แนวทางการพัฒนาครูและผู้บริหารโรงเรียน ตามแนวนโยบาย การยกระดับโรงเรียนดีระดับสากล ๕๐๐ โรง “สอนคณิต-วิทย์ ด้วยภาษาอังกฤษ”
เนื่องจาก นโยบายในการยกระดับโรงเรียนดี ระดับสากล โดยจัดสอนคณิต-วิทย์ ด้วยภาษาอังกฤษ ของฯพณฯ รมว.ศธ. (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) โดยมีเงื่อนไขว่า โรงเรียนต้องจัด และจัดจำนวนห้องเรียน และระดับชั้น ได้ตามความสมัครใจและความพร้อมในบริบทของแต่ละโรงเรียน ดังนั้นโปรดพิจารณาประเด็นไปสู่การดำเนินการตามนโยบาย ดังนี้
บริบทของสพฐ. ในการคัดเลือกโรงเรียนดี ๕๐๐ โรง (กล่าวง่ายๆคือบริบทของโรงเรียนมัธยมศึกษายอดนิยมของประเทศไทย) น่าจะเป็นดังนี้
๑. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน O-Net ในรอบปีที่ผ่านมา(๒๕๕๑)อยู่ในกลุ่มสูงของประเทศ (เด็กเรียนดี)
๒. ผลการประเมินจากสมศ.ในระดับดี (ผลการดำเนินการในรอบปีที่ผ่านมา(๒๕๔๙-๒๕๕๑)ดี โดยมีมาตรฐานด้านผู้เรียนดี การบริหารจัดการดี และครูผู้สอนดี)
๓. สภาพบริบททางกายภาพของโรงเรียนพร้อม(ความพร้อมของการสนับสนุนจากชุมชนที่เข้มแข็ง อาคารสถานที่อุปกรณ์ และเทคโนโลยีพร้อม ครูครบถ้วนทุกกลุ่มสาระ)
ข้อเสนอแนะที่ควรตรวจสอบบริบท
๑. ทุกโรงเรียนใน ๕๐๐ โรง ควรเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางด้านการเรียน O-Net ทั้ง ม. ๓ และ ม. ๖ ที่ผ่านมาของตนเองย้อนหลัง ๓ ปี ( ๒๕๔๙-๒๕๕๑) โดยเปรียบเทียบกับผลคะแนนเฉลี่ยระดับชาติของแต่ละปี (ดังสถิติตัวอย่างในAttachments) (และข้อมูลนี้จะสามารถประเมินได้ว่าที่ผ่านมาผู้บริหารโรงเรียนมีภาวะผู้นำและ/หรือดำเนินการด้านการพัฒนาหลักสูตรและการสอนของโรงเรียนนั้นๆ มากน้อยเพียงใด)
๒. โรงเรียนเหล่านั้นจัดโปรแกรมภาคภาษาอังกฤษหรือโปรแกรมพิเศษ อื่นๆ เช่น EP, MEP, IEP, EIS เป็นต้น มาก่อนหรือไม่
๓. ใช้ครูต่างชาติสอนภาษาอังกฤษหรือไม่?
๔. จะระดมทรัพยากรเพิ่มเติมจากผู้ปกครองด้วยความสมัครใจ หรือไม่? และมากน้อยเพียงใด? เพราะต้องจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนให้ได้มาตรฐานสูงกว่าที่รัฐกำหนด
เงื่อนไขของความสำเร็จ
๑. ผู้บริหารโรงเรียนมีภาวะผู้นำทางหลักสูตรและการสอนหรือไม่? (กล่าวคือผู้บริหารโรงเรียนศรัทธาที่จะดำเนินการอย่างเป็นระบบหรือไม่ หรือว่าต้องทำเพราะนายสั่ง)
๒. มีกรอบหลักสูตรโรงเรียนว่าด้วยสอนคณิต-วิทย์ด้วยภาษาอังกฤษหรือไม่
๓. ใครเป็นผู้สอนนักเรียน ครูประจำการปกติหรือจ้างครูต่างชาติ
๔. ถ้าเป็นครูประจำการปกติมีความพร้อมในการจัดการเรียนการสอนหรือยัง (กล่าวคือพัฒนาครูเหล่านั้นสอนดีมีประสิทธิภาพหรือไม่?) ถ้าเป็นครูต่างชาติมีคุณวุฒิและ/หรือประสบการณ์ตรงกับสาขาวิชาที่สอนหรือไม่
๕. มีระบบการประกันคุณภาพภายในสู่ความสำเร็จหรือไม่? กล่าวคือ มั่นใจหรือไม่ว่าครูเหล่านั้นจะทำการสอนเด็กสม่ำเสมอทุกคนเป็นไปตามกรอบหลักสูตรที่สถานศึกษากำหนดตามเงื่อนไขข้อ ๒ ข้างต้น
๖. มีเครือข่ายการเรียนรู้ทั้งในและนอกประเทศเพื่อส่งเสริมกระบวนการเรยนรู้และบริหารจัดการหรือไม่
๗. มีระบบประกันคุณภาพภายนอกหรือไม่( หน่วยนโยบายจะมั่นใจได้อย่างไรว่าข้อ ๕ เป็นข้อเท็จจริง)
จากงานการศึกษาวิจัยรูปแบบการจัดการศึกษาสองภาษาแบบพอเพียง (EIS: English for Integrated Studies) พบว่าองค์ประกอบข้างล่างนี้เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของ EIS
A. Integrating SSF, OK Model, Mathematical Methodology Model and CT in Teaching-Learning Process through Textbooks and ICT in English
B. Leading for Change of School Leader base on enthusiasm and Instructional Leadership
C. Monitoring through Coaching and Mentoring Process
D. On the job Training to Work place Learning of NEST(Non-English Speaking Tachers)
E. Community Relation align with school vision
F. Educational Network
สำหรับหลักเกณฑ์ และวิธีการ พัฒนาโรงเรียนในรูปแบบ EIS ดูได้จาก The 1st Meeting report of EIS School Network และรูปแบบในการพัฒนาผู้บริหาร และครู ใน เอกสาร Attachments ข้างล่างนี้