Myocardial Bridging: เมื่อหลอดเลือดหัวใจถูก "สะพานกล้ามเนื้อ" ทับไว้
สวัสดีครับ ผม หมอเต้ นายแพทย์ กิจจา จำปาศรี วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับหัวใจของเราให้ฟัง
คุณเคยได้ยินไหมว่าหัวใจของเราบางทีก็มีเรื่องเซอร์ไพรส์ที่ซับซ้อนกว่าที่คิด หนึ่งในนั้นคือภาวะที่เรียกว่า Myocardial Bridging หรือ “สะพานกล้ามเนื้อหัวใจ” ซึ่งแม้จะฟังดูแปลกใหม่ แต่จริง ๆ แล้วพบได้ไม่น้อย แต่โชคดีที่ส่วนใหญ่ไม่ได้อันตรายมากมายอย่างที่คิด
Myocardial Bridging คืออะไร
ลองจินตนาการถึงถนนเส้นหนึ่งที่ปกติควรวิ่งอยู่บนผิวดิน แต่มีบางช่วงกลับมุดเข้าไปใต้สะพาน พอสะพานถูกกดลงมา ถนนก็จะแคบลงชั่วขณะ ก่อนจะกลับมาโล่งอีกครั้ง
หลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery) ก็เช่นเดียวกัน โดยทั่วไปควรจะวางตัวอยู่บนพื้นผิวของหัวใจ แต่ในภาวะ Myocardial Bridging หลอดเลือดบางส่วนกลับวิ่งลอดเข้าไปใต้กล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้กล้ามเนื้อที่อยู่ด้านบนทำหน้าที่เหมือน “สะพาน” คอยกดหลอดเลือดในจังหวะที่หัวใจบีบตัว
ทำไมถึงเกิดการกดทับ
หัวใจของเรามี 2 จังหวะที่สำคัญ:
หัวใจบีบตัว (Systole) กล้ามเนื้อหัวใจจะหดตัว ส่งผลให้กดทับหลอดเลือดที่อยู่ข้างใต้ ทำให้เลือดไหลผ่านได้น้อยลง
หัวใจคลายตัว (Diastole) กล้ามเนื้อหัวใจจะคลายตัว ทำให้หลอดเลือดเปิดกว้าง และเลือดไหลกลับมาได้ตามปกติ ซึ่งเป็นช่วงที่หัวใจได้รับเลือดมากที่สุดอยู่แล้ว
ในคนส่วนใหญ่ ร่างกายจะยังได้รับเลือดเพียงพอ เพราะการกดทับใช้เวลาเพียงสั้นๆ แต่หากการกดทับรุนแรง หรือหัวใจเต้นเร็วมากจนเวลาคลายตัวสั้นลง ก็อาจทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่พอ และเกิดอาการเจ็บหน้าอกได้
อาการที่อาจพบ และเมื่อไหร่ที่ควรสังเกต
ผู้ที่มีภาวะนี้ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการเลย และมักจะตรวจเจอโดยบังเอิญจากการทำ CT Scan หลอดเลือดหัวใจ หรือการฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ แต่บางรายอาจมีอาการคล้ายโรคหัวใจขาดเลือด เช่น
เจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก (Angina) โดยเฉพาะเวลามีการออกแรง
เหนื่อยง่าย หายใจถี่
หัวใจเต้นผิดจังหวะ
การวินิจฉัยและแนวทางการรักษา
เมื่อมีอาการผิดปกติ แพทย์จะทำการวินิจฉัยเพื่อยืนยันภาวะนี้ โดยวิธีที่นิยมคือ การฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Angiography) ที่จะเห็นลักษณะหลอดเลือดที่ตีบลงชั่วคราวตอนหัวใจบีบตัว และการทำ CT Coronary Angiogram ที่จะเห็นภาพหลอดเลือดที่วิ่งลอดเข้าไปใต้กล้ามเนื้อโดยตรง
แนวทางการรักษา จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ
หากไม่มีอาการ ไม่จำเป็นต้องรักษา แต่ควรติดตามอาการ
หากมีอาการ แพทย์จะพิจารณาใช้ยา เช่น Beta-blockers เพื่อลดอัตราการเต้นและแรงบีบของหัวใจ ทำให้แรงกดทับน้อยลง **ข้อควรระวังคือควรหลีกเลี่ยงยา Nitrates เพราะอาจทำให้การกดทับของกล้ามเนื้อรุนแรงขึ้น แตกต่างจากโรคหัวใจตีบทั่วไป
หากอาการรุนแรงมาก และไม่ตอบสนองต่อยา อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด Surgical myotomy (เลาะกล้ามเนื้อที่ทับหลอดเลือดออก) หรือในบางรายอาจทำการทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ (CABG)
สรุปคำแนะนำจากหมอเต้
Myocardial Bridging เป็นภาวะที่หลอดเลือดหัวใจบางส่วนถูกซ่อนไว้ใต้กล้ามเนื้อหัวใจ และถูกกดทับทุกครั้งที่หัวใจบีบตัว ส่วนใหญ่ไม่อันตรายและไม่จำเป็นต้องรักษา แต่ในบางรายอาจก่อให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย หรือภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
ในฐานะหมอ ผมอยากจะให้ทุกคนเข้าใจว่าภาวะนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด หากตรวจพบก็สามารถดูแลตัวเองได้ไม่ยากเลยครับ สิ่งสำคัญที่สุดคือการปรึกษาแพทย์อย่างสม่ำเสมอ หากมีอาการผิดปกติใด ๆ เพื่อรับการวินิจฉัยและคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดครับ
บทความโดย
นายแพทย์ กิจจา จำปาศรี