คำแนะนำสำหรับ case discussion
ให้นักศึกษาทบทวนประวัติและการตรวจร่างกายทางระบบประสาทในผู้ป่วย และวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ เพื่อตอบคำถามที่สำคัญ 3 ข้อ คือ
1.Location ของ lesion
2.Nature ของ lesion
3.จะให้การรักษาความผิดปกติที่พบนี้อย่างไร
1.Location ของ lesion
แนวคิดในการวิเคราะห์นั้นอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ความผิดปกติทางระบบประสาทที่แสดงออก อาจเกิดจาก lesion ตำแหน่งเดียวหรือหลายตำแหน่งก็ได้ แต่โดยธรรมชาติของโรคต่าง ๆ นั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นความผิดปกติที่ตำแหน่งเดียว (single lesion) มากกว่าความผิดปกติหลายตำแหน่ง (multiple lesions)
สิ่งที่จะต้องทำสำหรับการหาตำแหน่งของความผิดปกติคือ ต้องทบทวน neuroanatomy และ gross anatomy เพื่อจะอธิบายหรือรวบรวมความผิดปกติหลาย ๆ อย่างที่ตรวจพบ ให้เป็นตำแหน่งเดียวกันหรือใกล้กันมากที่สุด และจำเพาะเจาะจงให้ได้มากที่สุด (เช่น frontal lobe, thalamus, cerebellum, etc. ข้างซ้าย หรือขวา)
การมองหา lesion ตำแหน่งเดียวเป็นการมองไปยังธรรมชาติ โดยคิดถึงสิ่งที่เป็นธรรมชาติมากที่สุดก่อน การเกิดของ lesion แห่งเดียวนั้นเป็นธรรมชาติและไม่ซับซ้อน (simple-not complicate) แต่การจะคิดให้เป็นธรรมชาติเช่้นนี้ต้องเข้าใจลึกซึ้งถึง gross และ neuro-anatomy ดังที่บอกไว้ข้างต้น
หากไม่สามารถทำเช่นนี้ได้แล้วจึงหาทางอธิบายด้วย multiple lesions (ซึ่งโดยทั่วไปเป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย) เป็นอันดับต่อไป
2.Nature ของ lesion
ธรรมชาติของความผิดปกติ ใช้อายุ เพศ โรคประจำตัว medical history, onset, progression, sign of increased intracranial pressure/brain herniation และ incidence เป็นแนวทางในการอธิบายธรรมชาติของโรคที่เกิดขึ้น โดยจะต้องมีความรู้พื้นฐานก่อนว่าในโรคหรือความผิดปกติแต่ละชนิดนั้น มีอาการ อาการแสดง อย่างไร พบได้บ่อยในผู้ป่วยกลุ่มไหน การดำเนินโรคเป็นอย่างไร พบได้บ่อยที่ตำแหน่งใดในระบบประสาท และเข้าได้กับตำแหน่งที่พบจากการตรวจร่างกายหรือไม่
การจะคิดเช่นนี้ได้ต้องมีความรู้พื้นฐานที่ดี รู้จัก symptomatology ศึกษาอาการและอาการแสดงของโรคต่าง ๆ ให้เข้าใจและนำมาคิด-วิืเคราะห์-ประยุกต์ให้เข้ากับผู้ป่วยแต่ละคนต่อไป
Imaging (CT, MRI) และผลตรวจทางห้องปฏิบัติการนั้นเป็นเพียงเครื่องมือช่วยยืนยันการวิเคราะห์ของเราว่าข้อมูลที่ได้มานั้นมีความถูกต้องแม่นยำเพียงใด ไม่ให้ใช้ CT/MRI เพื่อ discuss เรื่อง location ให้คิดและวิเคราะห์ด้วยตัวเองเป็นอันดับแรกเสียก่อนทุกครั้ง
3.จะให้การรักษาความผิดปกติที่พบนี้อย่างไร
เมื่อได้คำตอบเรื่อง location และ nature ของความผิดปกติที่เกิดขึ้นแล้ว จะสามารถนำไปสู่แนวทางการรักษาเบื้องต้นได้อย่างเหมาะสมต่อไป หากขาดกระบวนการคิดให้ได้มาซึ่งสองคำตอบแรก กระบวนการรักษาที่เกิดขึ้นเป็นอันดับต่อมาจะเกิดขึ้นอย่างถูกต้องและเหมาะสมไม่ได้ หลายครั้งที่ผู้ป่วยจะต้องได้รับการรักษาเบื้องต้นก่อนจะได้ definite diagnosis โดย CT/MRI/angiogram หากแพทย์ผู้รักษาไม่ได้ฝึกทบทวนกระบวนการคิดทั้งหมดนี้อย่างเป็นขั้นตอน จะทำให้การรักษาเบื้องต้นอย่างเหมาะสมเป็นไปได้ยาก
สิ่งที่จะต้องทบทวนคือ initial management สำหรับความผิดปกติที่พบบ่อย และ initial management สำหรับ increased intracranial pressure ซึ่งถือเป็น emergency management ที่ต้องทำได้อย่างถูกต้องเหมาะสม โดยแยกเป็น 2 กรณีคือ ก่อนส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลที่สามารถให้ definite diagnosis/ treatment หรือก่อนการขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และหลังจากได้ definite diagnosis แล้ว