ด้วยวิวัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และเครือข่ายสังคมออนไลน์ ที่ต่างก็บรรจบเข้าสู่ยุคหลอมรวมสื่อ เหล่านี้มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตและการสื่อสารของคนในสังคมอย่างมาก โดยเป็นข้อบ่งชี้ว่าสื่อหรือเครื่องมือสื่อสารที่ได้รับความนิยมในแต่ละช่วงเวลาจะมีอิทธิพลต่อความคิดของคน และเป็นปัจจัยที่กำหนดกรอบแนวคิดและความเข้าใจในการมองโลกในปัจจุบันของแต่ละคน และเมื่อเทคโนโลยีพัฒนาก้าวหน้าส่งผลให้เกิดเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัยมากขึ้น เช่น สมาร์ทโฟน (Smartphone) แท็บเล็ต (Tablet) เป็นต้น ซึ่งเครื่องสือสื่อสารยิ่งทันสมัยยิ่งทำให้การสื่อสารบนโลกออนไลน์สะดวกรวดเร็วมากขึ้นจนกลายมาเป็น โซเชียลมีเดีย (SocialMedia) เพราะสร้างให้เกิดโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) หรือเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มนุษย์ติดต่อสื่อสารกันด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยต่างๆ เกิดเป็นการสื่อสาร 2 ทางที่ฉับไว เกิดการแบ่งปันข้อมูลทุกประเภทอย่างรวดเร็ว โซเชียลมีเดีย จะมีแอปใหม่ ๆ และประสบการณ์ออนไลน์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ หากสามารถสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับเยาวชนได้มากเท่าไหร่เราก็จะสามารถสนับสนุนพวกเขาใช้สื่อไปในทางที่ถูกต้อง สร้างสรรค์และเป็นประโยขน์ต่อตนเองและสังคมได้มากขึ้นเท่านั้น
‘กรมสมเด็จพระเทพฯ’ ทรงงานผ่านออนไลน์ ทรงให้ความสำคัญ ‘ส่งเสริมวิทยาศาสตร์เด็ก’สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จออก ณ ห้องประชุม อาคารหอพระสมุดส่วนพระองค์ วังสระปทุม ทรงเปิดงานสัมมนาวิชาการ “ครบรอบ 10 ปี โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทยกับการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” โดยถ่ายทอดสดผ่านสื่อออนไลน์อิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ โดยเป็นการปรับรูปแบบในการจัดงานช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิค-19 โอกาสนี้ พระราชทานพระราชดำรัสเปิดการสัมมนาและทรงปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยกับการศึกษาเพื่อความยั่งยืน” ความตอนหนึ่งว่า “การฝึกให้เด็กมีอุปนิสัยช่างสังเกต เฝ้าค้นคว้าหาคำตอบของปัญหาด้วยตนเอง ตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทำให้เด็กเจริญเติบโตด้วยความเข้าใจสิ่งที่พบเห็นรอบตัวอย่างมีเหตุผล และมีวิจารณญาณ ทั้งอนุบาลและประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
“บางทีการที่จะไปเรียนในโรงเรียนไกลๆ พ่อแม่ก็จะเป็นห่วง ไม่สามารถกลับได้ก็ต้องอยู่โรงเรียนประจำ ทำให้ กศน.ก็จะขยายและไปสอนที่นั่น ก็จะเอาโครงการคล้ายๆ บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ไปสอนในระดับประถม เด็กมีวุฒิภาวะดีมาก และก็ช่างสังเกตเกี่ยวกับเรื่องป่าไม้ เกี่ยวกับเรื่องสิ่งรอบตัวเราดีมาก” (https://www.matichon.co.th/court-news/news_2625701)
โรงเรียนบ้านหัวดอยได้เห็นความสำคัญดังกล่าว จึงมีความต้องการให้นักเรียนได้มีโอกาสในการเข้าถึงข้อมูล เร่งส่งเสริมทักษะการใช้เทคโนโลยี เพื่อเป็นฐานอาชีพที่เหมาะสมและสอดคล้องกับตลาดแรงงานปัจจุบัน การส่งเสริมให้นักเรียนก้าวไปสู่พลเมืองดิจิทัล (Digital Thailand ) จำเป็นอย่างยิ่งที่นอกจากจะเร่งสร้างทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล สร้างโอกาสในการเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร ทั้งด้านวิทยาศาสตร์ และทำให้เกิดความเข้าใจในเรื่องเทคโนโลยีเกิดใหม่ที่สำคัญ เช่น คลาวด์ อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things) ที่ทำให้ชีวิตในรูปแบบสมาร์ท พร้อมก้าวสู่สังคมดิจิทัล ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในทุกกลุ่มวัย อีกทั้งยังมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งสร้างทักษะและความตระหนักรู้ถึงประโยชน์และโทษ ตลอดจนการใช้งานอย่างสร้างสรรค์ และรับผิดชอบต่อสังคม สมาชิกของโลกออนไลน์ คือ ทุกคนที่ใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตบนโลกใบนี้ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ อายุ ภาษา และวัฒนธรรม พลเมืองดิจิทัลจึงต้องเป็นพลเมืองที่มีความรับผิดชอบ มีจริยธรรม เห็นอกเห็นใจและเคารพผู้อื่น มีส่วนร่วม และมุ่งเน้นความเป็นธรรมในสังคม ด้วยการเตรียมตัวก้าวเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 เราจึงร่วมกันส่งเสริมให้เกิดทักษะพื้นฐานและทักษะเฉพาะทาง เพื่อเป็นทางเลือกในการค้นหาและพัฒนาตนเอง เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนมีแนวทางสำหรับการวางแผนการศึกษาต่อ หรือเพื่อประกอบอาชีพที่เหมาะสมให้สอดคล้องกับตลาดแรงงานปัจจุบัน
.........................
การส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองผ่านการ Online วิธีและขั้นตอนการดำเนินงานประกอบด้วยฐานการเรียนรู้ ดังนี้
กระบวนการเรียนรู้ เรื่องส่งเสริมการเรียนรู้วิยาศาสตร์ข้อมูล
กระบวนการเรียนรู้ เรื่อง สิทธิความรับผิดชอบและการเข้าถึงสื่อดิจิทัล
กระบวนการเรียนรู้ เรื่อง ความเข้าใจสื่อดิจิทัลและแนวปฏิบัติสังคมดิจิทัล
กระบวนการเรียนรู้ เรื่อง สุขภาพดียุคดิจิทัล
กระบวนการเรียนรู้ เรื่อง ความปลอดภัยและกฎหมายดิจิทัล
กิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ PLC ทำงานร่วมกันด้วยระบบ One note Online ภายใต้ SCHOOL OFFICE365