how2do

ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์

แบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 5 ประเภท คือ

1. โครงงานประเภทจำลองทฤษฎี (Theory Experiment)

2. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tools Development)

3. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media)

4. โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน (Application)

5. โครงงานพัฒนาเกม (Game Development)

1. โครงงานประเภทจำลองทฤษฎี (Theory Experiment)

เป็นการจำลองการทดลองต่าง ๆ (Virtual Laboratory) โดยรวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริงและแนวคิด เสนอเป็นแบบจำลองด้วยคอมพิวเตอร์

2. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tools Development)

ส่วนใหญ่จะเป็นซอฟต์แวร์เครื่องมือช่วยงาน เช่น ซอฟต์แวร์ระบบสมาชิก

3. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media)

ผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการสร้างหน่วยการเรียนหรือบทเรียน Online ให้สามารถศึกษาด้วยตนเองได้ พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการเรียนรู้ในวิชาต่าง ๆ โดยเลือกหัวข้อที่เข้าใจยาก มาพัฒนา

4. โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน(Application)

โครงงานที่ประยุกต์ใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น google sketch up โครงงานงานประเภทนี้ อาจมีการประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ หรือปรับปรุงของเดิมที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น ต้องศึกษา วิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ และออกแบบ พัฒนาสิ่งของเหล่านั้น โดยต้องมีการทดสอบการทำงานหรือการใช้งาน ปรับปรุงแก้ไขให้มีความสมบูรณ์

5. โครงงานพัฒนาเกม (Game Development)

เป็นการพัฒนาเกมเพื่อส่งเสริมความรู้ หรือ ความเพลิดเพลิน เช่น เกมหมากรุก แต่ต้องเป็นเกมที่ไม่มีความรุนแรง โหดร้าย ทารุน

ขั้นตอนในการพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์

1. คัดเลือกหัวข้อที่สนใจ ซึ่งได้มาจากปัญหา คำถาม หรือความสนใจในเรื่องต่างๆ

2. ศึกษา ค้นคว้าเอกสารหรือแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

@ ค้นคว้าจากหนังสือ เอกสาร สิ่งพิมพ์ ต่างๆ

@ การเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ

@ ฟังบรรยายทางวิชาการ รายการวิทยุและโทรทัศน์ สัมภาษณ์ผู้รู้

@ กิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียน

@ งานอดิเรกของนักเรียน

@ ชมนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงาน

3. จัดทำข้อเสนอ เค้าโครงโครงงาน

4. ลงมือปฏิบัติ

5. เขียนรายงาน

6. นำเสนอ จัดแสดง ผลงาน

ข้อคำนึง

การตัดสินใจเลือกหัวข้อ เพื่อพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ ต้องประกอบด้วย สิ่งต่อไปนี้

1. มีความรู้หรือทักษะพื้นฐานเพียงพอในหัวข้อ ที่สนใจ

2. หา เครื่องมือ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องได้

3. มีแหล่งความรู้เพียงพอ เพื่อการค้นคว้าหรือขอคำแนะนำ

4. มีเวลาเพียงพอ ทั้งในการศึกษาเพิ่มเติมและลงมือปฏิบัติ

5. มีงบประมาณในการจัดหาวัสดุอุปกรณ์อย่างเพียงพอ

6. มีความปลอดภัย ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและผู้คน