ชื่อแหล่งเรียนรู้ ศาลเจ้ากะทู้
ประเภทแหล่งเรียนรู้ ประเภทสิ่งของหรือทรัพยากรที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ (สถานที่ - วัฒนธรรม)
สถานที่ตั้ง
เลขที่ 37/1 หมู่ 4 ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
เบอร์โทรศัพท์ 076-202245
(นายกิตติศักดิ์ ทรัพย์ทวี เลขาศาลเจ้ากะทู้)
นายประเสริฐ ขาวกิจไพศาล ประธานมูลนิธิศาลเจ้ากะทู้
Facebook https://www.facebook.com/ศาลเจ้ากะทู้-內杍斗母宮-Kathu-Shrine
วันเวลาเปิดทำการ ทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.
ผู้รับผิดชอบ มูลนิธิ หล่ายถู่ต่าวโบ๊เก้ง
ให้ความรู้เกี่ยวกับ
เป็นสถานที่ประกอบการกินผักอันศักดิ์สิทธิ์ของกิ๊วห๋องต่ายเต่ และ
สถานที่สักการะ กิมซิ้น หรือรูปเทพเจ้าจีน รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม ไว้สักการะบูชา เป็นที่เลื่อมใส
ศรัทธาของชาวบ้านของชาวไทยเชื้อสายจีนอยู่จ านวนมาก
ข้อมูลโดยสังเขป
หากพูดถึงศาลเจ้าในจังหวัดภูเก็ต คงไม่มีชาวภูเก็ตคนใด ไม่รู้จักศาลเจ้ากะทู้ หรือ ที่คนภูเก็ต เรียกกันว่า อ๊ามกะทู้ ซึ่งถือเป็นอ๊ามที่ทำให้เกิดประเพณีถือศิลกินผัก (กินเจ) ตามประวัติบอกไว้ว่า สมัยก่อนชาวจีน ได้เข้ามาเป็นกรรมกรเหมืองแร่จำนวนมาก และได้เกิดโรคระบาดขึ้น คณะงิ้วที่ทำการแสดงที่บ้านกะทู้จึงแกรงว่าอาจเป็นเพราะพวกตนไม่ได้ถือศิลกินผัก ตามที่ปฏิบัติกันมาที่ประเทศจีน พวกเขาจึงได้จัดพิธีถือศิลกินผักขึ้น 9 วัน 9 คืน ตามความเชื่อที่มีมา รวมทั้งช่วยกันสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ด้วย หลังจากนั้นโรคระบาดก็หายไป
ชาวบ้านจึงเกิดความเลื่อมใส จึงจัดให้มีพิธีต่อเนื่องกันมา จากนั้นประเพณีถือศิลกินผัก ก็ได้แพร่หลายออกมาเรื่อยๆที่ศาลเจ้าแห่งนี้
นอกจากจะมีกิมซิ้น หรือรูปเทพเจ้าจีน ไว้ให้บูชาแล้วที่นี้ ยังมี รูปปั่นเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งเป็นที่เลื่อมใสของชาวบ้าน โดยสวมใส่ชุดสีขาวพระหักตร์เอิบอิ่ม มีการเจิมจุดแดงที่พระนลาฎ พระหัตถ์ขาวทรงขวดน้ำมนต์ พระหัตถ์ซ้ายอยู่ในท่าประทานพร ทรงยืนบนฐานมังกร ซึ่งนับเป็นประติมากรรมที่สวยงามมากรูปหนึ่ง ที่ผู้คนให้ความศรัทธา
ประวัติศาลเจ้ากะทู้
ศาลเจ้ากะทู้เดิมชื่อ ศาลเจ้ากิ๊วหองหยา ตั้งอยู่ หมู่ที่ 9 ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ เลขที่ 37/1 หมู่ที่ 4 ถนนวิชิตสงคราม ตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต เรียกตามภาษาจีนว่า “ฉ้ายตึ๋ง” หมายถึงสถานที่ประกอบการกินผักอันศักดิ์สิทธิ์ของกิ๊วห๋องต่ายเต่ “ฉ้ายตึ๋ง” จึงเปรียบเสมือนพระราชวังของกิ๊วอ๋องต่ายเต่โดยเฉพาะ ไม่เหมือนกับศาลเจ้าอื่นๆ ที่มีอยู่ ซึ่งเป็นศาลเจ้ามีองค์พระอยู่ดั้งเดิมก่อน แล้วมาสร้างเป็นศาลเจ้ากินผักภายหลัง เมื่อเสร็จพิธีกินผักแล้ว ก็เป็นศาลเจ้าของเจ้าองค์เดิมต่อไป ศาลเจ้ากะทู้มีหล่าวเอี๋ย (เตี่ยนฮู้หง่วนโส่ย) ส่ าหม่งฮู่ (ส่ าฮู่ห๋องเอี๋ย) หลี้โหล่เฉี๊ยะ (ส่ามท่ายจื้อ) เป็นผู้กำกับดูแล เมื่อมีปัญหาอะไรที่เกิดขึ้นหรือจะทำอะไรเกี่ยวกับศาลเจ้า ก็ให้เชิญพระองค์ใดองค์หนึ่งเป็นผู้ชี้แจงปัญหาและคำสั่งใดๆที่ปรึกษาหารือออกมาแล้วต้องปฏิบัติตามค าสั่งนั้นอย่างเคร่งครัด
สถานที่ประกอบพิธีกินผักครั้งแรกอยู่ที่ข้างบ้านนายไฮ้ไซ้ ต่อมาศาลเจ้ากินผักคับแคบและทรุดโทรมลงมาก คณะกรรมการศาลเจ้าได้เรี่ยรายเงินสร้างใหม่ มีผู้บริจาคที่ปรากฏนามประมาณ 90 ท่านตามบันทึกที่สลักบนแผ่นไม้ที่ศาลเจ้าจนถึงปัจจุบัน ต่อมาศาลเจ้ากะทู้ทรุดโทรมลงอีก คหบดีชาวกะทู้ผู้มั่งคั่ง เช่น นายจิ้นหลาย ตันติวิท นายลิ้มหยอง นายอิ้วก้อง ยงสกุล เป็นต้น ได้สละทรัพย์และเรี่ยไรร่วมสมทบทุนสร้างขึ้นใหม่ ในที่ปัจจุบัน ในปี พ.ศ. 2490 ต่อมาศาลเจ้าได้ทรุดโทรมลงอีก คณะกรรมการศาลเจ้าจึงได้จัดสร้างขึ้นใหม่บนที่เดิม มีผู้ใจบุญได้บริจาคที่ดินเพิ่มเติมให้แก่ศาลเจ้า ทำให้บริเวณศาลเจ้ากว้างขึ้นกว่าเดิม ผู้ใจบุญเหล่านั้นคือ นายแดง – นางส่วนตี่ รักเหย้า นายเบ่งฮก, เบ่งอ้าน, เบ่งปู้น, ยิ่นเต้ง, นางลุ้ย เจริญผล และได้มีผู้ใจบุญบริจาคทรัพย์เพื่อสมทบทุน สร้างศาลเจ้าหลังใหม่ ทางศาลเจ้ากะทู้ได้บันทึกรายชื่อไว้บนป้ายหน้าศาลเพื่อเป็นเกียรติสืบไป
ศาลเจ้ากะทู้ นับว่าเป็นศาลเจ้าที่มีความสำคัญมาก เพราะนับได้ว่าศาลเจ้าแห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของประเพณีถือศีลกินผักของชาวภูเก็ตที่สืบต่อมากระทั่งปัจจุบัน ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ในชุมชนบ้านกะทู้ อำเภอเมืองกะทู้ ตามประวัตินั้นในสมัยที่มีชาวจีนเป็นจำนวนมากเข้ามาเป็นกรรมกรเหมืองแร่ในภูเก็ตได้เกิดโรคระบาดขึ้น คณะงิ้วจากเมืองจีนที่มาทำการแสดงที่บ้านกะทู้เกรงว่าอาจเป็นเพราะพวกตนไม่ได้ถือศีลกินผักตามที่เคยปฏิบัติกันมาที่ประเทศจีน พวกเขาจึงได้จัดพิธีถือศีลกินผักขึ้น 9 วัน 9 คืน ตามความเชื่อที่มีมารวมทั้งช่วยกันสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ด้วย หลังจากนั้นโรคร้ายก็หายไป ชาวบ้านกะทู้เกิดความเลื่อมใสจึงศรัทธาจัดให้มีพิธีถือศีลกินผักต่อเนื่องกันมา จากนั้นไม่นานประเพณีถือศีลกินผักก็แพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ
ต่อมาหลวงอำนาจนรารักษ์ (ต้นตระกูลตัณฑเวทย์) ซึ่งเป็นนายเหมืองใหญ่ และเป็นผู้นำชุมชนบ้านกะทู้ได้ส่งคนไปนำเอา “เหี่ยวเอี้ยน” หรือขี้เถ้าธูปและกระถางธูปจากมณฑลกังใส ประเทศจีน มาไว้ที่ศาลเจ้ากะทู้ เพื่อให้พิธีถือศีลกินผักมีความถูกต้องสมบูรณ์ ศาลเจ้ากะทู้จึงได้ชื่อว่าเป็นจุดกำเนิดของประเพณีถือศีลกินผักบนเกาะภูเก็ตในปัจจุบัน
การเดินทาง
ออกจากตัวเมือง ไปตามถนนระนอง และถนนวิชิตสงคราม ผ่านสี่แยก สวนอาหารไทยนาน ถึงสามแยกวัดเก็ตโฮ่ เลี้ยวขวาไปประมาณ 2 กิโลเมตร ถึงสี่แยกบายพาสกะทู้-ป่าตอง ตรงไปอีก
ประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะถึงศาลเจ้ากะทู้
ที่มา
1. สำนักงานเทศบาลเมืองกะทู้ http://kathucity.go.th/public/travel/data/list/menu/203
2. ศาลเจ้ากะทู้. https://www.facebook.com/ศาลเจ้ากะทู้-內杍斗母宮-Kathu-Shrine.
สำนักปลัดเทศบาล เทศบาลเมืองกะทู้. “เที่ยวในทู สัมผัสวิถีแห่งเมืองเหมืองแร่ต้นฉบับตำนานกินผัก”
งานพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว.
3. สำนักงาน กศน.จังหวัดภูเก็ต (ม.ป.ป.) แหล่งเรียนรู้อำเภอกะทู้. ภูเก็ต : สำนักงาน กศน.จังหวัดภูเก็ต.
4. นายรอบรู้ (ม.ป.ป.) ภูเก็ต. กรุงเทพฯ : สารคดี.
5. http://gophuketkathu.com/detail/4/ศาลเจ้ากะทู้-ศาลเจ้าหล่ายถู่ต่าวโบ๊เก้ง