เนื่องจากการจัดการเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคน และการใช้ทฤษฎีในเรื่องความรู้ต่าง ๆ มาบริหารงานโดยใช้ความสามารถที่จะนำความรู้ไปใช้อย่างมีเหตุผล และก่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์การ การจัดการหรือการบริหารจึงเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์
ศาสตร์ หมายถึง การรวบรวมความรู้ โดยอาศัยกฎเกณฑ์หรือหลักการที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์จริง การทดลอง การสังเกตการณ์ การพิสูจน์ และตรวจสอบได้อย่างถี่ถ้วน จนเป็นที่เชื่อถือได้ และถูกนำมาสรุปเป็นทฤษฎี
ศิลป์ หมายถึง การนำเอาความรู้ ทฤษฎี ประสบการณ์และทักษะที่เกิดจากความชำนาญในการปฏิบัติมาประยุกต์ใช้ในการทำงานโดยใช้เทคนิคต่าง ๆ เข้ามาช่วยการจัดการให้มีลักษณะเป็นศาสตร์โดยสมบูรณ์ดังได้วิเคราะห์มาแล้ว เพราะมีองค์แห่งความรู้ มีหลักเกณฑ์และทฤษฎีที่เกิดจากการศึกษาค้นคว้าเชิงวิทยาศาสตร์ การจัดการจึงเป็นสิ่งที่นำมาศึกษาเล่าเรียนกันได้ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าการจัดการเป็นศาสตร์แขนงหนึ่ง ผู้บริหารที่ดีควรยึดถือว่าการจัดการเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ กล่าวคือ ผู้จัดการควรหมั่นศึกษาหาความรู้ในด้านการจัดการเพิ่มเติมอยู่สมอ ติดตามผลงานการวิจัย ทฤษฎี และหลักวิชาใหม่ ๆ ตลอดจนพยายามใช้ความสามารถของตนเองปรับปรุงบุคลิกภาพของตนให้เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำอีกด้วย
ดังนั้น ในการจัดการให้องค์การบรรลุวัตถุประสงค์ ผู้บริหารจะต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์คือ เป็นที่มีความรู้ ความสามารถที่จะนำความรู้ไปใช้อย่างมีเหตุและมีผล เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
การจัดการนั้นเป็นศาสตร์และศิลป์โดยพิจารณาด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1.1 การจัดการเป็นศาสตร์ เกี่ยวเนื่องจากการจัดการเป็นความรู้ที่สามารถกำหนดขึ้นเป็นหลักเกณฑ์ที่สามารถพิสูจน์ได้ และหลักการจัดการหรือเนื้อหาความรู้ทางการจัดการต่าง ๆที่ได้มาลักษณะเป็นระบบ รวมทั้งได้ผ่านกระบวนการศึกษามาอย่างต่อเนื่อง หลักการจัดการทั้งหลายล้วนเป็นศาสตร์ เพราะความรู้ที่มีการพิสูจน์สมมติฐานได้ทั้งสิ้น แต่ความรู้ที่ได้มานั้นไม่อาจวัดค่าได้ชัดเจน ไม่มีลักษณะเที่ยงตรง เช่น วิชาวิทยาศาสตร์ทางกายภาพ
1.2 การจัดการเป็นศิลป์ แม้ว่าการจัดการยังเป็นศาสตร์ที่กำหนดขึ้นเป็นหลักเกณฑ์ และวางหลักเป็นเนื้อหาความรู้ได้ การนำเอาองค์ความรู้ด้านการจัดการมาปรับใช้ในทางปฏิบัติในองค์การ ซึ่งมีการประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้องค์การบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากสภาพเงื่อนไขของสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกขององค์การ แต่ละแห่งจะไม่เหมือนกันโดยการนำเอาหลักการจัดการมาใช้จึงต้องประยุกต์ให้เกิดความเหมาะสมกับสภาพการที่องค์กรเผชิญอยู่ที่ต้องมีการผสมผสานความคิดริเริ่ม ประสบการณ์ รวมทั้งต้องคอยปรับปรุงให้การจัดการนั้นสอดคล้องกับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้น ผู้จัดการจึงต้องศิลป์ในการจัดการที่จะนำความรู้จากศาสตร์ของการจัดการมาดำเนินการในการจัดการทรัพยากรมนุษย์และทรัพยากรอื่น ๆ ให้เอื้ออำนวยประโยชน์ต่อองค์กรให้มากที่สุดการจัดการจึงมีลักษณะเป็นศิลป์เนื่องมาจากการจัดการเป็นวิธีการที่ผู้เชี่ยวชาญ หรือนักบริหารนำเอาความรู้ หลักการและทฤษฎีทางด้านการบริหารจัดการมาปรับประยุกต์ใช้ในการดำเนินการจัดการทรัพยากรมนุษย์ วัสดุอุปกรณ์ เงินทุนและเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์และสิ่งแวดล้อมสามารถโน้มน้าวและจูงใจคนให้ร่วมแรงร่วมใจกันทำงานอย่างมีความสุข เพื่อให้งานนั้นบรรลุเป้าหมายต่อองค์การให้มากที่สุด อย่างไรก็ดี ในการนำหลักการบางหลักของการจัดการไปปรับประยุกต์ใช้อาจไม่เกิดผลดังที่ปรารถนา ทั้งนี้เนื่องจากการจัดการเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ มนุษย์มีความซับซ้อน และเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมที่ตนอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นการยากมากที่จะทำนายพฤติกรรของมนุษย์ได้อย่างเที่ยงตรง ซึ่งบางคนอาจมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัว มีพรสวรรค์ หรือมีศิลป์ในการบริหารจัดการได้ดี โดยมิได้ศึกษาอบรมทางด้านการจัดการมาก่อน แต่ถ้าได้รับการศึกษาอบรมมาด้วยย่อมจะช่วยให้การจัดการมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ในทางตรงกันข้ามผู้บริหารหรือผู้จัดการที่ไม่มีความสามารถเฉพาะตัวดังกล่าว แต่ถ้าได้รับการศึกษาอบรมมาด้วยก็จะช่วยให้สามารถจัดการดำเนินงานต่าง ๆ เป็นไปด้วยดีพอสมควร ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารจำเป็นต้องได้รับการศึกษาอบรมก่อนเข้าปฏิบัติงาน (Pre-service Training) และมีการฝึกอบรมให้แก่ผู้บริหารระหว่างดำรงตำแหน่ง เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ความสามารถในการจัดการ
การจัดการเป็นศาสตร์และศิลป์ กล่าวคือ เนื้อหาความรู้ทางด้านการจัดการที่จะใช้เป็นแนวทางในการจัดการนั้นเป็นศาสตร์ แต่การนำเอาเนื้อหาความรู้ของการจัดการ ไปใช้เพื่อให้เกิดผลของการปฏิบัติตามที่มุ่งหวังไว้นั้นถือเป็นศิลป์ถ้าจะมองการจัดการในแง่ของผลที่จะได้จากการปฏิบัติแล้ว งานทางด้านการจัด การเป็นเรื่องของศิลป์มากกว่า เพราะเป็นการนำเอาความรู้ต่าง ๆ ที่ถือว่าเป็นศาสตร์ และมีกฎเกณฑ์แน่นอนมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เป็นจริง เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติตามที่ต้องการ ดังนั้นความสำคัญจึงอยู่ที่ความสามารถในการเลือกวิธีการปฏิบัติ ซึ่งจะต้องทราบก่อนว่าเราต้องการจะบรรลุเป้าหมายใด แล้วเลือกวิธีปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลตามนั้น ซึ่งการเลือกวิธีปฏิบัตินี้เองที่ต้องใช้ศิลป์
กล่าวโดยสรุปได้ว่า การจัดการเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ คือ การจัดการมีลักษณะเป็นศาสตร์ เพราะมีองค์แห่งความรู้ มีหลักเกณฑ์ และทฤษฎีที่เกิดจากการศึกษาค้นคว้าเชิงวิทยาศาสตร์อย่างต่อเนื่องจนมีลักษณะเป็นระบบและหลักการต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันที่ยอมรับทั่วไปว่าการจัดการเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งที่นำ มาศึกษาเล่าเรียนกันจนถึงระดับปริญญาเอก และที่กล่าวว่าการจัดการมีลักษณะเป็นศิลป์นั้น เนื่องจากผู้บริหารหรือนักจัดการสามารถนำเอาความรู้หลักการ และทฤษฎีทางด้านการบริหารจัดการมาปรับประยุกต์ใช้เพื่อการบริหารจัดการองค์การได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ และสิ่งแวดล้อมจนสามารถนำองค์การสู่ความสำเร็จ