กฎหมาย หมายถึง ข้อบังคับที่เขียนขึ้นมาเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อนำมาไช้ในการควบคุมพฤติกรรมของคนในสังคม เช่น กฎหมายที่ดิน กฎหมายควบคุมอาคาร กฎหมายจราจร เป็นตัน กฎหมาย แบ่งออกได้ 5 ลักษณะ ดังนี้
1. กฎหมายเป็นข้อบังคับหรือคำสั่งทั่วไป ไม่มีการยกเว้นสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และใช้ทุกแห่งทุกพื้นที่ภายในประเทศ
2. กฎหมายเป็นข้อบังคับที่ใช้ได้ตลอด ไม่จำกัดเวลา จนกว่าจะมึกฎหมายใหม่ออกมาใช้แล้วจึงยกเลิกกฎหมายเดิม
3. กฎหมายเป็นข้อบังคับที่ต้องปฏิบัติตาม ทุกคนจะต้องประพฤติปฏิบัติตาม ไม่มีการยกเว้น
4. กฎหมายมาจากรัฐาธิปัตย์ เป็นอำนาจที่มาจากผู้มีอำนาจในแผ่นดินหรือมาจากรัฐสภาของประเทศ
5. กฎหมายต้องมีสภาพบังคับ เมื่อผู้ใดฝ่าาฝืนจะมีบทลงโทษ มีโทษปรับ จำคุกหรือประหารชีวิต แล้วแต่ความหนักเบาของผู้ฝ่าฝืน จัดเป็นคดีอาญา ส่วนความคดีแห่งนั้นก็มีการปรับบังคับให้ชชดใช้ค่าเสียหาย
ประเภทของกฎหมาย
กฎหมายที่นำมาใช้ในประเทศไทย มี 3 ประเภท
1. กฎหมายเอกชน
กฎหมายเอกชน คือ กฎหมายที่มีบทบัญญัติและข้อบังคับระหว่างบุคคลต่อบุคคล สามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท ดังนี้
(1) กฎหมายแพ่ง คือ กฎหมายที่ว่าด้วยนิติสัมพันธ์ของบุคคลตั้งแต่มีการปฏิสนธิขึ้นไปจนกระทั่งตาย เช่น กฎหมายว่าด้วยทรัพย์สิน หนี้สิน มรดก เป็นต้น
(2) กฎหมายพาณิชย์ คือ กฎหมายที่มีบทบัญญัติในลักษณะเกี่ยวกับการพาณิชย์ การค้าขาย การอุตสาหกรรม เป็นต้น
(3) กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง คือ บทบัญญัติว่าด้วยข้อบังคับที่นำมาใช้ในการดำเนินคดีและ ข้อบังคับระหว่างบุคคล
2. กฎหมายมหาชน
กฎหมายมหาชน คือ กฎหมายที่ว่าด้วยคนเป็นจำนวนมากและการรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ แบ่งออกได้ 3 ประเภท ดังนี้
(1) กฎหมายรัฐธรรมนูญ คือ กฎหมายสูงสุดของประเทศ ที่ว่าด้วยการปกครองประเทศสำหรับประเทศไทยนั้นใช้อำนาจการปกครองว่าด้วยอำนาจอธิปไตย คือ อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหารและอำนาจตุลาการ ว่ามาจากใครและผู้ใดเป็นผู้ใช้
(2) กฎหมายปกครอง คือ บทบัญญัติจัดระเบียบการบริหารของประเทศ เช่น กฎหมายที่ว่าตัวยระเบียบบริหารราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น เขตปกครองพิเศษ เป็นต้น
(3) กฎหมายอาญา คือ ข้อบังคับที่บัญญัติลักษณะความผิดและลักษณะโทษที่จะลงโทษแก่ผู้กระทำผิด ได้แก่ การทำร้ายร่างกายผู้อื่น การส่งเสริมให้เกิดความแตกแยก เป็นต้น
กฎหมายระหว่างประเทศ คือ กฎหมายที่ว่าด้วยความสัมพันธ์และมีการปฏิบัติต่อกัน
กฎหมายระหว่างประเทศ สามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท ดังนี้
(1) กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมือง
(2) กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล
(3) กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีอาญา
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน คือ ให้ผู้รับจ้างหรือคนงานในสถานประกอบการต่าง ๆ ได้มีสุขอนามัยดี มีความปลอดภัยและมีสวัสดิภาพในการทำงาน รวมทั้งให้มีความสัมพันธ์อันดี และความเป็นธรรมระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ช่างกล้องวงจรปิดกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการร่างกฎหมายแรงงานเป็นกฎกระทรวงหรือประกาศกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการทำงานและการป้องกันอุบัติเหตุในสถานประกอบการ โดยมีสารวัตรแรงงานดูแลให้มีการประกอบการตามกฎหมาย
หน่วยงานที่รับผิดชอบประกอบด้วย ดังนี้
1. กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
(1) กองตรวจความปลอดภัย
(2) สถาบันความปลอดภัยในการทำงาน
(3) หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องในสังกัดกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
2. สำนักงานประกันสังคม
(1) สำนักงานกองทุนเงินทดแทน
(2)ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงาน
(3) สำนักงานประกันสังคมจังหวัด
หน่วยงานที่รับผิดชอบประกอบด้วย ดังนี้
1. กรมโรงงานอุตสาหกรรม
สำนักทะเบียนโรงงาน
สำนักควบคุมและตรวจโรงงาน
สำนักเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมโรงงาน
สำนักควบคุมวัตถุอันตราย
สำนักเทคโนโลยีความปลอดภัย
ศูนย์สารสนเทศโรงงานอุตสาหกรรม
2. การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
กฎหมายหลัก คือ พระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ. 2535 มีหน้าที่และรับผิดชอบเกี่ยวกับงานอาชีวอนามัยโดยดำเนินงานและให้บริการเพื่อดูแลสุขภาพอนามัยของผู้ประกอบอาชีพทั้งด้านอุตสาหกรรม เกษตรกรรม พาณิชยกรรม เหมืองแร่ ป่าไม้ เป็นต้น ให้มีสุขภาพอนามัยดีทั้งทางร่างกายและจิตใจ
หน่วยงานที่รับผิดชอบ มีดังนี้
กรมควบคุมโรค
2. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
3. หน่วยงานของกระทรวงสาธารณะสุข สำหรับในภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับงานอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
4. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
5. กระทรวงการเกษตรและสหกรณ์ กรมวิชาการเกษตร
6. สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการป้องกันอุบัติเหตุภัยแห่งชาติ
7. กระทรวงมหาดไทย
หน่วยงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยระหว่างประเทศ
ส่งเสริมความยุติธรรมในสังคมความเป็นธรรมในการใช้แรงงาน การเพิ่มผลผลิต ยกมาตรฐานความเป็นอยู่ของลูกจ้าง ให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิก