การนิเทศการจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสำคัญในการปรับปรุง พัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในชั้นเรียนให้เหมาะสมกับผู้เรียน มีจุดมุ่งหมายสาคัญอยู่ที่ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน ช่วยให้ผู้เรียนบรรลุ
เป้าหมายที่กาหนดไว้ในหลักสูตร การนิเทศช่วยส่งเสริม สนับสนุนให้ครูเข้าใจสิ่งต่าง ๆ และส่งผลต่อการเรียนรู้ของ
ผู้เรียน เช่น ศักยภาพของครู ความรู้ความเข้าใจของครู เทคนิควิธีการจัดกระบวนการเรียนรู้ พัฒนาการของผู้เรียน ความสามารถ ความสนใจ ความต้องการของผู้เรียน ความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียน การนิเทศการจัดการเรียนรู้เป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกันระหว่าง ผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศ โดยผู้นิเทศอาจเป็นศึกษานิเทศก์ ผู้บริหารโรงเรียน
ผู้ช่วยฝ่ายวิชาการ หัวหน้า กลุ่มสาระการเรียนรู้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนและรวมถึงครูทุกคน สำหรับผู้รับการนิเทศ
ก็คือครูผู้สอนหรือผู้ที่จัดกิจกรรมการเรียนการสอน ทั้งนี้ ผู้นิเทศจะช่วยตรวจสอบว่าผู้รับการนิเทศได้ออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน เหมาะสมกับธรรมชาติของผู้เรียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วม ฝึกทักษะ ฝึกปฏิบัติทั้งในสถานการณ์จาลองและสภาพจริง สร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง สามารถเชื่อมโยงความรู้กับสถานการณ์ต่าง ๆ ประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ ซึ่งเป็นลักษณะของการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) นั่นเอง
ในการนิเทศการจัดการเรียนรู้เชิงรุก มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริม สนับสนุน กำกับ ติดตามครูผู้สอนให้ออกแบบกระบวนการจัดการเรียนรู้ในลักษณะให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม ได้ลงมือทำ คิดวิเคราะห์ และแก้ปัญหา รวมทั้ง
เป็นการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้เต็มตามศักยภาพและความแตกต่างของแต่ละบุคคล มีพัฒนาการที่เหมาะสมตามช่วงวัย ทั้งด้านความรู้ ความคิด คุณลักษณะ และทักษะกระบวนการ สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่นได้อย่าง มีความสุข
กระบวนการนิเทศการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning)
การเปลี่ยนแปลงในยุคศตวรรษที่ 21 ส่งผลต่อผู้เรียนในระบบการศึกษา จำเป็นต้องมีการพัฒนาเพื่อเท่าทันและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 จึงมุ่งเน้น ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ผ่านการลงมือปฏิบัติ และการสร้างแรงบันดาลใจไปพร้อมกัน กล่าวคือ ผู้เรียนจะไม่เป็นเพียงผู้รับ (Passive Learning) แต่จะได้เรียนรู้จากการกระทำ และการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง (Active Learning)
โดยมีครูเป็นผู้ออกแบบกระบวนการจัดการเรียนรู้และเป็นผู้อำนวยการเรียนรู้ ครูผู้สอนต้องไม่ตั้งตนเป็น “ผู้รู้”
แต่ต้องแสวงหาความรู้ไปพร้อม ๆ กับผู้เรียนด้วยกัน
การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เป็นการก้าวข้ามการเรียนรู้ตาม “สาระวิชา” ไปสู่การเรียนรู้ “ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 (21st Century Skills)” โดยครูเป็นผู้ออกแบบการเรียนรู้ ในลักษณะการเป็นโค้ช (Coach) และอำนวย
ความสะดวก (Facilitator) (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2560 : 1) ด้วยเหตุนี้ การจัดการเรียนรู้
เชิงรุก (Active Learning) จึงเป็นกระบวนการที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนสามารถนาองค์ความรู้ที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่งบนโลกนี้ มาบูรณาการเชิงสร้างสรรค์ เพื่อตอบสนองการเรียนรู้ของตนเอง ผู้เรียนสามารถพัฒนานวัตกรรม มีความสามารถ ในการคิดสิ่งใหม่ ๆ ตอบสนองความต้องการของสังคม ซึ่งภารกิจในการส่งเสริม ปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการเรียน การสอนของครู เป็นบทบาทสำคัญของศึกษานิเทศก์
กระบวนการนิเทศการศึกษาของศึกษานิเทศก์ เป็นกลไกลสำคัญในการพัฒนาและปรับเปลี่ยนวิธีจัดกิจกรรมกิจกรรมการเรียนการสอนของครู ให้เป็นครูยุคใหม่ การนิเทศช่วยให้ผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษาที่เกี่ยวข้องได้พัฒนาตนเองให้มีสมรรถนะเพียงพอที่จะนาไปใช้ในการพัฒนาผู้เรียน ให้มีความรู้ความสามารถ คุณลักษณะและทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ซึ่งการให้ความรู้แก่ผู้สอนโดยไม่มีการนิเทศ กำกับ และติดตามดูแล ช่วยเหลือ ผู้สอนจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ ๆ ยากมาก ผู้นิเทศต้องอาศัยวิธีการที่หลากหลาย และวิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้ครูสามารถปรับวิธีเรียน เปลี่ยนวิธีสอน พัฒนาตนเอง พัฒนางานในวิชาชีพของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง และเกิดประสิทธิผลสูงสูดต่อผู้เรียน คือ การนิเทศชั้นเรียน โดยการสังเกตการสอน มุ่งเน้นการพัฒนาและปรับเปลี่ยนกระบวนการจัดการเรียน การสอนที่พัฒนาทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 เป็นการพัฒนาผู้เรียนเป็นรายบุคคลที่สอดคล้องกับบริบทของ สถานศึกษาโดยใช้กระบวนการนิเทศและความร่วมมือของผู้สอนและผู้บริหารสถานศึกษา
กระบวนการในการนิเทศการศึกษา มีนักการศึกษาหลายท่านได้นำเสนอกระบวนการในการนิเทศ ไว้หลายท่าน ซึ่งมีความหมายและความสาคัญ พอสรุปได้ดังนี้
กระบวนการนิเทศการศึกษา เป็นการออกแบบและวางแผนของการนิเทศการศึกษาที่ผู้นิเทศ ได้จัดลำดับไว้อย่างต่อเนื่อง มีลำดับขั้นตอนในการดำเนินงานชัดเจน มีเหตุผลและสามารถดำเนินการ ได้สอดคล้อง เหมาะสมกับบริบทในแต่ละพื้นที่ เนื่องจากการนิเทศการศึกษามีความสำคัญต่อการพัฒนา ปรับปรุง และเพิ่มประสิทธิภาพ การศึกษาในสถานศึกษา มุ่งให้ครูมีความรู้ ความเข้าใจในหลักสูตร สามารถจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการบริหารจัดการ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและปัญหาอื่นๆ ที่ส่งผลต่อคุณภาพ การศึกษา ซึ่งการนิเทศการศึกษาสามารถนำรูปแบบและแนวคิดต่าง ๆ มาปรับประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดรูปแบบ ในการนิเทศที่หลากหลายตามสภาพและบริบทของผู้รับการนิเทศ ผู้นิเทศสามารถวางแผนและออกแบบการนิเทศ ได้ตามความเหมาะสม ซึ่งในที่นี้ ได้นำเสนอวงจรคุณภาพ PDCA หรือที่เรียกว่า วงจรเดมิง (Deming Cycle) หรือวงจรชูฮาร์ต (Shewhart Cycle) คือ วงจรการควบคุมคุณภาพ มาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดกระบวนการนิเทศการศึกษาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนี้
1. Plan (วางแผน) หมายถึง การวางแผนการดำเนินงานอย่างรอบคอบ ครอบคลุมถึง การกำหนดหัวข้อที่ต้องการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ซึ่งรวมถึงการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน อาจประกอบด้วย การกำหนดเป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์ของการดำเนินงาน Plan การจัดอันดับความสำคัญของ เป้าหมาย กำหนดการดำเนินงาน กำหนดระยะเวลาการดำเนินงาน กำหนดผู้รับผิดชอบหรือผู้ดำเนินการและกำหนดงบประมาณที่จะใช้ การเขียนแผนดังกล่าวอาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมของลักษณะ การดำเนินงาน การวางแผนยังช่วยให้เราสามารถคาดการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต และช่วยลดความสูญเสียต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้
2. Do (ปฏิบัติตามแผน) หมายถึง การดำเนินการตามแผนอาจประกอบด้วยการมี โครงสร้างรองรับ
การดำเนินการ (เช่น คณะกรรมการหรือหน่วยงานของคณะ) มีวิธีการ ดำนินการ (เช่น มีการประชุมของคณะกรรมการ
มีการจัดการเรียนการสอน มีการแสดงความจำนงขอรับนักศึกษาไปยังทบวงมหาวิทยาลัย) และมีผลของ
การดำเนินการ (เช่น รายชื่อนักศึกษาที่รับในแต่ละปี)
3. Check (ตรวจสอบการปฏิบัติตามแผน) หมายถึง การประเมินแผนอาจประกอบ ด้วยการประเมินโครงสร้างที่รองรับ การดำเนินการ การประเมินขั้นตอนการดำเนินงาน และการประเมินผลของ การดำเนินงานตามแผนที่ได้ตั้งไว้ โดยในการประเมินดังกล่าว สามารถทำได้เองโดยคณะกรรมการที่รับผิดชอบแผนการดำเนินงานนั้น ๆ ซึ่งเป็นลักษณะของการประเมินตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการ อีกชุดมาประเมินแผน หรือไม่จำเป็นต้องคิดเครื่องมือหรือแบบประเมิน ที่ยุ่งยากซับซ้อน
4. Act (ปรับปรุงแก้ไข) หมายถึง การนาผลการประเมินมาพัฒนาแผน ประกอบด้วย การนำผลการประเมินมาวิเคราะห์ว่ามีโครงสร้าง หรือขั้นตอนการปฏิบัติงานใดที่ควร ปรับปรุงหรือพัฒนาสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไปอีก และสังเคราะห์รูปแบบ การดาเนินการใหม่ที่เหมาะสม สาหรับการดาเนินการ ในปีต่อไป จากการนำวงจรคุณภาพมาปรับประยุกต์ใช้เป็นกระบวนการนิเทศการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ซึ่งสามารถดำเนินการได้ตามกระบวนการนิเทศการศึกษา
5 ขั้นตอน ดังภาพต่อไปนี้
1. การเตรียมการนิเทศ
1.1 ทบทวนความรู้ เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)
1.2 สารวจข้อมูลสารสนเทศเพื่อการนิเทศ สภาพปัญหาและความต้องการจำเป็นในการนิเทศ โดยอาจเป็นปัญหาและความต้องการเฉพาะของสถานศึกษา ปัญหาเกี่ยวกับผู้เรียน ข้อมูลหรือปัญหาเกี่ยวกับครูผู้รับการนิเทศ เช่น ข้อมูลบริบทโรงเรียน บริบทของผู้เรียน ความรู้ความเข้าใจของครูเกี่ยวกับการจัดทำแผนจัดการเรียนรู้ที่เน้นการเรียนรู้เชิงรุก ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ หรือ รายวิชาที่ทำการนิเทศ การวิเคราะห์มาตรฐาน และตัวชี้วัด การออกแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่สอดคล้องกับตัวชี้วัด และจุดประสงค์การเรียนรู้ ลักษณะและวิธีการสอน การมีส่วนร่วมของนักเรียน การใช้ตำราเรียน สื่อ การสอน การประเมินผลการเรียนการสอน การรายงานผลการเรียน การสอนซ่อมเสริม วิธีและการใช้เครื่องมือประเมินผลการนิเทศ โดยผู้นิเทศต้องรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล แยกแยะปัญหา พร้อมทั้งจัดลำดับความสำคัญและแนวทางแก้ไขเพื่อนำมาใช้ในการนิเทศ
1.3 สร้างความเข้าใจ โดยอธิบายถึงความสำคัญและความจำเป็นของการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ให้ผู้รับการนิเทศมีความเข้าใจ และตระหนักถึงการดำเนินการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถรักษาผลการเรียนรู้ให้อยู่คงทนได้มากกว่า และนานกว่ากระบวนการเรียนรู้ Passive Learning เพราะกระบวนการเรียนรู้เชิงรุก สอดคล้องกับการทำงานของสมองที่เกี่ยวข้องกับความจำ โดยสามารถเก็บและจำสิ่งที่ผู้เรียนเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม มีปฏิสัมพันธ์ กับเพื่อน ครูผู้สอน สิ่งแวดล้อม การเรียนรู้ได้ผ่านการปฏิบัติจริง จะสามารถเก็บจาในระบบความจำ
ระยะยาว (Long Term Memory) ทำให้ผลการเรียนรู้ ยังคงอยู่ได้ในปริมาณที่มากกว่า ผู้นิเทศต้องสร้างความรู้
ความเข้าใจร่วมกันกับครู ด้วยการ Coaching, Mentoring และ Supporting หรือเทคนิคอื่น ๆ ที่เหมาะสม ผู้นิเทศ
ควรเป็นผู้ชี้แนะอย่างใกล้ชิด เพื่อชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างการจัดการเรียนรู้เชิงรับ (Passive Learning) และการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ดังนี้
หัวใจสำคัญของการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) มุ่งเน้นที่กระบวนการจัดกิจกรรม และ ผลที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน เช่น การเรียนรู้ที่จัดให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กัน กระตุ้นให้ผู้เรียน เกิดกระบวนการคิดในระดับสูง (higher-order thinking) ไม่เพียงแต่ฟัง แต่ผู้เรียนจะต้องอ่าน เขียน ถามคำถาม อภิปรายร่วมกัน และลงมือปฏิบัติจริง ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงความรู้เดิม และความต้องการของผู้เรียนเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นการส่งเสริมทักษะพื้นฐานที่สำคัญของผู้เรียนสอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 คือ การพูด-การฟัง (talking and listening)
การเขียน (writing) การอ่าน (reading) และการสะท้อนคิด (reflection) ส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ สรุปและสร้างองค์ความรู้ ได้ด้วยตนเอง
1.4 ตรวจสอบแผนการจัดการเรียนรู้ ของผู้รับการนิเทศ โดยการนัดหมายกับผู้รับการนิเทศร่วมกันวิเคราะห์แผนการจัดการเรียนรู้ของผู้รับการนิเทศล่วงหน้า ก่อนที่จะดำเนินการนิเทศ การสอนในชั้นเรียนจริง (การสังเกต
การสอน) การตรวจสอบแผนการจัดการเรียนรู้ในประเด็น ต่อไปนี้
1.4.1 องค์ประกอบสำคัญของแผนการจัดการเรียนรู้ ได้แก่ จุดประสงค์ การเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ และ
การวัดและประเมินผล
1.4.2 ความเชื่อมโยง สอดคล้องกันระหว่าง จุดประสงค์การเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ และการวัดและประเมินผล
1.4.3 ความสอดคล้องระหว่างจุดประสงค์การเรียนรู้ กับตัวชี้วัด สามารถวัดพฤติกรรมได้อย่างชัดเจน
1.4.4 กิจกรรมการเรียนรู้นำไปสู่การแสดงออกซึ่งพฤติกรรมตามจุดประสงค์การเรียนรู้
1.4.5 กิจกรรมการเรียนรู้เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ และ ลงมือปฏิบัติมากกว่าการบรรยาย หรือให้ความรู้ของผู้สอน
1.4.6 กิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริม กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์
1.4.7 กิจกรรมการเรียนรู้สนับสนุนให้ผู้เรียนตั้งคำถาม อภิปรายร่วมกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้จนนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้
1.4.8 วิธีการวัดผลและประเมินผลสอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้
1.4.9 เครื่องมือการวัดผลและประเมินผลสอดคล้องกับวิธีการที่ผู้สอนกำหนด
1.5 ปรับปรุงแก้ไขแผนการจัดการเรียนรู้ ตามผลที่ผ่านการวิเคราะห์ร่วมกันระหว่าง ผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศ พร้อมทั้งนัดหมายการนิเทศชั้นเรียน (การสังเกตการสอน) ในครั้งต่อไป
2. การวางแผนการนิเทศ
หลังจากวิเคราะห์สภาพปัญหาความต้องการ และเตรียมข้อมูลเพียงพอสำหรับการนิเทศแล้ว ผู้นิเทศควรวางแผนการนิเทศโดยการกำหนดจุดมุ่งหมาย กำหนดทางเลือก วางแผนและออกแบบ การนิเทศ และจัดทำสื่อ เครื่องมือนิเทศ
2.1 กำหนดจุดมุ่งหมายของการนิเทศ หลักในการกำหนดจุดมุ่งหมายของการนิเทศ คือเป็นการกำหนดจุดมุ่งหมายร่วมกันระหว่างผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศ มีความเป็นไปได้โดยพิจารณาจากความพร้อมของผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศ กิจกรรมและวิธีการนิเทศ ทรัพยากรที่ใช้ในการนิเทศ และสอดคล้องกับปัญหา เนื้อเรื่องหรือประเด็นในการนิเทศ
2.2 กำหนดทางเลือก และออกแบบการนิเทศ เพื่อให้การนิเทศบรรลุเป้าหมาย จึงควรมีการกำหนดรูปแบบ วิธีการนิเทศ ให้เหมาะสมเพื่อดำเนินการให้บรรลุผลสำเร็จ โดยอาจใช้วิธีการนิเทศวิธีใดวิธีหนึ่ง หรือใช้หลายวิธีก็ได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ความถนัดของผู้นิเทศ และความพร้อมของผู้รับการนิเทศ ผู้นิเทศต้องศึกษาข้อดี ข้อจำกัดของวิธีการนิเทศแบบต่าง ๆ และเลือกวิธีการที่มีความเป็นไปได้สูงสุด มาออกแบบการนิเทศเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติได้ การระบุทางเลือกคือการหาทางแก้ปัญหาหรือหาวิธีการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ผู้นิเทศจึงต้องศึกษาหาข้อมูลเพื่อให้ได้ทางเลือกในการนิเทศที่ดีที่สุด เพื่อช่วยในการแก้ปัญหาหรือพัฒนาผู้รับการนิเทศ
การกำหนดทางเลือก หรือวิธีการนิเทศที่หลากหลาย โดยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการนิเทศ
มีการวางแผนด้วยการประชุมเตรียมการนิเทศ สร้างคณะนิเทศเป็นทีมงาน สร้างความรู้ความเข้าใจร่วมกัน กำหนดประเด็น เนื้อหาที่จะนิเทศ กำหนดระยะเวลาในการนิเทศ กำหนดวิธีการและกิจกรรมในการนิเทศการศึกษาที่เหมาะสม เช่น Platform Online Face to Face การประชุมสัมมนา การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การสังเกตชั้นเรียน การสาธิต
การบันทึกวิดีโอและการถ่ายภาพ การสัมภาษณ์ การชี้แนะและการเป็นพี่เลี้ยง Coaching & Mentoring ฯลฯ โดยเน้นการใช้ ICT ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การใช้ Line Application การใช้ Clip Video การ Conference การใช้ Video Line YouTube Facebook Live การใช้นวัตกรรม Online รูปแบบต่างๆ เป็นต้น ทั้งนี้ อาจใช้กระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้วิชาทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) และการศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study)
การออกแบบแผนการนิเทศ เป็นขั้นตอนการจัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติการนิเทศ กำหนดวัน เวลา หัวข้อ ประเด็น
ที่จะนิเทศ โดยจัดทำแผนปฏิบัติการนิเทศเฉพาะเรื่องการจัดการเรียนรู้เชิงรุก หรือเฉพาะประเด็นที่ต้องการนิเทศ หรือแผนนิเทศรายโรงเรียน โดยอาจมีองค์ประกอบ วันที่นิเทศ โรงเรียน ครูผู้รับการนิเทศ ประเด็นหรือหัวข้อการนิเทศ กิจกรรม วิธีการ เทคนิค กระบวนการนิเทศที่ใช้ สื่อและเครื่องมือนิเทศ ฯลฯ
2.3 จัดทำสื่อและเครื่องมือนิเทศ สื่อและเครื่องมือสาหรับใช้ในการนิเทศ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปฏิบัติงาน ช่วยส่งเสริมในการถ่ายทอดสาระของการนิเทศให้ตรงกันระหว่างผู้นิเทศ (ศึกษานิเทศก์) และผู้รับการนิเทศ (ครูผู้สอน) ตลอดจนให้ข้อมูลย้อนกลับเกี่ยวกับการนิเทศ ในแต่ละครั้ง โดยอาจเป็นสื่อเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่นิเทศ และเป็นเครื่องมือตรวจสอบคุณภาพการจัดการเรียนการสอนและคุณภาพการนิเทศ สิ่งที่ต้องตระหนักในการสร้างสื่อและเครื่องมือนิเทศ ได้แก่ ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เก็บรวบรวมข้อมูลที่ต้องการได้จริง และสรุปรายงานผลตามประเด็นที่ต้องได้ เครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้ในการนิเทศทุกครั้ง คือ แบบบันทึกการนิเทศ ซึ่งผู้นิเทศจะใช้เพื่อจดบันทึก
สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการนิเทศในแต่ละครั้ง (คล้ายกับการบันทึกหลังการสอนของครูในแผนจัดการเรียนรู้) อาจจัดทำเป็นแบบบันทึกสั้น ๆ หรือจัดทำแบบบันทึกข้อมูลภาคสนาม (field note) ของผู้นิเทศ หรือแบบฟอร์มที่กำหนดร่วมกันของคณะนิเทศ เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการการรายงานผล
2.4 กำหนดปฏิทินการนิเทศ และการกำหนดระยะเวลา ผู้นิเทศรวบรวมสารสนเทศ ที่เกี่ยวข้องและกำหนดปฏิทินการนิเทศโดยกาหนดวัน เวลา สถานที่ ผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศ ให้ชัดเจน อาจกำหนดว่าจะดำเนินการนิเทศเป็นรายภาคเรียน ๆ ละ 2 ครั้ง หรือตามความเหมาะสม เพื่อให้ผู้รับการนิเทศมีโอกาสในการปรับปรุงพัฒนาเรื่องที่ได้รับ
การนิเทศและการจัดการเรียนรู้ ตามข้อเสนอแนะ ที่เกิดขึ้นจากการนิเทศครั้งก่อน
2.5 ประสานการนิเทศ จัดทำหนังสือราชการ เพื่อแจ้งปฏิทินการนิเทศให้ผู้รับการนิเทศและผู้เกี่ยวข้องทราบล่วงหน้า การประสานงานระหว่างผู้นิเทศกับผู้บริหารสถานศึกษาและผู้รับ การนิเทศ เพื่อให้เตรียมความพร้อมรับการนิเทศตามกำหนดการนิเทศในแต่ละครั้ง
3. การดำเนินการนิเทศ เป็นขั้นตอนที่ผู้นิเทศเข้าพบผู้รับการนิเทศ ผ่านกิจกรรมการนิเทศ โดยใช้รูปแบบหรือวิธีการ
ที่ผู้นิเทศนำมาใช้ปฏิบัติจริง ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินการนิเทศบรรลุเป้าหมาย กิจกรรมการนิเทศมีมากมาย ซึ่งผู้นิเทศสามารถเลือกใช้ ให้เหมาะสมกับจุดมุ่งหมายของการนิเทศแต่ละครั้ง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้รับการนิเทศและ
ผู้เรียน ดังนั้น ผู้นิเทศจึงต้องมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกิจกรรมการนิเทศ รูปแบบหรือ วิธีการนิเทศอย่างชัดเจนก่อนการนิเทศ และดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
3.1 ชี้แจงขั้นตอนการนิเทศ ทำความเข้าใจถึงสิ่งที่จะนิเทศว่า มีขั้นตอนการดำเนินการอย่างไร และจะมีวิธีการทำให้การนิเทศครั้งนี้มีคุณภาพสูงสุด ต่อผู้บริหาร รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการของโรงเรียน/หัวหน้างานวิชาการ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ครูผู้สอนหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้างานวิชาการ/ครูผู้นิเทศ/หัวหน้าสายชั้น และผู้รับการนิเทศอื่น ๆ
3.2 การสังเกตชั้นเรียน การสังเกตการสอนของครูในชั้นเรียน โดยผู้นิเทศใช้ทักษะ การสังเกต การฟัง จับประเด็น พิจารณาความสอดคล้องของกิจกรรม การใช้สื่อ การใช้คำถาม ตลอดจนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างครูกับผู้เรียน การสังเกตชั้นเรียนผู้นิเทศต้องใช้เทคนิควิธีการหลากหลาย เช่น เทคนิคการสอนแนะ (Coaching Techniques) การนิเทศแบบกัลยาณมิตร การนิเทศตามสถานการณ์ การนิเทศแบบชี้แนะสะท้อนคิดและเป็นพี่เลี้ยง (Reflective Coaching and Mentoring) การนิเทศแบบสนทนากลุ่ม เป็นต้น ซึ่งขณะที่สังเกตการสอน ผู้นิเทศควรบันทึกข้อค้นพบอย่างละเอียด หรือใช้วิธีการบันทึกวิดิโอ เพื่อนำมาประกอบการสะท้อนผลการนิเทศการจัดการเรียนการสอน ภายหลังจากการดำเนินการสังเกตเสร็จสิ้น
3.3 การสะท้อนผลการนิเทศชั้นเรียน เป็นกิจกรรมการนิเทศที่ผู้นิเทศต้องใช้ ทักษะการพูดคุยตั้งคำถาม ให้ผู้รับการนิเทศทบทวน พิจารณาไตร่ตรองการจัดการเรียนรู้ของตนเอง คำถาม ที่ดีควรเป็นคำถามปลายเปิด (Open Question) ให้ผู้ถูกถามได้แสดงความคิดเห็น เช่น การถามว่าการจัดการเรียนการสอนครั้งนี้บรรลุจุดประสงค์หรือไม่อย่างไร ในการสอนครั้งนี้คิดว่า ควรแก้ไขอย่างไรบ้าง คำถามนี้จะสามารถดึงความคิดเห็นของผู้รับการนิเทศออกมา เป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่าง ผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศ ผู้นิเทศควรให้ข้อเสนอแนะ การปรับปรุงและพัฒนากิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ส่วนผู้รับการนิเทศควรนำข้อเสนอแนะ ไปปรับปรุงและพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้
หากจัดการเรียนการสอนให้นักเรียนหลายกลุ่ม ควรนำแผนการจัดการเรียนรู้ที่ปรับปรุงแล้ว ไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนกลุ่มอื่น ๆ ในเรื่องเดียวกัน สำหรับกรณีที่ผู้รับการนิเทศมีการจัดการเรียนการสอนกลุ่มเดียว ให้นำข้อเสนอแนะที่ได้รับ เป็นแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้อื่น ๆ ต่อไป
4. การประเมินผลการนิเทศ เป็นขั้นตอนที่ผู้นิเทศประเมินผลการนิเทศว่าเป็นอย่างไร มีปัญหาหรืออุปสรรคที่ทำให้
การดำเนินงานไม่ประสบผลสำเร็จหรือไม่ ควรปรับปรุง แก้ไขอย่างไร โดยผลจากการนิเทศประกอบด้วย ผลการตรวจสอบการออกแบบการจัดการเรียนรู้ พิจารณาจากแผนการจัดการเรียนรู้ และผลการตรวจสอบการจัดกระบวนการเรียนรู้ พิจารณาจากการนำแผนการจัดการเรียนรู้ไปใช้จัดกิจรรมใน ชั้นเรียน ผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศควรร่วมกันวิเคราะห์ผลการประเมินที่ได้ หาจุดเด่นเพื่อส่งเสริม ให้กาลังใจผู้รับการนิเทศ หาจุดที่ควรพัฒนาเพื่อวางแผน
ในการปรับปรุงในครั้งต่อไป
5. การสรุป รายงานผล ปรับปรุง และพัฒนา เป็นกิจกรรมที่ผู้นิเทศ นำข้อมูลที่เป็นผลจากการนิเทศมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ สรุปและรายงานผลการนิเทศ ของผู้รับการนิเทศเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เป็นรายบุคคลอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งเสนอประเด็นปัญหา อุปสรรคในการดำเนินงาน รวมถึง
ความพึงพอใจในการในการนิเทศ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับไว้เป็นประโยชน์ในการนิเทศครั้งต่อไป ทั้งนี้รูปแบบการสรุปและรายงานขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการนำผลของการนิเทศไปใช้ เช่น ในลักษณะของบทคัดย่อ รูปแบบงานวิจัย หรือ จัดทำเป็นสารสนเทศ เป็นต้น
ที่มา : หน่วยศึกษานิเทศก์ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน แนวทางการนิเทศการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) (หน้า 34-43)