1.โบ๊ท
อัตราส่วน น้ำปูนใส
น้ำเปล่า 1000 มิลลิลิตร
ปูนแดงกินหมาก 2 ช้อนตวง
(คนให้ละลายทิ้งไว้ข้ามคืน)
ส่วนผสม แป้งขนมครก
แป้งข้าวเจ้า 250 กรัม
ข้าวหอมมะลิหุงสุก 100 กรัม
น้ำปูนใส 120 กรัม (หาไม่ได้ใช้น้ำเปล่าแทนได้)
หัวกะทิคั้นสดแบบเข้มข้น 500 มิลลิลิตร
หางกะทิ 250 มิลลิลิตร
น้ำตาลทราย 60 กรัม
เกลือสมุทร 2 ช้อนชา
ส่วนผสม หน้ากะทิ
หัวกะทิคั้นสดแบบเข้มข้น 500 มิลลิลิตร
น้ำตาลทราย 80 กรัม (ไม่ชอบหวานลดเหลือ70กรัม)
เกลือสมุทร 1/2 ช้อนชา +1/4 ช้อนชา
แป้งข้าวเจ้าตราหมีคู่ดาว 1 ช้อนตวง +1/2 ช้อนตวง
ส่วนผสม ไส้โรยหน้า
ข้าวโพดหวานฝานบางๆ นึ่งสุก 1-2 ฝัก
เผือกหอมหั่นเต๋านึ่งสุก 1 ถ้วย
ต้นหอมซอย 1 ถ้วย
ผ้าเช็ดเบ้าขนมครก
น้ำมันพืชสำหรับเช็ดเบ้า
วิธีทำ ขนมครก
นำข้าวโพดหวานมาฝานบางๆ เผือกหั่นเต๋า นำไปนึ่งให้สุกประมาณ 20 นาที ส่วนต้นหอมนำมาซอย พักไว้
ทำแป้งขนมครก โดยการนำ แป้งข้าวเจ้า ข้าวสวย น้ำปูนใส กะทิ เกลือ ปั่นให้เข้ากันจนละเอียดดี เทใส่ในชามผสม พักแป้งไว้ 30 นาที
จากนั้นทำหน้ากะทิ โดยการนำแป้งข้าวเจ้า หัวกะทิแบบคั้นสดเข้มข้น น้ำตาลทรายขาว และเกลือสมุทรผสมเข้าด้วยกัน คนด้วยตะกร้อมือจนทุกอย่างละลายเข้ากันดี
เทส่วนผสมทั้งสองอย่างลงไปในกาน้ำหัวแหลม เพื่อสะดวกในการเทลงถาดหลุม
เทคนิคการเท เราต้องเทส่วนผสมของแป้งลงไปก่อน โดยเริ่มจากด้านนอกวนเข้าไปบรรจบที่ด้านใน เมื่อหยอดครบแล้ว ต้องนำส่วนกะทิเทลงทันทีจนครบ
จากนั้นนำเครื่องที่เตรียมไว้หยอดลงไป โดยต้นหอมสามารถหยอดได้ทันที ส่วนข้าวโพดกับเผือก ควรรอให้แป้งเซตตัวก่อนค่อยใส่ลงไป
นำฝาปิด ใช้เวลาประมาณ 5 นาที หรือดูว่าขอบด้านนอกออกสีน้ำตาล ถือว่าใช้ได้ นำช้อนมาตักออกทีละหลุม จัดเรียงให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ
เทคนิคการเตรียมถาดหลุม
เมื่อซื้อถาดหลุมขนมครกมาแล้ว ควรล้างด้วยน้ำยาล้างจานให้สะอาดประมาณ 3 รอบเพื่อล้างที่เคลือบกระทะออกจนหมด
นำไปตั้งไฟให้ร้อน เทน้ำมันพืชลงไปให้ท่วม ทิ้งไว้ 30 นาที จากนั้นเทนำมันออก จะทำให้เวลาใส่แป้งกะทิจะไม่ติด
เทคนิคการทำขนมครก
หากไม่มีน้ำปูนใส ใช้น้ำเปล่าแทนได้ แต่การใช้น้ำปูนใสจะทำให้ขนมครกกรอบนอกนุ่มในมากกว่า
ใช้กะทิคั้นสด ขนมจะออกมาหอมมันกว่าใช้กะทิกล่อง แต่ถ้าหาไม่ได้จริงๆ สามารถใช้กะทิกล่องแทนได้
ใช้ไฟอ่อนในการทำขนมครก โดยจะต้องวอร์มให้เตาขนมครกร้อนดีก่อนจึงจะหยอดแป้งลงไป
หยอดแป้งเสร็จจะต้องตามด้วยหน้ากะทิทันที เพื่อให้ทั้งสองชั้นผสานกัน
ประวัติขนมครก
ขนมครก เป็นขนมไทยโบราณชนิดหนึ่ง ทำจากแป้ง น้ำตาล และกะทิ แล้วเทลงบนเตาหลุม เวลาจะทานต้องแคะออกมา เป็นแผ่นวงกลม แล้วมักวางประกบกันตอนรับประทาน เป็นขนมของไทยที่มีมาตั้งแต่โบราณ นอกจากนี้ยังพบในพม่า ลาว และอินโดนีเซีย โดยชาวอินโดนีเซียเรียกว่าเซอราบี (serabi)
เซอราบี ขนมของอินโดนีเซียที่มีลักษณะคล้ายขนมครกของไทย
ประวัติ
มีหลักฐานว่าขนมครกเป็นที่นิยมแพร่หลายมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มีการทำเตาขนมครกขายตั้งแต่ยุคนั้น ขนมครกแต่เดิมใช้ข้าวเจ้าแช่น้ำโม่รวมกับหางกะทิ ข้าวสวย และมะพร้าวทึนทึกขูดฝอย ผสมเกลือเล็กน้อยใช้เป็นตัวขนม ส่วนหน้าของขนมครกเป็นหัวกะทิ ขนมครกชาววังจะมีการดัดแปลงหน้าขนมครกให้แปลกไปอีก เช่น หน้ากุ้ง (แบบเดียวกับข้าวเหนียวหน้ากุ้ง) หน้าไข่ หน้าหมู (แบบเดียวกับไส้ปั้นสิบ) หน้าเผือก หน้าข้าวโพด หน้าต้นหอม