ฟังรับรู้ได้ดีหรือไม่ดีเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างหลายประการด้วยกัน ได้แก่
1. ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับทฤษฏีดนตรีและการปฏิบัติเครื่องดนตรี
2. พื้นฐานความสามารถด้านการขับร้องหรืออ่านทำนองซึ่งจะช่วยให้รู้จักเลือกคำที่มีเสียงไพเราะมาใช้แต่งคำร้อง
3. ความรู้พื้นฐานด้านวรรณคดี ซึ่งจะทำให้รู้จักแต่งกลอนเพลงได้ถูกต้องตามหลัก
ฉันทลักษณ์ และมีความไพเราะน่าฟัง
4. ผู้ประพันธ์เพลงต้องเป็นผู้อ่านมาก ฟังมาก เพราะจะช่วยให้ รู้จักวิธีแต่งสำนวนโวหาร หรือคัดสรรสำนวนโวหารที่ ไพเราะกินใจมาใช้เป็นคำร้อง
5. ผู้ประพันธ์เพลงต้องเป็นคนชอบสังเกต วิเคราะห์และวิจารณ์สิ่งต่างๆหรือบุคคลต่างๆที่อยู่รอบตัวอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยให้สร้างโครงเรื่องของบทเพลงได้หลากหลาย
6. ผู้ประพันธ์เพลงต้องเป็นผู้ชอบขีดเขียน ด้วยสำนวนโวหารของตนเอง เช่น จดหมาย อนุทินบันทึกเหตุการณ์ เรื่องเล่า บทกวี เป็นต้น หรือแม้แต่การแต่งเพลง จะช่วยให้สามารถแต่งคำร้องได้อย่างฉับไวและมีสำนวนรื่นหูโดนใจผู้ฟัง
ทั้งนี้ การนำเอาความรู้สึกนึกคิดและความสะเทือนใจมาประพันธ์เป็นเพลง ทั้งทำนองและเนื้อร้อง ซึ่งสามารถทำได้ 2 ลักษณะ คือ
1. ลักษณะเหมือนจริงทุกประการ หรือเรียกว่า “เรียลลิสติก” คือ ตาเห็น อย่างไร หูได้ยินอย่างไร
ลิ้นได้รสอย่างไร กายสัมผัสเย็น - ร้อน อ่อน – แข็ง อย่างไร หรือใจ คิดอะไรอยู่ก็จะแต่งถ้อยคำบอกออกมา อย่างนั้น เช่น นักประพันธ์เห็นวิถีชีวิตชาวนาที่ต้องตรากตรำ ลำบาก ทำนา อย่างทุ่มเท แต่ก็ยังหนีไม่พ้นความยากจน ก็จะแต่งเพลงพรรณนาความจริงไปตามนั้น เป็นต้น
2. ลักษณะปรุงแต่งให้เกินจริง หรือเรียกว่า “ไอเดียลิสติก” (Idealistic) คือ แต่งโดยใช้สำนวน โวหาร ทางภาษา พรรรณนา รูป รส กลิ่น เสียง กายสัมผัส และ อารมณ์ ให้งดงาม เกินความเป็นจริง เช่น แต่งเพลงเกี่ยวกับชีวิตชาวนา ก็ปรุงให้ชีวิตชาวนาเป็นชีวิตที่ น่าอภิรมย์ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามมีชีวิตที่ สงบเย็น ผาสุกเป็นต้น
ให้นักเรียนไปศึกษาและฟังเพลงที่กำหนดให้ต่อไปนี้แล้วบอกว่า บทเพลงดังกล่าวศิลปินหรือผู้ประพันธ์เพลงอาศัยปัจจัยในเรื่องใดมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานเพลง
ต้นไม้ของพ่อ (ศิลปิน ธงไชย เมคอินไตย) https://www.youtube.com/watch?v=x-7NQXN6FkQ
เพลง ตุ่ม (ศิลปิน อาคาเปร่าเซเว่น) https://www.youtube.com/watch?v=bMK7r0YnLFw
เพลง ปราสาททราย (ศิลปิน สุรสีห์ อิทธิกุล) https://www.youtube.com/watch?v=mKFmwCNRvR8
เพลงศรัทธา (ศิลปิน วงหิน เหล็ก ไฟ) https://www.youtube.com/watch?v=JH1Wmi81dOk
เพลง เจ้าตาก (ศิลปิน วงคาราบาว) https://www.youtube.com/watch?v=NUMB8JAGluc
รอยจูบบนฝ่าเท้า (ศิลปิน หลงลงลาย) https://www.youtube.com/watch?v=UOBJ7ZQeQ1k
อุทยานดอกไม้ (ศิลปิน อรวี สัจจานนท์) https://www.youtube.com/watch?v=psIMUNe5aiM
มนต์รักลูกทุ่ง (ศิลปิน ยอดรัก สลักใจ) https://www.youtube.com/watch?v=8xKRcw-lX1g