การเจาะรูเพื่อระเบิดหิน (Blasthole drilling) เป็นการทำให้หินแตกออกเป็นช่องว่างขนาดเล็กที่มีความยาวสำหรับใส่วัตถุระเบิด โดยใช้แรงกล (Mechanical rock breakage) ไปเอาชนะความแข็งแกร่งของเนื้อหิน เช่น ใช้หัวเจาะกระแทกลงไปบนหินทำให้เกิดรอยร้าว หรือขัดสีทำให้เนื้อหินสึกกร่อน ซึ่งจะจำแนกหลักการใช้แรงได้เป็น 3 ลักษณะ คือ
การกระแทก (Percussion) ด้วยแรงทุบ เจาะ หรือแรงกดในแนวดิ่ง
การขัดสี (Drag) ที่เกิดจากการหมุน หรือลากไปด้านข้าง
การใช้แรงแบบผสม (Combination) ร่วมกันทั้งกระแทกและขัดสี
จากหลักการเจาะรูในหินเพื่อทำให้หินแตก เมื่อนำมาพัฒนาเป็นวิธีการเจาะโดยใช้เครื่องเจาะ จะมี 3 ลักษณะ คือ
การเจาะแบบกระแทก (Percussion drilling)
การเจาะแบบหมุน (Rotary drilling)
การเจาะแบบหมุนผสมกระแทก (Rotary-percussive drilling) ซึ่งแบ่งเป็น
แบบกระแทกด้านบน (Top hammer) จะใช้กับหินอ่อนถึงแข็ง
แบบกระแทกด้านล่าง (Down the hole-DTH) ใช้กับหินแข็งปานกลาง
เนื้อหาครอบคลุมการใช้วัตถุระเบิดในงานเหมืองผิวดิน ลักษณะและชนิดของวัตถุระเบิด ทฤษฎีการระเบิดหิน การระเบิดหน้าเหมืองแบบขั้นบันได และการควบคุมผลกระทบจากการใช้วัตถุระเบิด
วัตถุระเบิดเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมจะมีความแตกต่างจากวัตถุประสงค์ในทางทหาร โดยจะต้องคำนึงถึงคุณลักษณะต่อไปนี้เพิ่มเติม
ผลิตได้จากสารเคมีที่มีใช้ในอุตสาหกรรม
ถูกกระตุ้นให้ระเบิดได้อย่างเที่ยงตรงตามต้องการ
ไม่ระเบิดโดยอุบัติเหตุ หรือไฟฟ้าสถิต
มีความปลอดภัยในการขนส่ง
มีอายุใช้งานนาน ทนความชื้น และไม่ตกตะกอนจนเสื่อมสภาพ
ลดปริมาณก๊าซพิษ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
การเลือกใช้วัตถุระเบิดสำหรับงานเหมืองแร่ ควรจะคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
ความหนาแน่นและความแรงของวัตถุระเบิด
ค่าใช้จ่ายต่อปริมาตรหินที่ระเบิดได้
ขนาดของรูระเบิด และขนาดวิกฤตสำหรับวัตถุระเบิด
ปริมาณและขนาดของก้อนหินที่ต้องการภายหลังการระเบิด
ความแข็งแกร่งของหินและโครงสร้างทางธรณีวิทยา
ความชื้นในรูเจาะ
ความปลอดภัยและผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม
การจำแนกวัตถุระเบิดตามวัตถุประสงค์ที่นำไปใช้ระเบิดหน้าเหมือง
ตัวจุดระเบิด (Detonator) หรือ แก๊ป (Cap) ประกอบด้วย 1) Primary charge ที่มีความไวมาก จุดระเบิดได้ง่ายเมื่อถูกกระแทก หรือได้รับความร้อนเพียงเล็กน้อย เช่น Lead Azide หรือ PbN6 สาร Lead Styphnate และ Mercury fulminate หรือ Hg(OCN)2 ใช้ประมาณ 0.5-1.0 กรัม เป็นตัวกระตุ้น 2) Base charge ที่มีความไวและแรง มักจะทำจาก TNT และ PETN
ไพรเมอร์ (Primer) มีความแรงสูงและหนัก ทำจาก High explosives และผลิตเป็นแท่ง เช่น Dynamite, Slurry, Emulsion ถูกกระตุ้นให้ระเบิดด้วย Base charge
วัตถุระเบิดหลัก (Blasting agent) เช่น ANFO หรือ Slurry จะให้แรงดันสูง มีราคาถูก
ตัวเพิ่มแรงระเบิด (Booster) ในจุดที่ต้องการให้มีความแรงเพิ่มขึ้น
การระเบิดหน้าเหมืองแบบขั้นบันได (Bench blasting)
จะต้องกำหนดเป้าหมายเพื่อ
ได้ปริมาณหินแตกหักในขนาดที่ต้องการ ลดปริมาณหินฝุ่น หรือก้อนใหญ่ที่ต้องทุบ
หน้างานหลังการระเบิดมีเสถียรภาพ ลด Backbreak และโขดหินที่พื้น
ได้รูปทรงของกองหินที่เครื่องจักรเข้าไปตักได้ง่าย ไม่เสียเวลาเตรียมกอง
ลดผลกระทบด้านแรงสั่นสะเทือน หินปลิว เสียงดัง และฝุ่นควัน
มีค่าใช้จ่ายในภาพรวมต่ำที่สุด ทั้งการระเบิด ขุดตัก และการโม่ลดขนาด
การระเบิดหน้าเหมืองให้เป็นชั้นแบบขั้นบันไดนั้น จะมีความเกี่ยวข้องกับทั้งขนาดความสูงของขั้นบันได ขนาดและตำแหน่งของรูเจาะ และปริมาณวัตถุระเบิดที่ใช้ ดังนั้นจึงมีพารามิเตอร์ที่เกี่ยวข้องในการออกแบบ ดังนี้
ขนาดของรูเจาะ (Hole diameter: d)
ระยะห่างจากหน้าอิสระ หรือระยะระหว่างแถวของรูเจาะ (Burden: B)
ระยะระหว่างรูเจาะในแถว (Spacing: S)
ความสูงของชั้นหน้างาน หรือขั้นบันได (Bench height: H)
ระยะอัดดินปิดรูเจาะ (Stemming: T)
ระยะเจาะต่ำกว่าพื้น (Sub drill: J)
ความเอียงของรูเจาะ (Hole inclination: I) หรือความเอียงของหน้างาน (Face angle)