-:- วิชา เทคโนโลยี -:-
โรงเรียนบ้านคลองหลวง | กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โรงเรียนบ้านคลองหลวง | กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
วิทยาการคำนวณ
เป็นวิชาที่มุ่งเน้นการเรียนการสอนให้เด็ก สามารถคิดเชิงคำนวณ (Computational thinking) มีความพื้นฐานความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล
(Digital technology) และมีพื้นฐานการรู้เท่าทันสื่อ และข่าวสาร (Media and information literacy)
ความหมายของการคิดและประเภทของการคิด
สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ที่มี “สมอง” “brain” ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในร่างเซลล์ รวมถึงการคิดที่นอกเหนือจากการควบคุมร่างเซลล์ โดยผู้เป็นเจ้าของร่าง จะคิดคำนวณประมวลผลเพื่อความต้องการและความอยู่รอด โดยมี “จิต” หรือ “จิตใจ” “mind” เป็นตัวนำในการคิดเพื่อสนองความต้องการของตนเองในแบบเฉพาะของแต่ละบุคคลหรือแต่ละชนิดของสิ่งมีชีวิต แม้แต่สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน ก็มีจิตใจและแนวความคิดที่แตกต่างกัน
จึงต้องใช้อวัยวะสำหรับในการคิด ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดไม่ว่าจะทางใดก็ตาม หากการคิดที่ไม่เป็นระบบ ไม่มีรูปแบบ ไม่วางแผน หรือแบบแผนในการคิด มักจะส่งผลไปในทางลบ ต่อบุคคลนั้นพร้อมกับยังไปกระทบต่อสิ่งมีชีวิตรอบข้าง ทั้งผู้คน สัตว์ สิ่งของ และธรรมชาติที่มีอยู่บนโลก อาจเกิดผลกระทบที่ร้ายแรงยาวนาน จนสิ้นสุดสิ่งมีชีวิตทุกชนิดได้
ดังนั้น ผู้เป็นเจ้าของอวัยวะที่สำคัญนี้ “ต้องรู้จักคิด” เพื่อตนเองและรอบข้าง ให้เกิดผลในทางบวกมากที่สุด เท่าที่ความสามารถของ “สมอง” ใช้ในการ “คิด” ได้
________________________________________
“ผู้มีการศึกษา คือ ผู้รู้ผิด รู้ถูก”
: Aristotle, (แอริสตอเติล)
ประเภทของการคิด
สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ
1. ทักษะการคิด
คือ ความคิดของแต่ละคนจะไม่เหมือนกันในการคิด
สิ่งเดียวกันอาจจะคิดไปคนละแบบคิดอย่างซึ่งบางทีการคิด
ของคนก็มีตรงกันบ้างแต่ก็ยังมีข้อแตกต่างในความเหมือนนั้น
ถือว่าเป็นการคิดของสมองของมนุษย์มนุษย์สามารถคิดได้
ในหลายแบบแตกต่างกันไป และเมื่อมนุษย์คิดแล้วสามารถ
ที่จะทำได้เราเรียกสิ่งนั้นว่าทักษะหรือทักษะการคิดที่เกิดจาก
การเรียนรู้
ยกตัวอย่าง เช่น
การที่เราจะให้ความหมายของคำ ๆ ใดคำหนึ่ง
เช่น ความหมายของการคิดโดยที่ทุกคนต้องให้ความหมาย
มาให้ได้ ในแต่ละคนก็ให้ความหมายออกมาได้แตกต่างกัน
แต่ในความหมายรวม ๆ ก็คือความหมายของการคิด บางคน
คิดได้ตรงกับความหมายจริง บางคนอาจคิดได้ถูกบ้างผิดบ้าง
เป็นต้น
จากตัวอย่างนั้นก็เป็นทักษะการคิดของแต่คนละบุคคล
2. ลักษณะการคิด
คือ การคิดที่เป็นลักษณะเฉพาะของแต่บุคคล
โดยอาศัยปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เราเกิดการคิดขึ้นมาได้
สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ
1 . การคิดอย่างไม่มีเป้าหมาย เป็นการคิดไปเรื่อย ๆ
ไม่มีเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของการคิด
2 . การคิดอย่างมีเป้าหมาย เป็นการคิดที่มีประโยชน์
และมีคุณภาพมากกว่าการคิดแบบแรก ผู้คิดมีวัตถุประสงค์
เพื่อวางแผนหรือแก้ปัญหาแนวทางในการบรรลุถึง
ความสำเร็จในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ยกตัวอย่าง เช่น
การที่เราเห็นกรอป รูปที่มีขายอยู่ตามตลาดนั้น
บางคนอาจมองว่าสวย อยากได้ อยากจะซื้อไปใส่รูป
หรือบางคนอาจจะว่าซื้อไปทำไมไม่เห็นจะสวย เป็นต้น
นี้ก็เป็นลักษณะการคิดของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกัน
เหมือนกับทักษะในการคิด
3. กระบวนการคิด
คือ การคิดที่คิดอย่างเป็นขั้นตอนเพื่อประมวลสิ่งต่าง ๆ ที่เราคิดออกมาให้ได้ตามที่เราต้องการหรือความจุดประสงค์ในสิ่งนั้น ๆ
ทักษะความคิดหลาย ๆ ด้านเข้ามาผสมผสานกัน กระบวนการคิดจึงต้องมีขั้นตอน และมีความแยบยลจึงจะทำให้พบแนวทางในการ
แก้ปัญหา คำตอบ หรือข้อสรุปของความคิดแต่ละครั้ง อาจกล่าวได้ว่า กระบวนการคิดเป็นเรื่องของการใช้ทักษะความคิดระดับสูง
ยกตัวอย่าง เช่น
การที่เราทำกระบานการคิดนั้นเราก็ต้องประมวลความรู้ที่ได้ออกมาอย่างเช่นการที่เรียนวิทยาศาสตร์ เมื่อเราจะทำการทดลองเรา ก็ต้องตั้งสมมุติฐานขึ้นมาซึ่งจะทำให้เกิดกระบวนการคิดในขั้นต่อไปว่าเราต้องทำการทดลอง เมื่อเราทดลองเสร็จแล้วสิ่งที่ตั้งสมมุติฐานขึ้นมานั้น จะเป็นจริงหรือไม่เป็นจริงอย่างที่เราตั้งขึ้นมาก็ได้ ซึ่งก็ทำให้เกิดกระบวนการคิดขึ้นมา 1 กระบวนคิดนั้นเอง
ตั้งเป้าและจุดหมายไว้ที่ "ผลลัพธ์"
การให้ได้ผลลัพธ์ หรือ เพียงหนึ่งผลลัพธ์ สามารถได้มาจากหลากหลายกระบวนการ หรือหลากหลายกระบวนการคิด หรือวิธีการต่าง ๆ ให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์
การจะได้มาตามผลลัพธ์ที่เราต้องการนั้น เราต้องมีความรู้
มีข้อมูล มีความสามารถในกระบวนการ หรือรูปแบบการทำงานเฉพาะด้านของผลลัพธ์นั้น
จึงจะทำให้เราเข้าใจ ลักษณะ รูปแบบ และกระบวนการ
ที่จะได้ผลลัพธ์นั้นมา
อธิบายง่าย ๆ คือ การนำสิ่งต่าง ๆ ที่เราต้องการนำมาใช้จากรอบ ๆ ตัวเรา เช่น ภาพ เสียง ตัวอักษร ตัวเลข ลักษณะ หรือ
ผลจากการที่ได้รับการประมวลผลมาก่อนแล้ว มาแปรสภาพให้เป็นข้อมูลตามที่เราต้องการ โดยผ่านกระบวนการ คิด คำนวณ บวก ลบ คูณ หาร เปรียบเทียบ อย่างเป็นระบบ
หากการประมวลผล ไม่เป็นระบบ ไม่มีรูปแบบ ข้อมูลที่ได้สรุปมานั้น อาจไม่ถูกต้อง หรือไม่เป็นตามความต้องการของเราได้
สิ่งที่ได้รับการประมวลผลแล้ว เรียกว่า “สารสนเทศ” “Information”
ตอนเด็กผมต้องออกจากโรงเรียน ครูบอกเหตุผลกับแม่ว่า เป็นเด็กโง่ เรียนไม่เก่ง ไม่สามารถเรียนรู้ได้ แม่บอกผมอีกอย่างว่าผมมีความสามารถที่แตกต่างจากเด็กคนอื่น จึงต้องให้แม่สอนอยู่ที่บ้าน เกือบ 4 ปี นั้น ทำให้ผมมีเวลาอ่านและใช้ความคิดได้มากกว่าคนอื่น ๆ
อัลแบร์ท ไอน์ชไตน์ (เยอรมัน: Albert Einstein)
หรือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ - นักฟิสิกส์ทฤษฎี
ลองไปใช้ความคิดกัน