นางสาวนิตยา สมภูงา
นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ
รับผิดชอบ ตำบลท่าดอกคำ
ข้อมูลพื้นฐานตำบลท่าดอกคำ
ตำบลท่าดอกคำ มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ลาดเท ลูกคลื่นลอนลาด มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ประมาณ 149-300 เมตร มีทางน้ำเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วไป ซึ่งเป็นทางน้ำไหลมาจากบริเวณภูวัวลงสู่แม่น้ำโขง มีการพังทลายของหน้าดินสูง สภาพดินเป็นดินร่วนปนทรายปนกรวดลูกรัง มีน้ำท่วมซ้ำซากดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ มีการประกอบอาชีพด้านการเกษตร ปลูกพืชเศรษฐกิจ เช่น ข้าว มันสำปะหลังยางพารา ไม้ผล พืชฤดูแล้ง และปลูกพืชส่งโรงงาน ได้แก่ มะเขือเทศ ข้าวโพดหวาน
การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม (SWOT)
จุดแข็ง
- มีแม่น้ำโขงไหลผ่าน
- มีระบบสูบน้ำด้วยไฟฟ้า จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ ม.2, 6, 7
- เกษตรกรมีการปลูกพืชผักในช่วงฤดูแล้ง หลังการเก็บเกี่ยวข้าวนาปี โดยเฉพาะหมู่บ้านที่มีพื้นที่ติดกับแม่น้ำโขงหรือลำห้วยใหญ่ๆ ได้แก่ ม.1, 2, 6, 7, 8, 9, 13
- มีพื้นที่ปลูกยางพารา จำนวน 4,225 ไร่ ทำให้เป็นการเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ ทำให้เกิดความชุ่มชื้นและเกษตรกรมีรายได้เพราะยางพาราดิบมีราคาสูง
- มีการปลูกพืชส่งโรงงาน ได้แก่ ปลูกมะเขือเทศส่งโรงงานไทยซุน ที่อำเภอศรีเชียงใหม่ โรงงานโรซ่าที่อำเภอโพนพิสัย และปลูกข้าวโพดหวานส่งโรงงานมาลีสามพราน อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม
- มีการผลิตปุ๋ยหมักชีวภาพ เพื่อให้สมาชิกนำไปใช้และจำหน่ายในชุมชน เช่น กลุ่มผลิตปุ๋ยหมัก ม.2,ม.3, ม.7, ม.8, ม.11, ม.12 และยังมีการผลิตใช้เองในครัวเรือน
- มีศูนย์ศิลปาชีพบ้านโชคอำนวย ซึ่งเป็นโครงการในสมเด็จพระบรมราชินีนาถฯ ซึ่งทำให้สมาชิกแม่บ้านหลายๆ หมู่บ้าน มีอาชีพมีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์
- มีแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เช่น น้ำตกลานดอกเงิน จะมีน้ำในช่วงฤดูฝน และมีหาดทรายลงเล่นน้ำในฤดูแล้ง เช่น หาดมะปราง
- สมาชิกกลุ่มแม่บ้านมีฝีมือด้านการทอผ้าฝ้ายพื้นเมืองและทอผ้าไหมมัดหมี่และผ้าไหมแพรวา
- สมาชิกกลุ่มพ่อบ้านมีฝีมือด้านการทำเฟอร์นิเจอร์จากไม้ไผ่และจากตอไม้เศษไม้ที่เหลือทิ้งตามเรือกสวนไร่นา
- มีการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เช่น การทำน้ำพริก การทำแจ่วบองของกลุ่มแม่บ้าน ม.4, ม.8, ม.13
- มีศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชน เพื่อเป็นการกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดี
- มีศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลเพื่อเป็นศูนย์กลางในการบริการความรู้ด้านการเกษตรและการจัดทำแผนพัฒนาตำบล
- มีการทำการเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียง เช่น การเลี้ยงปลาในบ่อพลาสติกหลังบ้านเพื่อใช้บริโภคในครัวเรือน ได้แก่ ม.10
- มีการเลี้ยงโค-กระบือ เพื่อจำหน่ายเป็นรายได้
- มีการทำสวนผลไม้ที่ประสบผลสำเร็จ เช่น การปลูกเงาะพันธุ์โรงเรียนและปลูกลิ้นจี่พันธุ์นครพนมอยู่ในหมู่ที่ 5
- มีการเลี้ยงกวางเพื่อจำหน่าย อยู่ในหมู่ที่ 7 จุดอ่อน
- แม่น้ำโขงในช่วงฤดูแล้ง ระดับน้ำลดลงต่ำ ทำให้ลำบากในการนำน้ำขึ้นมาใช้ประโยชน์ในด้านการเกษตร
- จุดสูบน้ำด้วยไฟฟ้ามีน้อย ไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูกด้านการเกษตร โดยเฉพาะการปลูกพืชฤดูแล้งระบบคลองน้ำชลประทานมีการชำรุดเสียหาย
- ราคาสินค้าเกษตรไม่แน่นอน โดยเฉพาะราคาพืชผักที่ปลูกในช่วงฤดูแล้งมีราคาตกต่ำ เช่น กะหล่ำปลีฟักเขียว ฟักทอง
- การปลูกพืชส่งโรงงาน บางชนิดมีการดำเนินงานโดยการผ่านนายหน้าหรือตัวแทน ทำให้ถูกโกงและไม่ได้รับเงินจากการขายผลผลิต เช่น มะเขือเทศ
- การผลิตปุ๋ยหมักชีวภาพจะขาดแคลนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต เช่น กากน้ำตาล มูลสัตว์
- เส้นทางคมนาคมไม่สะดวกโดยเฉพาะในฤดูฝน เช่น น้ำท่วมถนนเข้าบ้านเหล่าหมากผาง ทำให้การเข้า-ออกหมู่บ้านต้องใช้เรือเท่านั้น หรือถนนไปยังแหล่งท่องเที่ยวน้ำตกลานดอกเงิน
- วัตถุดิบในการทอผ้า ซึ่งต้องซื้อมาจากต่างถิ่นมีราคาแพง ต้นการผลิตสูงและขายยาก
- การผลิตเฟอร์นิเจอร์ ยังมีคุณภาพด้อยขาดการฝึกทักษะและขาดความรู้ในการพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์
- แหล่งน้ำไม่เพียงพอโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง ไม่มีทำนบหรือฝายกั้นเพื่อกักเก็บน้ำและมีการตื้นเขิน ในฤดูฝนน้ำท่วมพื้นที่ทำการเกษตร
- เกษตรกรมีการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีทำให้ต้นทุนสูงและทำลายระบบนิเวศวิทยาทำให้กินมีสภาพเสื่อมโทรม
- มีการอพยพแรงงานไปทำงานนอกพื้นที่โดยเฉพาะไปต่างจังหวัด
- ขาดการพัฒนาในการบริหารจัดการของรูปแบบกลุ่ม ทำให้กลุ่มต่างๆ ไม่ก้าวหน้า
- ศักยภาพดินเป็นดินร่วนปนกรวด มีการชะล้างหน้าดิน
โอกาส
- การพัฒนาพื้นที่ให้มีพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น โดยการปลูกยางพาราและราคายางพาราก็เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นรายได้หลักของเกษตรกรได้และเป็นการปรับสภาพแวดล้อมธรรมชาติด้วย
- การรณรงค์ให้เกษตรกรผลิตปุ๋ยหมักชีวภาพเพื่อใช้ทดแทนปุ๋ยเคมีและพัฒนาให้ปุ๋ยหมักชีวภาพเทียบเท่าปุ๋ยเคมีจะเป็นการปรับปรุงคุณภาพดินให้ดีขึ้น และคุณภาพผลผลิตสินค้าเกษตรที่ปลอดภัยต่อเกษตรกร
และผู้บริโภค
อุปสรรค/ข้อจำกัด
- ตำบลท่าดอกคำมีสภาพพื้นที่ที่ลาดเททำให้ประสบปัญหากับภัยธรรมชาติซ้ำซาก ทั้งน้ำท่วมในฤดูฝนแม่น้ำโขงหนุนเอ่อล้นเข้าไปตามลำห้วยต่างๆ ในขณะเดียวกันพอถึงฤดูแล้งกับประสบกับปัญหาขาดแคลนน้ำทั้งอุปโภคและทำการเกษตร
- การดำเนินกิจกรรมกลุ่มไม่เข้มแข็ง ขาดการบริหารและการจัดการที่ดี
- ตำบลท่าดอกคำเป็นตำบลเขตชายแดนติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทำให้มีการลักลอบขนยาเสพติดผ่านเข้ามาในพื้นที่อยู่เสมอ
สภาพปัญหา
1. ปัญหาภัยธรรมชาติ น้ำท่วมในฤดูฝนและปัญหาขาดแคลนในช่วงฤดูแล้ง สาเหตุมาจากแหล่งน้ำมีการตื้นเขินและไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำไว้ใช้
2. ปัญหาการขาดแรงงานภาคเกษตร เนื่องจากมีการอพยพแรงงานไปทำงานรับจ้างต่างจังหวัด หลังฤดูการปักดำข้าวนาปีและเก็บเกี่ยวข้าว
3. ปัญหากลุ่มต่างๆ ไม่เข้มแข็ง เพราะขาดการบริหารและการจัดการที่ดี
4. ปัญหาดินขาดความอุดมสมบูรณ์ มีผลต่อการผลิตพืชและสภาพแวดล้อมเพราะเกษตรกรขาดความรู้และทักษะในการปรับปรุงบำรุงดิน มีการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีในการเพิ่มผลผลิตทำให้มีสารเคมีตกค้างในดินและน้ำ ทำให้ระบบนิเวศวิทยาและสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป
แนวทางแก้ไข
1. พัฒนาระบบชลประทาน มีการขุดลอก ลำห้วย หนอง บึง และสร้างฝาย ทำนบกักเก็บน้ำไว้
2. อบรมและฝึกทักษะในด้านการประกอบอาชีพเสริมรายได้หลังฤดูการเพาะปลูก จัดหาตลาดรองรับผลิตภัณฑ์ที่แน่นอน
3. อบรมและฝึกทักษะการบริหารการจัดการในการดำเนินงานกลุ่มเพื่อพัฒนาให้กลุ่มเข้มแข็ง
4. อบรมและฝึกทักษะการทำน้ำหมักชีวภาพ น้ำหมักสมุนไพร การทำปุ๋ยหมักชีวภาพ
5. ส่งเสริมและสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ในการผลิตปุ๋ยหมักชีวภาพ โดยเป็นการดำเนินงานรูปแบบกลุ่ม
6. สนับสนุนเงินทุนดำเนินการในกลุ่มต่างๆ ที่มีกิจกรรมและดำเนินงานก้าวหน้า เพื่อให้เป็นรูปธรรม
7. สนับสนุนเงินทุนในการประกอบอาชีพเสริมรายได้
วิธีดำเนินงาน
1. สนับสนุนให้มีการผลิตพันธุ์ต้นกล้ายางพารา เพื่อลดต้นทุนในการส่งเสริมการปลูกยางพาราพันธุ์ดี
2. ส่งเสริมและสนับสนุนเงินทุนในการดำเนินการผลิตปุ๋ยหมักชีวภาพและพัฒนาให้มีคุณภาพสามารถนำมาใช้ทดแทนปุ๋ยเคมี
3. สนับสนุนให้มีการทำแปลงสาธิตการใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพ น้ำหมักชีวภาพและน้ำหมักสมุนไพรไล่แมลง
4. ให้การรับรองมาตรฐานปุ๋ยหมักชีวภาพ
5. ส่งเสริมการทำเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียง
6. สนับสนุนการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร
เป้าหมายการดำเนินงาน
1. เกษตรกรขยายพันธุ์ยางพารา จำนวน 50 ราย
2. เกษตรกรมีอาชีพเสริมรายได้ จำนวน 25 ราย
3. เกษตรกรรวมกลุ่มผลิตปุ๋ยหมักชีวภาพ จำนวน 3 กลุ่ม
4. ส่งเสริมการปลูกพืชผักโดยใช้ปุ๋ยหมักและสมุนไพรไล่แมลง จำนวน 20 ราย พื้นที่ 41 ไร่
5. ส่งเสริมการแปรรูปผลผลิตการเกษตร จำนวน 40 ราย
6. สร้างความเข้มแข็งในการดำเนินงานกลุ่มให้แก่คณะกรรมการบริหารกลุ่ม จำนวน 3 กลุ่ม 30 ราย
สภาพภูมิประเทศ
ตำบลท่าดอกคำ มีลักษณะเป็นพื้นที่ลาดเท ลูกคลื่นลอนลาด มีความสูงระดับน้ำทะเลตั้งแต่ประมาณ 149-300 เมตร มีทางน้ำเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วไป ซึ่งเป็นทางน้ำไหลจากบริเวณภูวัวลงสู่แม่น้ำโขง และมีการพังทลายของหน้าดินสูง
แหล่งน้ำ
แหล่งน้ำธรรมชาติและแหล่งน้ำที่สร้างขึ้นในตำบลท่าดอกคำ ซึ่งบางแห่งก็มีน้ำตลอดปี และบางแห่งก็ขาดน้ำในช่วงฤดูแล้ง เริ่มตื้นเขินจะต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้มีการกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ในการปลูกพืชโดยเฉพาะพืชฤดูแล้ง ซึ่งเป็นการทำการเกษตรที่ทำรายได้ให้แก่เกษตรกรเป็นอันมาก
แหล่งน้ำธรรมชาติ ได้แก่
- ห้วยหนิง ไหลผ่านและหมู่บ้านที่ได้รับประโยชน์ คือ หมู่ที่ 2,3,7,10,12
- ห้วยนาโคก ไหลผ่านและหมู่บ้านที่ได้รับประโยชน์ คือ หมู่ที่ 5
- ห้วยม่วง ไหลผ่านและหมู่บ้านที่ได้รับประโยชน์ คือ หมู่ที่ 4,11,5
- ห้วยทอน ไหลผ่านและหมู่บ้านที่ได้รับประโยชน์ คือ หมู่ที่ 10,8,13
- ห้วยหินแฮ่ ไหลผ่านและหมู่บ้านที่ได้รับประโยชน์ คือ หมู่ที่ 5,9
- ห้วยท่าไร่ ไหลผ่านและหมู่บ้านที่ได้รับประโยชน์ คือ หมู่ที่ 2,3,12
- ห้วยช้าง ไหลผ่านและหมู่บ้านที่ได้รับประโยชน์ คือ หมู่ที่ 3,10,12
- ห้วยน้อย ไหลผ่านและหมู่บ้านที่ได้รับประโยชน์ คือ หมู่ที่ 10
- ห้วยหินลาด ไหลผ่านและหมู่บ้านที่ได้รับประโยชน์ คือ หมู่ที่ 10
- แม่น้ำโขง ไหลผ่านและหมู่บ้านที่ได้รับประโยชน์ คือ หมู่ที่ 1,2,3,5,6,7,8,9,13
- หนองหวาย หมู่บ้านที่ได้รับประโยชน์ คือ หมู่ที่ 5
แหล่งน้ำที่สร้างขึ้น ได้แก่
- อ่างเก็บน้ำห้วยหนิง หมู่บ้านที่ได้รับประโยชน์ คือ หมู่ที่ 3,7,8,12
- อ่างเก็บน้ำห้วยหินแฮ่ หมู่บ้านที่ได้รับประโยชน์ คำ หมู่ที่ 1,9,4,5,11
- สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านฝอยลม หมู่บ้านที่ได้รับประโยชน์ คือ หมู่ที่ 7,8,13
ระดับน้ำใต้ดิน
ตำบลท่าดอกคำ มีระดับน้ำใต้ดินโดยเฉพาะฤดูฝนประมาณ 3-4 เมตร เพราะแม่น้ำโขงมีระดับน้ำสูงและมีปริมาณน้ำที่ไหลซึมมาจากภูวัวเพื่อไหลผ่านลงสู่แม่น้ำโขง
ข้อมูลทางกายภาพ
ตำบลท่าดอกคำ ประกอบด้วยดินชุดต่างๆ ดังนี้
ดินชุดดินโพนพิสัย (Phon Phisai Series)
มีพื้นที่ประมาณ 56,313 ไร่ คิดเป็น 85% ของพื้นที่ เป็นลักษณะดินตื้นถึงตื้นมาก พบบริเวณพื้นที่ค่อนข้างราบเรียบถึงลูกคลื่นลอนลาดขอตะพักลำน้ำระดับกลาง ลักษณะเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนทรายหรือดินร่วนสีน้ำตาล หรือน้ำตาลปนเทา ปฏิกิริยาดินเป็นกรดแก่ถึงเป็นกรดเล็กน้อย ค่าความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ระหว่าง 5.0-6.5 ส่วนดินชั้นล่างเป็นดินร่วนเหนียวปนทรายปนกรวดลูกรังหรือดินร่วนเหนียวปนกรวดลูกรัง ชั้นที่เป็นกรวดลูกรังจะพบภายในความลึก 50 เซนติเมตรจากผิวดินบน ดินชั้นล่างมีสีน้ำตาลแก่หรือแดงปนเหลือง สำหรับดินที่อยู่ใต้ชั้นลูกรังจะเป็นดินเหนียว สีเทาอ่อนหรือน้ำตาลอ่อนปนเทา พบจุดปะสีแดงและเหลืองเกิดขึ้นมาก ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดถึงเป็นกรดแก่ ค่าความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ระหว่าง 4.5-5.5 ความอุดมสมบูรณ์ต่ำใช้ประโยชน์ในการปลูกพืชไร่รากตื้น ถ้ามีหน้าดินหนากว่า 5 เซนติเมตร
ดินชุดดินสตึก (Satuk Series)
มีพื้นที่ประมาณ 6,625 ไร่ คิดเป็น 10% ของพื้นที่ เป็นลักษณะพื้นที่ที่เป็นลูกคลื่นลอนลาดถึงลาดชัน ความลาดเทของพื้นที่อยู่ระหว่าง 2-8 เปอร์เซ็นต์ ลักษณะเนื้อดินเป็นดินร่วนเหนียวปนทราย สีน้ำตาลเข้มหรือน้ำตาลปนเทาเข้ม ส่วนดินชั้นล่างเป็นดินร่วนเหนียวปนทราย และดินเหนียวปนทรายในส่วนลึกของหน้าตัดดินมีสีน้ำตาลแก่ น้ำตาลปนเหลืองเหลืองปนแดง ดินชั้นบนมักมีปฏิกิริยาเป็นกรดปานกลางถึงเป็นกรดเล็กน้อย (PH 5.5-6.5) และดินชั้นล่างมีปฏิกิริยาเป็นกรดแก่ถึงแก่มาก (PH 4.5-5.5) มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ สภาพการระบายน้ำดี ใช้ประโยชน์ในการปลูกพืชไร่และไม้ผล
ดินชุดดินร้อยเอ็ด (Roi-Et series)
มีพื้นที่ประมาณ 2,650 ไร่ คิดเป็น 4% ของพื้นที่ เป็นลักษณะเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนทรายหรือดินร่วนสีน้ำตาลปนเทาหรือน้ำตาลอ่อนปนเทา พบจุดประสีน้ำตาลปนเหลืองหรือน้ำตาลแก่ ส่วนดินชั้นล่างเป็นดินร่วนหรือดินร่วนเหนียวปนทรายสีเทาปนชมพูหรือสีเทาอ่อน พบจุดประสีน้ำตาลปนเหลืองน้ำตาลเข้มและสีแดงปะปนอยู่กับสีพื้นปฏิกิริยาของดินเป็นกรดแก่ถึงเป็นกรดแก่มาก ค่าความเป็นด่างอยู่ระหว่าง 4.5-5.5 ความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
ดินชุดดินสรรพยา (Sanphaya Series)
มีพื้นที่ประมาณ 662 ไร่ คิดเป็น 1% ของพื้นที่ เป็นลักษณะเนื้อดินบนเป็นดินร่วนหรือดินเหนียวปนทรายแป้ง สีน้ำตาลเข้มปนเทาหรือน้ำตาลเข้มมากปนเทา ส่วนดินชั้นล่างจะพบชั้นดินร่วน ดินร่วนเหนียวหรือดินร่วนเหนียวปนทรายแป้งเกิดขึ้นสลับกับสีน้ำตาลหรือน้ำตาลปนเทา พบจุดประตลอดหน้าตัดของดิน เป็นสีน้ำตาลเข้มปนเหลือง น้ำตาลแก่หรือสีน้ำตาลเข้ม พบมากในดินชั้นล่าง นอกจากนี้ ยังพบเกล็ดของไมก้าเกิดขึ้นตลอดหน้าตัดดิน ปฏิกิริยาของดินเป็นกรดปานกลางอยู่ระหว่าง 6.0-7.0
แนวทางกำหนดเขตส่งเสริมการเกษตร
ลักษณะภูมิประเทศ การใช้ที่ดินในปัจจุบัน แนวทางส่งเสริมการเกษตร
2.ที่ดอน3.ที่เนินสูง -ปลูกข้าว,ทำไร่นาสวนผสมผสม พืชไร่ พืชผักฤดูแล้ง-ปลูกพืชไร่,ไม้ผล,ไม้ยืนต้น (ยางพารา)-ปลูกไม้ผล,ไม้ยืนต้น,พืชไร่,ป่าไม้ -ส่งเสริมการปลูกข้าวพันธุ์ดี เช่น กข.6 ,ขาวดอกมะลิ-ส่งเสริมการปลูกพืชผักตามชายฝั่งแม่น้ำโขง-ส่งเสริมการปลูกพืชไร่-ส่งเสริมการปลูกพืชส่งโรงงาน-ส่งเสริมการปลูกไม้ผล-ส่งเสริมการเพาะเห็ด-ส่งเสริมการจัดไร่นาสวนผสม-ส่งเสริมการปลูกพืชตระกูลแตง-ส่งเสริมการปลูกพืชส่งโรงงาน-ส่งเสริมการปลูกพืชไร่ เช่น มันสำปะหลัง-ส่งเสริมการปลูกไม้ผล เช่น เงาะ ลิ้นจี่ ฝรั่ง มะม่วง-ส่งเสริมการปลูกไม้ยืนต้น เช่น ยางพารา ยูคาลิปตัส-ส่งเสริมการทำปุ๋ยหมักชีวภาพ-ส่งเสริมการปลูกกล้วยน้ำว้า-ส่งเสริมการปลูกไม้ผล-ส่งเสริมการปลูกป่าเศรษฐกิจ-ส่งเสริมการปลูกไม้ยืนต้น (ยางพารา,ยูคาลิปตัส)
ข้อมูลสิ่งก่อสร้างต่างๆ ดังนี้
1. วัดและสำนักสงฆ์ จำนวน 18 แห่ง
2. โรงเรียนมัธยมศึกษา จำนวน 1 แห่ง
3. โรงเรียนประถมศึกษา จำนวน 5 แห่ง
4. สถานีอนามัยตำบล จำนวน 1 แห่ง
5. ปั้มน้ำมันขนาดกาง 2 หัวจ่าย จำนวน 3 แห่ง
6. โรงสีข้าว จำนวน 31 แห่ง
7. ร้านค้า จำนวน 44 แห่ง
8. หอกระจายข่าว จำนวน 13 แห่ง
9. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน 4 แห่ง
10.ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร จำนวน 1 แห่ง
11.สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า จำนวน 3 แห่ง
12.โรงผลิตน้ำแข็งระดับครัวเรือน จำนวน 2 แห่ง
13.ร้านซ่อมขนาดเล็ก จำนวน 13 แห่ง
14.ที่ทำการไปรษณีย์เอกชน จำนวน 1 แห่ง
15.โครงการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพบ้านโชคอำนวย จำนวน 1 แห่ง
16.ร้านขายยาเอกชน จำนวน 1 แห่ง
ข้อมูลชีวภาพ
ตำบลท่าดอกคำ เป็นตำบลที่ประกอบอาชีพด้านการเกษตรและมีพืชเศรษฐกิจ ดังนี้
1. ข้าวนาปี มีพื้นที่ปลูก จำนวน 10,149 ไร่
2. มันสำปะหลัง มีพื้นที่ปลูก จำนวน 2,465 ไร่
3. ยางพารา มีพื้นที่ปลูก จำนวน 4,225 ไร่
4. ไม้ผล มีพื้นที่ปลูก จำนวน 405 ไร่
5. พืชฤดูแล้ง เช่น
- ยาสูบ มีพื้นที่ปลูก จำนวน 143 ไร่
- มะเขือเทศ มีพื้นที่ปลูก จำนวน 74 ไร่
- ฟักหอม/ฟักเขียว มีพื้นที่ปลูก จำนวน 43 ไร่
- ข้าวโพดฝักสด มีพื้นที่ปลูก จำนวน 350 ไร่
- พืชผัก มีพื้นที่ปลูก จำนวน 115 ไร่
ตำบลท่าดอกคำ มีการประกอบอาชีพเกษตรกรเป็นหลัก ปลูกพืชหลายชนิดและมีพืชหลักทางด้าน
เศรษฐกิจ ดังนี้
ข้าว ส่วนใหญ่จะมีการปลูกทั้ง 2 ชนิด มีทั้งข้าวเจ้าและข้าวเหนียวโดยข้าวเจ้าจะปลูกข้าวเจ้าพันธ์ขาวดอกมะลิ 105 และ กข.15 ข้าวเหนียวปลูกโดยใช้พันธุ์ กข.6 เป็นการปลูกเพื่อบริโภคและจำหน่ายเป็นรายได้ เพื่อใช้จ่ายในครัวเรือน
มันสำปะหลัง ปัจจุบันเริ่มมีการเพิ่มพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังอีกครั้ง หลังจากที่ลดพื้นที่ปลูกไปหลายปีเพราะปัจจุบันราคามันสำปะหลังเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการปลูกพันธุ์ที่ส่งเสริม เช่น พันธุ์ระยอง 5 เกษตรศาสตร์ 50 ระยอง 90
ยางพารา เป็นพืชที่มีการปลูกและเป็นรายได้อย่างดี ปัจจุบันนี้มีการขยายพื้นที่ปลูกมากขึ้น เนื่องจากราคายางแผ่นดิบมีราคาสูงและให้ผลผลิตได้นานหลายปี การดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก พันธุ์ที่นิยมปลูกได้แก่พันธุ์ RRIM 600
ไม้ผล ตำบลท่าดอกคำมีพื้นที่ติดกับแม่น้ำโขง ทำให้สภาพดินและสภาพภูมิอากาศเหมาะกับการปลูกไม้ผลหลายๆชนิด และที่ได้ผลดี เช่น เงาะพันธุ์โรงเรียน ลิ้นจี่พันธุ์นครพนม 1 นอกจากนี้ยังมีมะม่วง ขนุน ลำไย ฝรั่ง ละมุด ปัจจุบันมีสวนไม้ผลเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปได้แก่ บ้านโนนสา บ้านหนองฮู บ้านฝอยลม
ไม้ยืนต้น/ไม้เศรษฐกิจโตเร็ว ปัจจุบันไม้เศรษฐกิจโตเร็วยังเป็นที่ต้องการของตลาดอีกมากและราคาเพิ่มสูงขึ้น เช่น ยูคาลิปตัส และยังมีการปลูกต้นสัก ต้นประดู่ เพื่อเก็บไว้จำหน่ายและไว้ใช้สอยอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการปลูกพืชหลังฤดูการเก็บเกี่ยวข้าวนาปีแล้ว เพื่อเป็นรายได้แก่ครอบครัว เช่น
ยาสูบ เป็นพืชที่ปลูกในเขต หมู่ที่ 6,9,1,2,7,8,13 โดยนำใบยาแห้งไปจำหน่ายที่สถานีบ่มใบยาสูบ อำเภอบ้านแพง จังหวัดหนองคาย
มะเขือเทศ เป็นพืชที่ปลูกในเขตหมู่ที่ 6,9,1,7 โดยเป็นการปลูกเพื่อส่งโรงงานที่อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย และปลูกขายในท้องถิ่น
ข้าวโพดฝักสด เป็นพืชที่ปลูกในเขตริมฝั่งแม่น้ำโขง เช่น หมู่ที่ 6,9,1,2,7,8,13 เพื่อส่งจำหน่ายให้โรงงานมาลีสามพราน อำเภอบ้านแพง จังหวัดหนองคาย
และนอกจากนี้ ยังมีฟักทอง ฟักหอม ฟักเขียว และพืชผักต่างๆ ที่ปลูกเพื่อบริโภคและจำหน่ายให้พ่อค้าในท้องถิ่นมารับซื้อไปขาย
การเลี้ยงปลา
การประมงในตำบลท่าดอกคำส่วนใหญ่จะเป็นการหาปลาในแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อบริโภคและจำหน่ายมากกว่าจะเป็นการเลี้ยงปลาในบ่อ เพื่อจำหน่ายเป็นอาชีพ แต่จะเลี้ยงเพื่อเก็บไว้บริโภคในครัวเรือน มีบ่อปลาแยกเป็นหมู่บ้านต่างๆ ดังนี้
หมู่ที่ 1 มีบ่อปลาจำนวน 34 บ่อ
หมู่ที่ 2 มีบ่อปลาจำนวน 44 บ่อ
หมู่ที่ 3 มีบ่อปลาจำนวน 32 บ่อ
หมู่ที่ 4 มีบ่อปลาจำนวน 20 บ่อ
หมู่ที่ 5 มีบ่อปลาจำนวน 22 บ่อ
หมู่ที่ 6 มีบ่อปลาจำนวน 13 บ่อ
หมู่ที่ 7 มีบ่อปลาจำนวน 36 บ่อ
หมู่ที่ 8 มีบ่อปลาจำนวน 26 บ่อ
หมู่ที่ 9 มีบ่อปลาจำนวน 80 บ่อ
หมู่ที่ 10 มีบ่อปลาจำนวน 14 บ่อ
หมู่ที่ 11 มีบ่อปลาจำนวน 20 บ่อ
หมู่ที่ 12 มีบ่อปลาจำนวน 29 บ่อ
หมู่ที่ 13 มีบ่อปลาจำนวน 32 บ่อ
รวม 402 บ่อ
ข้อมูลรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปี
(เรียงลำดับจากหมู่บ้านที่มีรายได้เฉลี่ยน้อยไปหามาก) ดังนี้
ลำดับที่ หมู่ที่/ชื่อหมู่บ้าน รายได้เฉลี่ยต่อคน หมายเหตุ
12345678910111213 ม.4 บ้านหนองแสงม.3 บ้านไทยเจริญม.9 บ้านท่าดอกคำเหนือม.7 บ้านฝอยลมม.11 บ้านหนองแสงพัฒนาม.6 บ้านเหล่าหมากผางม.2 บ้านท่าไร่ม.12 บ้านไทยเจริญใต้ม.10 บ้านโชคอำนวยม.1 บ้านท่าดอกคำม.8 บ้านหนองฮูม.5 บ้านโนนสาม.13 บ้านหนองฮู 11,12012,69916,10617,45017,46618,60118,90519,22720,15420,88521,92122,18333,437
หมายเหตุ เฉลี่ยรายได้ต่อคนต่อปีของคนในตำบลท่าดอกคำ 18,877 บาท
ข้อมูลกลุ่มต่างๆ
ที่ ชื่อกลุ่ม ที่อยู่ เงินทุนกลุ่ม(บาท) กิจกรรม สมาชิก(คน)
123456789101112131415 กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านฝอยลมกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านหนองแสงกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านหนองแสงพัฒนากลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านท่าดอกคำเหนือกลุ่มอาชีพผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านไทยเจริญกลุ่มผู้ปลูกยางพาราบ้านโนนสากลุ่มวิสาหกิจชุมชนปุ๋ยหมักชีวภาพบ้านหนองแสงพัฒนากลุ่มศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนบ้ายฝอยลมกลุ่มปุ๋ยหมักชีวภาพบ้านท่าไร่กลุ่มเยาวชนเกษตรกรบ้านโนนสากลุ่มอาชีพทำเฟอร์นิเจอร์กลุ่มวิสาหกิจชุมชนโรงสีข้าวบ้านหนองฮูกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านโชคอำนวยกลุ่มอาชีพผู้ปลูกมันสำปะหลัง 34 ม.7 ต.ท่าดอกคำอ.บึงโขงหลง จ.หนองคาย14 ม.11 ต.ท่าดอกคำอ.บึงโขงหลง จ.หนองคายม.4 ต.ท่าดอกคำอ.บึงโขงหลง จ.หนองคายม.9 ต.ท่าดอกคำอ.บึงโขงหลง จ.หนองคาย66 ม.2 ต.ท่าดอกคำอ.บึงโขงหลง จ.หนองคาย75 ม.12 ต.ท่าดอกคำอ.บึงโขงหลง จ.หนองคาย83 ม.5 ต.ท่าดอกคำอ.บึงโขงหลง จ.หนองคาย14 ม.11 ต.ท่าดอกคำอ.บึงโขงหลง จ.หนองคาย94 ม.7 ต.ท่าดอกคำอ.บึงโขงหลง จ.หนองคาย45 ม.5 ต.ท่าดอกคำอ.บึงโขงหลง จ.หนองคาย69 ม.12 ต.ท่าดอกคำอ.บึงโขงหลง จ.หนองคาย53 ม.8 ต.ท่าดอกคำอ.บึงโขงหลง จ.หนองคาย53 ม.8 ต.ท่าดอกคำอ.บึงโขงหลง จ.หนองคาย31 ม.10 ต.ท่าดอกคำอ.บึงโขงหลง จ.หนองคาย52 ม.4 ต.ท่าดอกคำอ.บึงโขงหลง จ.หนองคาย 50,0005,0002,0001,0004,5005,00012,00068,0002,0003,0002,0005,0003,00012,000- -ทอผ้าฝ้ายและผ้าไทย-ทอผ้าฝ้ายและผ้าไทย-ทอผ้าฝ้ายพื้นเมือง-ทอผ้าและทำขนม-ผลิตแชมพู,น้ำยาล้างจาน-ตัดเย็บเสื้อผ้า-รวมกันขายยางแผ่น,เศษยาง-ผลิตปุ๋ยหมักชีวภาพ-ผลิตพันธุ์ข้าว-ผลิตปุ๋ยหมักชีวภาพ-ปลูกพืชผัก-ทำเฟอร์นิเจอร์ไม้-โรงสีข้าว,เลี้ยงสุกร-ทอผ้า ตัดเย็บเสื้อผ้า-ปลูกมันสำปะหลัง 252319302815183824111559202015
ข้อมูลกลุ่มต่างๆ
ที่ ชื่อกลุ่ม ที่อยู่ เงินทุนกลุ่ม(บาท) กิจกรรม สมาชิก(คน)
16171819 กลุ่มอาชีพผู้ปลูกมะเขือเทศกลุ่มอาชีพผู้ปลูกมันสำปะหลังกลุ่มอาชีพทอผ้าบ้านโชคอำนวยกลุ่มเกษตรพัฒนาบ้านหนองฮูม.13 78 ม.6 ต.ท่าดอกคำอ.บึงโขงหลง จ.หนองคาย30 ม.7 ต.ท่าดอกคำอ.บึงโขงหลง จ.หนองคาย9 ม.10 ต.ท่าดอกคำอ.บึงโขงหลง จ.หนองคาย8 ม.13 ต.ท่าดอกคำอ.บึงโขงหลง จ.หนองคาย -1,5003,5001,500 -ปลูกมะเขือเทศ-ปลูกมันสำปะหลัง-ทอผ้า-ปลูกฟักทอง 10151535
วิสัยทัศน์
วิสัยทัศน์ของจังหวัดหนองคาย
“เมืองน่าอยู่ ควบคู่การศึกษา วัฒนธรรมล้ำค่า เกษตรอุตสาหกรรมหลากหลาย
ขยายเศรษฐกิจการค้าอินโดจีน พัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน”
วิสัยทัศน์ของสำนักงานเกษตร
“เกษตรกรเข้มแข็ง เป็นแหล่งบริการความรู้ มุ่งสู่เกษตรอินทรีย์ เพิ่มมูลค่าผลผลิต มีอาชีพมั่นคง”
วิสัยทัศน์สำนักงานเกษตรอำเภอบึงโขงหลง
“การเกษตรอำเภอบึงโขงหลง มุ่งผลิตอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัยสู่ตลาดอินโดจีน”
วิสัยทัศน์ในการพัฒนาท้องถิ่นขององค์การบริหารส่วนตำบลท่าดอกคำ
“ท้องถิ่นน่าอยู่ ฟื้นฟูการศึกษา รักษาวัฒนธรรม อุปถัมภ์ผู้สูงอายุ
ปฏิบัติงานเป็นประจำ ดูแลสิ่งแวดล้อม”
วิสัยทัศน์ของชุมชน
ฝันของบุคคล
1. ต้องการให้ผลผลิตทางการเกษตรเฉลี่ยต่อไร่เพิ่มมากขึ้น
2. ต้องการให้หนี้สินที่มีหมดไป
3. ต้องการมีระบบน้ำที่ดีในการทำการเกษตร
4. ต้องการความรู้ด้านการเกษตร เช่น การติดตายาง การกรีดยาง
5. ต้องการโค-กระบือ มาเลี้ยงเพื่อเป็นรายได้เสริมในครอบครัว
ฝันของชุมชน
1. ต้องการน้ำและแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรที่เพียงพอตลอดฤดูแล้ง
2. ต้องการไฟฟ้าเพื่อการเกษตร
3. ต้องการตลาดกลาง
4. ต้องการเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน
5. ต้องการถนนและการคมนาคมที่สะดวกในการขนส่งผลผลิตทางการเกษตร
6. ต้องการให้มีการประกันราคาสินค้าเกษตร
ฝันที่สามารถเป็นไปได้
1. ต้องการความรู้ด้านการเกษตร เช่น การติดตายาง การกรีดยาง การทำปุ๋ยหมักชีวภาพ
การทำน้ำหมักชีวภาพ การทำสารสมุนไพรไล่แมลง
2. ต้องการเพิ่มผลผลิตทางเกษตรและปลอดภัยจากสารพิษ
3. ต้องการระบบน้ำทางการเกษตรที่ดี
4. ต้องการแนวความคิดและหลักปฏิบัติในการลดภาระหนี้สิน