หมายถึงการประเมินปริมาตรและน้ำหนักของมวลแร่ รวมทั้งความสมบูรณ์ของแหล่งแร่ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการประเมินค่าแหล่งแร่ (Mine evaluation) ที่จะต้องวิเคราะห์ทั้งลักษณะเชิงกายภาพและคุณภาพ โดยคำนวณขยายผลมาจากข้อมูลสำรวจให้ครอบคลุมไปทั่วทั้งบริเวณที่จะผลิตแร่ เพื่อให้รู้ถึงการกระจายตัวของคุณภาพแร่ ตำแหน่งของมวลแร่คุณภาพต่างๆ หรือทราบความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณและคุณภาพ (Grade-tonnage relationship) ในแหล่งแร่ เพื่อประโยชน์ในการวางแผนทำเหมืองและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการลงทุนต่อไป
การประเมินปริมาณสำรองแร่จะเริ่มจากการนำข้อมูลที่ได้จากการสำรวจมาสร้างแบบจำลองมวลแร่ คำนวณค่าเฉลี่ยของคุณภาพแร่ในหลุมเจาะสำรวจที่เรียกว่า “Composition” และการนำค่าจากหลุมเจาะนี้มาคำนวณปริมาณและคุณภาพของทั้งแหล่งแร่ด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งวิธีการแบบเดิมที่ค่อนข้างจะขึ้นกับประสบการณ์ และวิธีการแบบใหม่ที่ใช้สถิติและคณิตศาสตร์
แบบจำลองมวลแร่ คือตัวแทนที่สร้างขึ้นจากแผนภาพแบบ 2 มิติ หรือ 3 มิติ เพื่อให้สามารถมองเห็นรูปทรง ขนาด และโครงสร้างของแหล่งแร่ ในหลายกรณีจะต้องสร้างแบบจำลองของชั้นดินหรือหินข้างเคียงที่ปิดทับและล้อมรอบแหล่งแร่ด้วย เพื่อให้สามารถนำไปใช้ในการวางแผนทำเหมืองและผลิตแร่
การสร้างแบบจำลองแหล่งแร่มีวัตถุประสงค์เพื่อ
1. มองเห็นและเข้าใจภาพแหล่งแร่ ในแบบ 2 มิติ หรือ 3 มิติ ที่ให้รูปทรงและขนาด
2. สร้างเป็นฐานข้อมูลคลังสำรองแร่ (Mine Inventory) ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ
3. คำนวณคุณภาพและปริมาณสำรองแร่ รวมทั้งปริมาณดินและหินที่เกี่ยวข้อง
4. สำหรับวิศวกรใช้ออกแบบวางแผนทำเหมือง และจำลองงาน (Simulation)
ในการสร้างแบบจำลองแหล่งแร่ จะต้องใช้ข้อมูลหลายด้านประกอบด้วย
แผนที่ภูมิประเทศ สำหรับสร้างแบบจำลองในส่วนที่เกี่ยวกับระดับของพื้นผิวดิน
ข้อมูลธรณีวิทยา เช่น ชนิดดิน หิน แร่ โครงสร้างชั้นหิน และความต่อเนื่องของค่าคุณภาพแร่ตามลักษณะกำเนิดของแหล่งแร่
ข้อมูลจากการสำรวจขั้นต้น เช่น การศึกษาทางธรณีเคมี หรือธรณีฟิสิกซ์
ข้อมูลจากการเจาะสำรวจและเก็บตัวอย่างแร่ เช่น ความลึก ความหนา คุณภาพแร่
ข้อมูลวิเคราะห์และทดสอบในห้องปฏิบัติการ เช่น คุณภาพแร่ การแต่งแร่ คุณสมบัติทางกลศาสตร์ของดินหรือหิน
การสร้างแบบจำลองแร่จำเป็นต้องใช้ความรู้พื้นฐานต่างๆ ตั้งแต่ลักษณะกำเนิดของแหล่งแร่ การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างทางธรณีวิทยาที่มีผลต่อการสะสมตัวของแร่ ร่วมกับประสบการณ์ที่ได้จากการสำรวจและทำเหมืองแร่ชนิดนั้นๆ มาก่อนเพื่อวิเคราะห์ตีความข้อมูลสำรวจและสร้างแบบจำลองแหล่งแร่ให้มีความใกล้เคียงกับตำแหน่ง รูปร่าง และความต่อเนื่องของชั้นแร่ที่อยู่ใต้ดิน จะช่วยให้การประเมินปริมาณสำรองแร่มีความถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น
"รูปแสดงการจำลองแร่แบบบล็อก" ที่สร้างขึ้นด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการจัดการข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแหล่งแร่ เช่น ตำแหน่ง ชนิด ปริมาณ คุณภาพ รวมถึงพารามิเตอร์ที่ต้องใช้ในการวางแผน (รายรับจากการผลิตแร่ ค่าใช้จ่ายทำเหมือง ความสามารถในการเก็บแร่ หรือความสูญเสียที่จะเกิดจากการผลิตในบล็อกนั้น ๆ) นอกจากนี้คอมพิวเตอร์จะมีระบบกราฟฟิกในการสร้างภาพแหล่งแร่แบบสามมิติช่วยให้เข้าใจแหล่งแร่ได้มากขึ้น
การรวมค่าคุณภาพแร่ของหลุมเจาะ (Drill-hole composition) ที่เรียกว่าการทำ Composites คือ การคำนวณค่าเฉลี่ยของคุณภาพแร่ในช่วงความยาวของหลุมเจาะที่ต้องการทราบค่า
การคำนวณ Composites ในหลุมเจาะ มีวัตถุประสงค์เพื่อ
ใช้เป็นตัวแทนของหลุมเจาะ สำหรับคำนวณขยายผลค่าคุณภาพไปยังบล็อกแร่ด้วยวิธีการต่างๆ
ลดความผันแปรของค่าคุณภาพแร่บางตัวที่สูงหรือต่ำเกินไป
จัดข้อมูลของหลุมเจาะให้เป็นระบบเพื่อเก็บในฐานข้อมูล หรือลดจำนวนลง เพื่อช่วยในการคำนวณ
การประเมินค่าตัวแปรคุณภาพแร่ ณ จุดที่ไม่ทราบค่า จะใช้วิธีขยายผลมาจากค่าสังเกตของคุณภาพแร่ที่ทราบค่า ซึ่งได้มาจากข้อมูลเจาะสำรวจและเก็บตัวอย่างแร่ที่ตำแหน่งต่างๆ ในแหล่งแร่ การคำนวณโดยทั่วไปจะใช้วิธีการเชิงเส้น (Linear estimator) และหลักการ 3 แนวทาง ดังนี้
การประเมินจากค่าสังเกตที่อยู่ใกล้ที่สุด (Nearest Point) เช่น วิธีโพลีกอน
การประเมินแบบค่าเฉลี่ย (Averaging/Weighting) ทั้งการเฉลี่ยโดยตรงและถ่วงน้ำหนัก
การเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอ (Gradual Change) เช่น วิธีส่วนกลับระยะทาง
การประเมินโดยใช้สถิติ (Statistical Methods) เช่น วิธีธรณีสถิติ
เมื่อคำนวณปริมาณและคุณภาพแร่ของแต่ละบล็อกได้แล้ว โดยขยายผลมาจากค่าสังเกตหรือคุณภาพของตัวอย่างแร่ที่ได้จากการสำรวจจุดที่แร่โผล่พ้นดิน (Outcrop) จากการขุดหลุมหรือคูสำรวจ หรือจากการเจาะสำรวจ ในขั้นต่อไปจะประเมินปริมาณสำรองแร่ (Ore reserve estimation) โดยนำผลจากทุกบล็อกมารวมกันโดยปริมาตรหรือน้ำหนัก ที่จำแนกตามระดับของคุณภาพแร่ จะได้ปริมาณสำรองทั้งหมดของแหล่งแร่ เพื่อนำไปใช้ออกแบบและวิเคราะห์หาความเป็นไปได้ในการลงทุนทำเหมืองแร่ต่อไป