ชีวิตที่ผ่านมา ได้มีโอกาศเดินทางไปไกลได้แก่ อเมริกา เกาหลี จีน และในอาเซียนหลายๆ ประเทศ แต่ไม่เคยไปยุโรบสักครั้งหนึ่ง ในปีนี้ก็เลยขอทุนและได้รับทุนจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น และศูนย์การจัดการสิ่งแวดล้อม และของเสียอันตราย คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เดินทางไปนำเสนอผลงานที่ประเทศไอร์แลนด์ เมืองดับบลิน (Dublin) ในวันที่ 6 - 13 กันยายน 2557 โดยได้โอกาสติดสร้อยห้อยตาม อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ อีก 5 ท่าน รวมเป็น 6 คนของนักเดินทางทั้งหมดในทริปนี้ ซึ่งการเดินทางต้องทำวีซ่า (VISA) ใช้เวลาประมาณ 2 เดือนโดยส่งไปจัดทำที่ประเทศมาเลเซีย ซื้อตั๋วเครื่องบินพร้อมเดินทาง รอวันเดินทางไป.....
วันเดินทาง ได้นัดกันที่สนามบินขอนแก่น ทำการถ่ายรูปก่อนเดินเข้า GATE แล้วนั่งรอเวลา และพบว่าช้ามากๆ ทำไมไม่ประกาศให้ขึ้นเครื่องสักที จนเวลาล่วงเลยมา เกือบ 2 ชั่วโมง แล้วจึงได้ยินเสียงประกาศขอยกเลิกเที่ยวบิน เห้อ... ตกใจ แล้วเราจะทำอย่างไรกัน คุยกันระหว่างทีมที่ไป ตกลงไปรถทัวร์ โดยไม่ง้อเครื่องบิน เดินทางประมาณ 5 ทุ่มถึง รังสิตก็เกือบตีห้าของอีกวัน นั่งแท็กซี่เข้าโรงแรมที่จองไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ... ถ้าได้มาเครื่องบินคงนอนหลับสบายทั้งคืน.... อาบน้ำเตรียมเดินทางต่อไปไอร์แลนด์
เช้ามาไปเช็คอินเพื่อขึ้นเครื่อง โหนำ้หนักกระเป๋าฉันมันเต็มพิกัดพอดีเลย.... คิดในใจของฝากจะเอากลับมาได้ไหมนี่... อืมมหรือจะดีเพราะมีเหตุผล ซื้อของฝากไม่ได้เพราะกระเป๋าเต็มแล้ว อิอิ... การเดินทางที่ยาวนาน ออกจากประเทศไทย ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ตอนประมาณเที่ยง บินไปลงที่ Amsterdam ประเทศเนเธอร์แลนด์ ประมาณหกโมงเย็นของที่นั้น และต่อเครื่องไปลงที่ Dublin ถึงประมาณ 3 ทุ่ม เวลาท้องถิ่น ลงเครื่องเสร็จก็เลยเดินทางต่อด้วยรถบัส เพื่อเข้าเมืองเพื่อไปที่โรงแรม โดยถามฝรั่งได้ความว่าเดินใกล้นิดเดียว ก็ถึงโรงแรมแล้ว เราก็เลยเดินๆๆๆ เอ๋ มันไกลแล้วนะทำไมไม่ถึงสักที จนต้องอาศัยรถแท็กซี่ (TAXI) ไปโรงแรมถึงที่พักประมาณเที่ยงคืน ง่วงมากๆ เลยลองเช็คเวลาเมืองไทย โห นี่มันเช้าแล้วนะ แสดงว่าไม่ได้นอนมาสองคืนกัน หนึ่งวันเต็มๆ ดังนั้นพอหัวถึงหมอนก็หลับ ไม่รู้เรื่องเลย สงสารเพื่อนร่วมห้องที่ต้องทนเสียงกรนที่กระหึ่มด้วยความเหนื่อย... ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
วันแรก ต้องไปลงทะเบียนเข้าร่วมประชุม และเดินออกสำรวจเมือง เป็นทัวร์ทรหด เพราะเราเดินจนทั่วเมือง ได้เห็นอย่างหนึ่งที่แตกต่างจากบ้านเราคือ สวนสาธารณะเยอะมากๆ เพื่อให้คนได้พักผ่อน และสิ่งที่ไม่ปลื้มคือ ผู้คนสูบบุหรี่เยอะมาก บนท้องถนน และทิ้งก้นบุหรี่เกลื่อนไปหมดเลย ผู้คนในเมืองเยอะมากๆ เดินกันเต็มไปหมด เค้าไม่ค่อยใช้รถส่วนตัว เหมือนบ้านเรา เพราะได้ความว่าค่าที่จอดรถแพงมากๆ หรือบ้านเราจะเอาอย่างบ้าง แต่ขอระบบขนส่งมวลชนที่พร้อมกว่านี้สักนิดหนึ่งก่อนเนอะ หลังจากเดินเที่ยวเมืองทั้งวัน เย็นก็กลับโรงแรม และแวะซื้อขนมปัง น้ำ และขนมต่างๆ ไปเป็นคลังอาหารตอนเช้า.... เกือบลืม เมืองเค้าหาห้องน้ำยากมากๆ ตอนเดินทางกลับ ปวดฉี่ ก็ต้องพยายามเดิน แกมวิ่งกลับไปที่โรงแรม ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร เกือบราดกลางทาง จะแอบเข้าข้างทางก็ไม่ได้ ประเทศนี้มีกล้องส่องเต็มไปหมดเลย
วันที่สอง เป็นวันประชุมวันแรก เดินทางไปตั้งแต่เช้าเพื่อไปนั่งฟัง Keynote speaker ซึ่งเป็น Professor ที่ได้รับรางวัลโนเบล... เค้าจัดงานได้เรียบง่ายมาก นึกถึงเมืองไทยเวลาจัด โหพิธีการสุดๆ เพื่อให้ตื่นตาตื่นใจ ตอนบ่ายก็เริ่มนำเสนอในห้องตาม Session ต่างๆ วันแรกผมต้องนำเสนอโปรเตอร์ ก็เลยรีบไปติดใกล้ๆ ห้องประชุมฯ จะได้มีคนสนใจเยอะๆ มีคนเข้ามาถามงานเราบ้าง... พอถึงเวลา เค้ากลับไปเลี้ยงไวน์ อีกชั้นหนึ่งโดยมีที่ติดโปรเตอร์ใกล้ๆ แถ้วนั้น โอ พระเจ้าจอร์จ ... ไม่มีไครมาดูงานเราเลย เพราะเค้าห้ามนำแก้วไวน์ออกนอกพื้นที่ชั้น 1 แต่เราอยู่ชั้นสอง.... ดังนั้นอดได้อวดงานตัวเองที่ตั้งใจไปนำเสนอเลย... เก็บกลับโรงแรม โดยไม่มีแม้คนมาดู ต้องยืนคุยกันเองกับคนที่ติดใกล้ๆ กัน แต่ก็กลับมาเตรียมพร้อมกับการนำเสนอของวันถัดไป... ตื้นเต้นมากๆ
วันที่สาม วันนี้ต้องนำเสนอปากเปล่า (Oral presentation) เป็นครั้งแรกที่ไปนำเสนอด้วยภาษาอังกฤษ หลังจากที่จบการศึกษามา 5 ปีพอดีเลย จึงตื้นเต้นมากๆ ถึงเวลาขึ้นพูด เดินออกไปด้วยตัวสั่นๆ หายใจลึกๆ แล้วพูดบรรยาย และพบว่าพูดเสียงดังมาก ไม่ต้องใช้ไมโครโฟน ถ้าเกิดใช้ สงสัยมีคนต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะหูตึงกระทันหันได้.... พูดบรรยายจนจบ ด้วยความตื้นเต้น และมีคำถามบ้าง 2 - 3 คำถาม เมื่อลงจากเวที มี Professor จาก ตุรกี และ อิตาลี ชมว่าบรรยายได้ดีมากๆ น่าสนใจ และได้รับคำชมจากอาจารย์ผู้ใหญ่ที่ผมติดสอยห้อยตามเค้าไปด้วย ทำให้รู้สึกภูมิใจ และมั่นใจมากขึ้น เราทำได้แล้ว.... จนทำให้อาจารย์หลายๆ ท่านที่นั้น เข้าใจผิดคิดว่าผมจบการศึกษาจากต่างประเทศ .... (ผมจบจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ครับ ปลื้มสุดๆ)
วันที่สี่ สบายแล้ว ตัวเองบรรยายงานหมดแล้ว ฟังคนอื่นอย่างเดียว... หุหุ.. ดังนั้นจึงคิดหาของกินอย่างเดียว ทุกวันทีมที่ไปด้วยกัน จะพยายามไม่ทานอาหารร้านเดิม โดยลองไปวันละร้าน ทำให้เราได้รู้รสชาติอาหาร แต่เสียดายที่หาร้านอาหารอินเดียไม่เจอ...
ในวันที่สองถึงวันที่สี่ เวลาว่างต้องเดินซื้อหาของฝากทุกวัน....
วันที่ห้า วันสุดท้ายเช้าเดินทางออกจากโรงแรมเพื่อเดินทางกลับมาที่สนามบิน เพื่อกลับประเทศไทย เดินทางด้วยความสนุกสนาน ไปกับทีมที่ใจดี และเป็นกันเอง และหวังว่าปีต่อไปขอไปด้วยอีก ที่ประเทศอังกฤษ.... ต่อไป
สนุกมากๆ กับการเดินทางครั้งแรกไปทวีปยุโรบ...
บันทึกความทรงจำ....