ศึกษา วิเคราะห์ และสังเคราะห์ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้
ระบุปัญหา: นักศึกษาส่วนใหญ่มีปัญหาในการเขียนโปรแกรม เช่น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยโค้ด ไม่เข้าใจหลักการพื้นฐาน หรือไม่สามารถออกแบบโครงสร้างโปรแกรมได้
วิเคราะห์สาเหตุ:
นักศึกษาขาดความเข้าใจพื้นฐานในการเขียนโปรแกรม
การเรียนการสอนไม่เน้นฝึกปฏิบัติหรือไม่มีโอกาสฝึกฝนเพียงพอ
ไม่มีเครื่องมือหรือแหล่งเรียนรู้เพิ่มเติม เช่น เอกสารหรือแพลตฟอร์มฝึกฝนออนไลน์
กำหนดเป้าหมาย:
เพิ่มทักษะการเขียนโปรแกรมของนักศึกษาให้สามารถพัฒนาโปรแกรมที่ง่าย ๆ ได้ภายใน 3 เดือน
ให้นักศึกษาสามารถแก้ไขปัญหาง่าย ๆ ด้วยโค้ดได้
ออกแบบแผนการทำงาน:
ปรับปรุงเนื้อหาและการสอนให้เน้นไปที่การฝึกปฏิบัติ
ใช้เครื่องมือการเรียนรู้แบบออนไลน์ที่ช่วยให้นักศึกษาฝึกฝนได้ เช่น Codeacademy หรือ W3Schools
จัดกิจกรรมการเขียนโปรแกรมกลุ่มย่อยหรือการแข่งขันเขียนโค้ด
กำหนดการประเมินความก้าวหน้าของนักศึกษาเป็นระยะ เช่น ทุก 2 สัปดาห์
ดำเนินการสอนตามแผน:
สอนเนื้อหาที่จำเป็นเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมเบื้องต้น เช่น Syntax, การควบคุมการทำงานของโปรแกรม (if-else, loops), ฟังก์ชัน ฯลฯ
ให้นักศึกษาฝึกปฏิบัติการเขียนโค้ดด้วยโจทย์ที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาจริง ๆ
ใช้เครื่องมือฝึกฝนออนไลน์และการบ้านที่เกี่ยวข้องกับการเขียนโปรแกรม
จัดกิจกรรมกลุ่มให้มีการเรียนรู้ร่วมกัน และมีการช่วยเหลือเพื่อนร่วมชั้นที่ขาดทักษะ
เก็บข้อมูลและผลลัพธ์:
สังเกตการพัฒนาของนักเรียนในการเขียนโค้ดระหว่างการฝึกปฏิบัติ
เก็บข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาที่นักเรียนเจอระหว่างทำแบบฝึกหัดหรือทำงานกลุ่ม
ประเมินผลลัพธ์:
ประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียนจากคะแนนการทดสอบ การบ้าน และการปฏิบัติจริง
สัมภาษณ์หรือสอบถามความรู้สึกของนักศึกษาว่าพวกเขาเข้าใจหรือมีปัญหาด้านไหนในการเรียนรู้
วิเคราะห์ความสำเร็จหรือปัญหา:
หากนักศึกษายังมีปัญหาในการเขียนโปรแกรม ต้องวิเคราะห์ว่าปัญหาอยู่ที่จุดใด เช่น นักศึกษาบางคนอาจต้องการเวลาในการฝึกฝนเพิ่มเติม หรือการสอนอาจซับซ้อนเกินไป
หากนักศึกษาพัฒนาได้ดีตามเป้าหมาย แสดงว่าแผนการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ
ปรับปรุงแผนการสอน:
หากพบว่ายังมีนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่ยังไม่เข้าใจการเขียนโปรแกรม อาจปรับปรุงการสอนเพิ่มเติม เช่น การสอนแบบตัวต่อตัว หรือใช้เครื่องมือการสอนที่ง่ายขึ้น
หากพบว่านักศึกษาขาดทักษะบางอย่าง เช่น การแก้ปัญหาเชิงตรรกะ อาจต้องเพิ่มกิจกรรมฝึกคิดเชิงตรรกะหรือการแก้ปัญหาด้วยกระบวนการคิดที่เป็นระบบ
ปรับใช้ผลการเรียนรู้ต่อเนื่อง:
นำผลจากการตรวจสอบมาใช้ในการพัฒนาแผนการสอนครั้งต่อไป เพื่อให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
หากพบว่ามีเครื่องมือหรือวิธีการสอนที่ดีกว่า ควรนำมาปรับใช้ในอนาคต
เริ่มวงจร PDCA ใหม่เพื่อการพัฒนาต่อเนื่อง