สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นเพื่อบริหารจัดการและดำเนินการเกี่ยวกับการศึกษา วิจัย พัฒนา และให้บริการทางการประเมินผลทางการศึกษา รวมถึงการทดสอบทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง สทส. มุ่งเน้นการให้บริการด้วยความเที่ยงตรง มั่นคง และมีมาตรฐาน เพื่อให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงการทดสอบทางการศึกษาได้อย่างเท่าเทียมกัน
บุคลากรและบทบาทหน้าที่ในระดับสนามสอบ
หัวหน้าสนามสอบ: โดยทั่วไปคือผู้อำนวยการสถานศึกษาที่เป็นสนามสอบ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย มีหน้าที่บริหารการทดสอบให้มีประสิทธิภาพ.
กรรมการกลางประจำสนามสอบ: อัตราส่วน 1 คนต่อ 3 ห้องสอบ หรืออย่างน้อย 1 คน หากมีห้องสอบน้อยกว่า 3.
กรรมการคุมสอบ: อัตราส่วน 2 คนต่อ 1 ห้องสอบ และต้องไม่คุมสอบนักเรียนของตนเอง.
กรรมการคุมสอบสำรอง: อัตราส่วน 1 คนต่อ 10 ห้องสอบ.
เจ้าหน้าที่อื่นๆ: เจ้าหน้าที่ประสานงาน, ประชาสัมพันธ์, พยาบาล และนักการภารโรง (1 คนต่อ 5 ห้องสอบ).
ความสำคัญของกรรมการคุมสอบ
กรรมการคุมสอบมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินการสอบ เนื่องจากเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้เข้าสอบโดยตรง
ต้องมีความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา และปฏิบัติตามระเบียบข้อกำหนดของ สทส. อย่างเคร่งครัด
การจัดเตรียมห้องสอบ
แต่ละห้องสอบมี 30 ที่นั่ง แบ่งเป็น 5 แถว แถวละ 6 ที่นั่ง
มีโต๊ะสำหรับกรรมการคุมสอบ 2 จุด คือด้านหน้าและด้านหลังห้อง
โต๊ะสอบแต่ละตัวมีสติกเกอร์ข้อมูลผู้เข้าสอบ
ไม่มีบอร์ดความรู้ทางวิชาการในห้องสอบ
หน้าห้องสอบมีเอกสารเกี่ยวกับการสอบ เช่น บัญชีรายชื่อผู้เข้าสอบ แผนผังที่นั่งสอบ ตารางสอบ ระเบียบการเข้าห้องสอบ และคำเตือนต่างๆ
กฎระเบียบการเข้าห้องสอบ
ผู้เข้าสอบต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การสอบเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โปร่งใส เป็นธรรม และได้มาตรฐาน
สิ่งที่ต้องเน้นย้ำ: ระเบียบการเข้าห้องสอบ, อุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบ, และหลักฐานที่ใช้แสดงตน
ห้ามนำอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดเข้าห้องสอบ
เงื่อนไขการไม่มีสิทธิ์สอบ: ไม่มีเลขที่นั่งสอบ, ไม่มีบัตรแสดงตน, ไปผิดสนามสอบ, ไปสายเกิน 30 นาที
อุปกรณ์ที่อนุญาต: ดินสอดำ, ปากกา, ยางลบ, และกบเหลาดินสอ
หลักฐานแสดงตน: บัตรประชาชน, บัตรนักเรียนที่มีรูปถ่าย หรือบัตรที่มีรูปถ่ายที่ทางราชการออกให้และยังไม่หมดอายุ
ขั้นตอนการปฏิบัติงานของกรรมการคุมสอบ
ก่อนเวลาสอบ 30 นาที: รายงานตัว, รับซองแบบทดสอบและกระดาษคำตอบ, ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร
ก่อนเวลาสอบ 20 นาที: ตรวจสอบความเรียบร้อยภายในห้องสอบ
ก่อนเวลาสอบ 15 นาที: ตรวจหลักฐานและอุปกรณ์ของผู้เข้าสอบ, จัดผู้เข้าสอบนั่งตามที่นั่งที่กำหนด
ก่อนเวลาสอบ 10 นาที: แจ้งตารางสอบและระเบียบการสอบ, แจ้งการใช้อุปกรณ์, นำซองแบบทดสอบให้ผู้เข้าสอบดูและเชิญผู้เข้าสอบ 2 คนลงชื่อเป็นพยาน
ก่อนเวลาสอบ 5 นาที: แจกกระดาษคำตอบ, ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล, แจกแบบทดสอบ, แจ้งให้กรอกข้อมูลบนหน้าปกแบบทดสอบ
เมื่อถึงเวลาสอบ: อนุญาตให้เปิดแบบทดสอบ, ตรวจสอบจำนวนหน้า, เริ่มทำข้อสอบ
หลังการสอบผ่านไป 30 นาที: ให้ผู้เข้าสอบลงชื่อในใบเซ็นชื่อ
ระหว่างการสอบ: ดูแลความเรียบร้อย, ห้ามทำกิจกรรมที่ส่งผลกระทบต่อผู้เข้าสอบ, ประกาศเวลาให้ผู้เข้าสอบทราบ
เมื่อหมดเวลาสอบ: ประกาศให้หยุดทำข้อสอบ, เก็บกระดาษคำตอบและแบบทดสอบ, ตรวจนับเอกสาร
ข้อห้ามสำหรับกรรมการคุมสอบ
ห้ามแก้ไขแบบทดสอบหรืออธิบายเพิ่มเติมจากคำชี้แจง
ห้ามนำแบบทดสอบและกระดาษคำตอบออกจากห้องสอบ
ห้ามจดบันทึกข้อความใดๆ ออกจากห้องสอบ
ห้ามทำสำเนาแบบทดสอบ
ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์สื่อสารอื่นๆ
ห้ามพูดคุยกับผู้เข้าสอบ ยกเว้นการตักเตือน
ห้ามยืนใกล้ชิดผู้เข้าสอบเป็นเวลานานโดยไม่จำเป็น
การจัดการกรณีพิเศษ
ผู้ขาดสอบ: เขียน "ขาดสอบ" ในใบเซ็นชื่อ, ระบาย "ขาดสอบ" ในกระดาษคำตอบ, ลงชื่อกรรมการคุมสอบ
กระดาษคำตอบชำรุด: ให้ผู้เข้าสอบลงชื่อในกระดาษที่ชำรุด, ระบาย "ยกเลิก" ในกระดาษที่ชำรุด, ใช้กระดาษคำตอบสำรอง
ผู้เข้าสอบกรณีพิเศษ: เข้าสอบในห้องสอบสุดท้าย, ใช้แบบทดสอบและกระดาษคำตอบสำรอง
การส่งมอบเอกสารหลังสอบ
ตรวจนับกระดาษคำตอบและแบบทดสอบให้ครบถ้วน
บรรจุกระดาษคำตอบและแบบทดสอบในซองที่กำหนด
ส่งมอบให้กรรมการกลาง และลงชื่อในบัญชีรับส่ง
ช่องทางการร้องเรียน
หากพบปัญหาหรือความไม่โปร่งใส สามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนได้ 4 ช่องทาง คือ สายตรงผู้บริหาร, จดหมาย, อีเมล (testing@niets.or.th), และ Call Center (022173800)
สรุป การดำเนินการจัดสอบของ สทศ. มีขั้นตอนที่ละเอียดและมีมาตรฐาน เพื่อให้การทดสอบเป็นไปอย่างยุติธรรม โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ โดยกรรมการคุมสอบมีบทบาทสำคัญในการปฏิบัติตามขั้นตอนและระเบียบข้อบังคับอย่างเคร่งครัด
สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ได้พัฒนาการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติจากรูปแบบกระดาษเป็นการทดสอบด้วยระบบดิจิทัล (Digital Testing) เพื่อเพิ่มความสะดวกและตอบสนองต่อรูปแบบข้อสอบที่หลากหลายมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงสู่ Digital Testing:
Digital Testing เป็นการพัฒนาต่อยอดจากการทดสอบด้วยระบบ e-testing ที่มีอยู่ตั้งแต่ปี 2556
เป็นการทดสอบที่ไม่ใช้กระดาษ แต่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการทดสอบ
รองรับข้อสอบที่หลากหลาย มีการผสมผสานภาพ เสียง และวิดีโอ
ข้อดีของ Digital Testing:
ขยายโอกาสในการทดสอบให้กับผู้เข้าสอบ
จัดการทดสอบได้หลายครั้งอย่างเท่าเทียมกัน
รองรับรูปแบบข้อสอบที่หลากหลายและใช้สื่อผสม
ลดข้อจำกัดด้านเวลา บุคลากร ค่าใช้จ่าย และการบริหารจัดการ
ป้องกันการทุจริตด้วยแบบทดสอบที่หลากหลายชุด
พัฒนาระบบการทดสอบให้เป็นมาตรฐานสากล
การทดสอบที่ใช้ระบบ Digital Testing:
การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
การทดสอบทางการศึกษาด้านพระพุทธศาสนา (BNET)
การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ ด้านอาชีวศึกษา (VNET)
ขั้นตอนการเข้าสู่ระบบและการทำข้อสอบ:
การเข้าสู่ระบบ: กรอกรหัสเลขที่นั่งสอบและรหัสผ่าน ตรวจสอบตัวอักษรและภาษาให้ถูกต้อง
การเลือกแบบทดสอบ: เลือกแบบทดสอบที่ต้องการและคลิกปุ่ม "เริ่มการจัดสอบใหม่"
การทำข้อสอบ: ระบบจะเริ่มนับเวลาถอยหลัง แสดงเวลาที่เหลือ และสามารถเลือกตอบคำถามโดยคลิกที่ตัวเลือก หรือเลือกข้อจากแถบด้านซ้าย
การตรวจสอบสถานะ: ตรวจสอบสถานะการทำข้อสอบได้จากจุดแสดงสถานะและแถบ progress bar
การส่งแบบทดสอบ: คลิกปุ่ม "หยุดสอบ" และ "ตกลง" เพื่อยืนยันการส่ง (ไม่สามารถแก้ไขคำตอบได้หลังส่ง)
ข้อควรระวัง:
ตรวจสอบรหัสเลขที่นั่งสอบและรหัสผ่านให้ถูกต้อง
เมื่อคลิกปุ่ม "หยุดสอบ" จะไม่สามารถกลับมาแก้ไขคำตอบได้
การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น:
หากระบบเครือข่ายขัดข้อง ให้กดปุ่ม F5 เพื่อรีเฟรชระบบ
หากต้องเปลี่ยนเครื่อง สามารถใช้รหัสเดิมเข้าสู่ระบบและทำข้อสอบต่อได้
สรุปขั้นตอนการใช้งาน:
ใส่รหัสเลขที่นั่งสอบและรหัสผ่าน
คลิกเลือกแบบทดสอบ
คลิกปุ่ม "เริ่มการจัดสอบใหม่"
ทำข้อสอบให้ครบถ้วนและคลิกปุ่ม "หยุดสอบ"
การทดสอบด้วยระบบ Digital Testing มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพในการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ โดยยังคงรักษามาตรฐานและความโปร่งใสในการดำเนินการ.