Klon Sarata Pali :: 3 6509 00023 80 4 :
กลอนสรตะ ถึง
เมื่อหน้า ประชารู้ ทางเกี่ยว
เมื่อดุ่มเดี่ยว เปลี่ยวร้าง ไม่ห่างเหิน
แม้นระหก นกอาจคุ้ม ไม่พอเดิน
เมื่อระเห็จ เกร็ดเกิน จะคุยกัน
เมืองผันผาย กะใจ แด่ของเขา
เหมือนใจเผา แด่ห้องเก็บ แค่เสพหมัน
เมื่อยุแย่ แลกระจัด พลัดสำคัญ
ต่อเมื่อชั้น แก่เช้าเชิญ ไม่ถึงเย็น
มาถึงโน้น มาถึงนี้ ถึงเหนื่อย
มากเมื่อย มากแนว เพราะกลัวเหม็น
น้อยตำหนิ ซึ่งมากโน้ม มโนเป็น
ยุดนาค ครุฑเข็น ถึงสามงาน
พระปิฎกธรรม มมร.๕๙/๓๕.
กลอนสรตะ หม่อมฉัน
เหมือนวระ จะรณรงค์ วงนาถ
เมื่อประกาศ ปรุงแสดง ปะแปลงโคตร
ร้ายก็มี ดีก็ด้วย พอจะโกรธ
แม้นนั้นกฎ เพราะจะพี แก่กำลัง
เก็บนำคำ นำมาวง จงโล่งทรวง
จรดเก็บ เหน็บห่วง หน่วงคืนหลัง
แก่รักษา แด่นกต้อย ที่คอยทาง
เรืองเด่นราง ดีแล้ว จึ่งแคล้วพารา
ใด ๆ หาญ ให้ผสาน หารดั่งช้าง
สิ่งหวังดี เช่นร้อยหาง แก่พาสา
คลองสุขสม ชื่อชมหวำ สำราญรา
เนิ่นนา ดำเนินแล้ว ทุกแนวโมม
พระปิฎกธรรม มมร.๖/๑๑๓.
กลอนสรตะ กระเพาะ
กำลังแรง อันอ่อย มาร่อยพร่อง
ทยอยย่อง ร่องเหล่ ให้เหหาง
ตามอัตรา แอ่งโอ่ง โถงกะละมัง
แหล่งรัง ต่าง ๆ ขนาดทะนาน
กอบเกาะ ก่อกระเทาะ กะกระเพาะที
เสียงเซายี่ ตะกี้เกราะ ดั่งเหยาะหวาน
สิบยี่สิบ ยิบระยับ นับประมาณ
รับประทาน แด่พุงพี ดีมะปริง
หวานมันเค็ม เลาะเล็มเหลียว เปรี้ยวถึง
หวามนั้นจึ่ง ที่ซึ่งเจียว เปรี้ยวกะขิง
รสตราชู คู่คันชั่ง ตราชิง
หลอมรวมสิ่ง ชูราโช นโยบาย
พระปิฎกธรรม มมร.๑๓/๑๐๖.
กลอนสรตะ ทั้งหลาย
ถ้าท่านทั้งหลาย บำรุง
ถ้าท่านทั้งหลายจะปรุงสาส์นสาร
ถ้าว่าท่านว่าภาระทั้งหลายสำคัญ
ถ้าเช่นนั้น ท่านจงพิจารณา
เอาว่าใคร่จะมาอยู่ท่าน้ำนี้
เอาหว่ะ รึ!ใคร่จะไปอยู่ดีท่าน้ำหน้า
เอาวรรคเวรนี้ละเหวยทุกฎีกา
เอายกมาเราจะบำบัดทุกข์บำรงปรง
ในหลายท่าเป็นกิจบวงบทพระเจ้า
ในหลายเกล้าเป็นกิจบวงห่วงท่าสงฆ์
ว่ากระจัดไม่เป็น กระจายไม่ให้กิจทนุธำรง
ทว่าท้อมิดำรง ตรงเป็นท่าที เป็นดีเดียวกัน
พระปิฎกธรรม มมร.๓๔/๔๕๗.
กลอนสรตะ วิริยะ
เพียรว่ายวนพันธุ์ พุดซ้อน
วงเวียนหน่ออ่อน คำพูดผล
ดูกฤษณาลดายล
ดูเครื่องกลพลับพลากำแหง
เรือนมีค่าเกี่ยว ร้องรวง
เรือนมีบาทแบบบวงสิ่งแสง
บำรุงคุ้งสีดาดวงแรง
โน้น!เนื่องแพง นกกระจาบกระจง
จึ่งจงวิริยะ บากบั่น ฝ่าฝืน
จงฟันฉับ! ดินฟากพื้น ริมโขง
เอาทุกทะเลมาคะเนทุ่มโมง
เอารังรวงร้อยโยง สู่ภาคผล เพียรตาย
พระปิฎกธรรม มมร.๓๖/๑๑.
กลอนสรตะ ขึ้น
เหมือนไต่ ไปกับคลื่น ผืนเนิน
ผืนแผ่นเดิน คือปีน ขึ้นภูเขา
อีกไหนท่อง ว่องแว่ว ทรวงเซา
ซึ้งกระเส่า ขึ้นในโสต สัญญา
เพียงดั่งเอียด เสียงอี่อู้ สู้คลื่น
เสียงแซ่ขึ้น เพลงพื้น ถวิลหา
เช่นไฟฟอน ติดตื่น ลุกขึ้นมา
ดนตรีพาขึ้นบทต้น โกลนกล่อมเอง
ขึ้นว่าชื่อ มักจะเขียนเรียนคต
คติพจน์กะโคตรภู ผู้จิตเผง
บันแถลงด้วยแขนงบรรเลง
รู้ขึ้นเอง เพราะมั่นคง ตรงซ่อมบุญ
พระปิฎกธรรม มมร.๑/๖๘.
กลอนสรตะ เขตแดน
ก่อเกิด ก็เล็ก ๆ นั่นประการ
มีใดมีที่ประมาณวงจักรสัน
ดาราแพรว นภาวรรณบริทัณฑ์
ชีวิตนั้นชีพนิด อันคิดเจริญ
รอโรจน์ รอโปรดจากทิพบรรพ์
ลอมพันธุ์ รอนภา รอสุขเสริญ
อยู่ด้วยห้วงจักรพราวดาวเดิน
มิก่อเกิน รอมนุษย์ ซึ่งปัญญา
จะไปปลุก ทำแพนงแทงอาวุธ
ให้ก่อผุด กำเนิดหน้า วิชาสวามิ์
ดวงหญ้าคบไม่เติบช้า กล้าต่อนาม์
นำคงคาเลื่อมพิสมัย วิไลจรูญ
พระปิฎกธรรม มมร.๔/๗๕๖.
กลอนสรตะ มารัสเสสะ
ตารัจฉะ ทีฆา มารัสสะ
ยาวอย่าย่ะ ยืดยัก โยงใหญ่
เห็นแต่แปล อยู่มากหลายนัย
พงไพรก็แต่บ้าน ย่านเมืองตน
ก็ดั่งหาถากแทงที่ไม่แสยงกาโย
เช่นทาบโพธิ์ เกี่ยวไทร ให้ชุ่มผล
ให้ทึบแถบ แบบพรึ่บ นำมาดล
บันดาลดัด เดชสกล สู่ผลสำคัญ
เช่นผักแขม ผักแสม หรือผักเสม
หรือว่าเข็ม พงพื้น อันสะอ้าน
ท่านจึงยก มาแทนทั่ว ตัวการณ์
กระทั่งแปลก แหวกทุกงาน ไม่ตกใจ
พระปิฎกธรรม มมร.๒๒/๑๓๒.
กลอนสรตะ ภาสา
ผิด! อยู่ผิดที่ทุกวัน ๆ
อันมีค่าแค่รำพันให้โหย
โดยประจำอยู่ด้วยมิรู้โรย
ภาสาสรรช่วยโชยกุศลวิบุล
คุณตราสภาพภาพพีระ
ณ ที่ปรากฏแต่จักระจักขุน
เพื่อตวงจิตดวงลตาการุณย์
ลงตะกร้ากูลจะด้วยมูลเหตุไร
ตะกร้าใบหนึ่งวินิจ!
อีกตะกร้าหนึ่ง กิจสามชัย
สนศรอริยกะสอนใจ
เจกับไอ เอ! อย่างไรพิจาร์ณ์
พระปิฎกธรรม มมร.๗๘/๕๔๕.
กลอนสรตะ มโหรี
เด็กส้ม สมกับ พระหูยาว
พระหูขาว ฟังได้ ฟังได้
ฟังเด็กส้ม บอกกล่าว กถาไร
ถึงเนิ่นไกล ก็ฟังได้ตลอดนาน
กาลเด็กดำ ฟังไม่ได้ ปิดหู
ได้ฟังดู มิอยาก สดับขาน
เหมือนมันขับ ไล่ปรับ ประมาณ
ให้ประหาร สิ่งสงบ เรียบดี
กับเด็กด่าง ขาว ๆ ดำ ๆ
ขรุขระ ประโคมคำ เปิ่นปี๋
ปี้หน้า ปี้หลัง ความมี
ความด้วยดี ร้องด้วยดี เรียกเสภา
พระปิฎกธรรม มมร.๖๔/๕๘๕.