แนวทางการดำ เนินงาน
ความเสมอภาคระหว่างเพศ (Gender Equality)
การมีส่วนส่วนร่วร่วมของคนพิพิการ (Disability Inclusion)
การมีส่วส่วนร่ววร่วมของทุกกลุ่ม ในสัง สังคม (Social Inclusion)
ความเชื่อมโยงกับนโยบายสากล
เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG)
ปฏิญญาเซนไดเพื่อลดความเสี่ยงภัยพิบัติ
ความตกลงปารีส (Paris Agreement)
ยุทธศาสตร์การเรียนอย่างปลอดภัย Safe to Learn
...............................................................................
หลักการ
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2567 นายกรัฐมนตรีเสนอว่าตามที่คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2542 เรื่องการปรับปรุง แก้ไข หรือยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการจัดเวรรักษาการณ์ประจำสถานที่ราชการ กำหนดให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐจัดให้มีเวรรักษาการณ์ประจำสถานที่ราชการ หรือหน่วยงานนอกเวลาราชการ และในวันหยุดราชการ พบว่า ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมามีครูและบุคลากรทางการศึกษาเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการที่ต้องมาปฏิบัติหน้าที่เวรรักษาการณ์ ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง ประกอบกับปัจจุบันมีบุคคลและเครื่องมือต่าง ๆ ที่สามารถนำมาใช้ช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยของสถานที่ราชการหรือหน่วยงานของรัฐแทนได้ เช่น การใช้พนักงานรักษาความปลอดภัย การจ้างเอกชนให้บริการดูแลรักษาความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อย การติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดนอกจากนี้ การให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาอยู่เวรรักษาการณ์ในสถานศึกษายังอาจเป็นการกำหนดหน้าที่ ที่ เพิ่มความเสี่ ยงให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยไม่จำเป็นและคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ โดยให้สถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการทุกแห่ง ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อ วันที่ 6 กรกฎาคม 2542 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความตระหนักในสวัสดิภาพของครูและบุคลากรทางการศึกษา และให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินของทางราชการ ซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลของสถานศึกษา จึงกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยในสถานที่ราชการ : กรณียกเว้นการปฏิบัติหน้าที่ครูเวรในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ขึ้น
วัตถุประสงค์
เพื่อให้สถานศึกษาใช้เป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยในสถานที่ราชการ : กรณียกเว้นการปฏิบัติหน้าที่ครูเวรในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เพื่อให้สถานศึกษาปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2567 อย่างเคร่งครัด
เพื่อให้ความปลอดภัยต่อสวัสดิภาพของครูและบุคลากรทางการศึกษา
เพื่อให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยในสถานที่ราชการ
ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
หนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร.02006/ว 107 ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2542 เรื่อง การปรับปรุง แก้ไข หรือยกเลิกการจัดเวรรักษาการณ์ประจำสถานที่ราชการ
หนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร 0505/ว 37 ลงวันที่ 25 มกราคม 2567 เรื่อง การดูแลรักษาความปลอดภัยในสถานที่ราชการ
หนังสือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ด่วนที่สุด ที่ ศ5 04001/ว 545 ลงวันที่ 25 มกราคม 2567 เรื่อง การดูแลรักษาความปลอดภัยในสถานที่ราชการ
หนังสือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ด่วนที่สุด ที่ ศธ 04001/ว 546 ลงวันที่ 25 มกราคม 2567 เรื่อง การดูแลรักษาความปลอดภัยในสถานที่ราชการ
หนังสือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ด่วนที่สุด ที่ ศธ 04001/ว 572 ลงวันที่ 26 มกราคม 25'67 เรื่อง ซักซ้อมความเข้าใจในการดูแลรักษาความปลอดภัยในสถานที่ราชการ
ตัวชี้วัดความสำเร็จ
สถานศึกษาปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2567 อย่างเคร่งครัด
สถานศึกษาสามารถนำมาตรการรักษาความปลอดภัยในสถานที่ราชการไปปรับใช้ให้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษาในแต่ละพื้นที่
ครูและบุคลากรทางการศึกษามีสวัสดิภาพที่ดี
สถานศึกษาให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยในสถานที่ราชการ
มาตรการรักษาความปลอดภัยสถานศึกษา
มาตรการด้านกฎหมาย สถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานต้องปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2567 อย่างเคร่งครัด
มาตรการด้านเครือข่ายและการสร้างความร่วมมือ
ระดับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา/สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ
ประสานเครือข่ายและสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ระดับจังหวัด และระดับอำเภอ ได้แก่ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง เช่น เจ้าหน้าที่ปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ทหาร เพื่อร่วมกันกำหนดวิธีการจัดเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของสถานศึกษาในสังกัด ทั้งในเวลาราชการ และนอกเวลาราชการตามความจำเป็นและเหมาะสม
จัดประชุมผู้บริหารสถานศึกษาเพื่อสร้างความเข้าใจและสร้างความร่วมมือให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2567
ส่งเสริมความเข้มแข็งในการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนนักศึกษา (พสน.) ในการสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ชุมชน ผู้ปกครองร่วมกันออกตรวจพื้นที่จุดเสี่ยง จุดอับต่าง ๆ
ระดับสถานศึกษา
ประสานเครือข่ายและสร้างความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ระดับตำบล หมู่บ้าน ชุมชน ได้แก่ เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง เจ้าหน้าที่ปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ทหาร เพื่อร่วมกันกำหนดวิธีการจัดเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยของสถานศึกษา ทั้งในเวลาราชการและนอกเวลาราชการ ตามความจำเป็นและเหมาะสม
จัดประชุมครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาเพื่อสร้างความเข้าใจและสร้างความร่วมมือในการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2567 และให้ยกเลิกการจัดเวรรักษาการณ์ของสถานศึกษาโดยปราศจากเงื่อนไข
อำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนนักศึกษา (พสน.) ในการสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ชุมชน ผู้ปกครอง ร่วมกันออกตรวจพื้นที่จุดเสี่ยง จุดอับต่าง ๆ ภายในสถานศึกษา
มาตรการด้านการใช้เทคโนโลยีเสริมสร้างความปลอดภัย
ระดับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา/สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ
ส่งเสริม สนับสนุน และสร้างการรับรู้การนำกล้องวงจรปิดหรืออุปกรณ์เสริมสร้างความปลอดภัยประเภทต่าง ๆ เช่น ระบบสัญญาณเตือนภัย มาใช้ในสถานศึกษาทดแทนการใช้ครูและบุคลากรทางการศึกษาให้กับสถานศึกษาในสังกัดทุกแห่ง
ระดับสถานศึกษา
จัดหาและนำกล้องวงจรปิดหรืออุปกรณ์เสริมสร้างความปลอดภัยประเภทต่าง ๆ มาใช้ในสถานศึกษาทดแทนการใช้ครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เพียงพอและครอบคลุม
มาตรการด้านแผนการรักษาความปลอดภัย
ระดับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จัดทำแผนการรักษาความปลอดภัย แผนเผชิญเหตุ และให้มีคู่มือในการปฏิบัติงานที่สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา ตามที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา/สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษกำหนด และให้สถานศึกษาดำเนินการสำรวจและตรวจสอบการรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับสถานที่ จัดให้มีการประชุมบุคลากรในสถานศึกษา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชุมชน เพื่อจัดทำแผนการรักษาความปลอดภัยแผนเผชิญเหตุและให้มีคู่มือในการปฏิบัติงาน ควรประกอบไปด้วย
ความมุ่งหมาย มีแผนผัง กำหนดขอบเขต การฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุ
มาตรการการควบคุม กำหนดพื้นที่ของการควบคุมบุคคล ยานพาหนะ วัตถุที่ผ่านเข้า - ออก ตลอดจนมาตรการควบคุมความเคลื่อนไหวระหว่างที่อยู่ในพื้นที่
ครื่องช่วยในการรักษาความปลอดภัย เช่น การป้องกันทางวัตถุ แสงสว่าง รั้ว และสัญญาณแจ้งเหตุ รวมถึงการติดตั้งกล้องวงจรปิด หรือระบบสัญญาณเตือนภัยประเภทต่าง ๆ และมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบตรวจสอบและรายงานผ่านระบบออนไลน์
หน่วยรักษาความปลอดภัยในสถานศึกษา การวางกำลัง การจัดทำคำแนะนำทั่วไป
การปฏิบัติในกรณีมีเหตุฉุกเฉินที่เกิดขึ้นกับบุคคลหรือกับสถานศึกษา เช่น การก่อวินาศกรรมการเกิดไฟไหม้ มีบุคคลภายนอกบุกรุก ฯลฯ
ข้อมูลสารสนเทศพื้นฐานในการติดต่อสื่อสาร ประสานงาน กับองค์กรหรือส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการประสานงานกับบุคคลภายนอกตามความเหมาะสม และความจำเป็น
ระบบการกำกับ ติดตาม และการร้ายงาน
การกำกับ ติดตาม และการรายงาน
ระดับสถานศึกษา สถานศึกษาให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยในสถานที่ ราชการ : กรณียกเว้นการปฏิบัติหน้าที่ครูเวรในสถานศึกษา และพร้อมรับการนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน แล้วแต่กรณีกรณีมีเหตุการณไม่ปกติให้รายงานเหตุหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาโดยเร็ว พร้อมทั้งแก้ไขเหตุหรือสถานการณ์ทันที
ช่องทางการติดต่อสื่อสาร
กรณีที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษา มีข้อสงสัยเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยในสถานที่ราชการ : กรณียกเว้นการปฏิบัติหน้าที่ครูเวรในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีความคับข้องใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือร้องทุกข์ ร้องเรียนได้ที่
Line Openchat : https://shorturl.at/bjyTU หรือ QR Code
ประธานคณะทำงานจัดทำมาตรการรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการ โทร. 163 893 6235
คณะทำงานและเลขานุการจัดทำมาตรการรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการ โทร. 089 936 0599
กลุ่มส่งเสริมและพัฒนากองทุนการศึกษา กองงานเลขานุการคณะทำงานจัดทำมาตรการรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการ โทร. 02 288 5570
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พิจารณาให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต และสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ แจ้งสถานศึกษาในสังกัดปฏิบัติตามมาตรการและแนวทางการแก้ไขปัญหาเหตุการณ์ทะเลาะวิวาท และการใช้ความรุนแรงภายในโรงเรียน โดยใช้มาตรการ 3 ป (ป้องกัน ปลูกฝัง ปราบปราม) แก่นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ดังนี้
ป้องกัน
1.1 ปิดช่องว่าง ปรับพื้นที่เสี่ยง และแก้ไขมุมอับที่เป็นจุดเสี่ยง โดยดำเนินการดังนี้
1.1.1 ตั้งคณะกรรมการสารวัตรนักเรียนหรือนักเรียนจิตอาสาทำหน้าที่เดินตรวจความเรียบร้อยของอาคารเรียน มุมอับ พื้นที่เสี่ยงในช่วงเวลาหักกลางวัน ตัวอย่างเช่น
- นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (เวลา ๑๑.๐๐ - ๑๐.๕๐ น.)
- นักเรียนขั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (เวลา ๑๑.๕๐ - ๑๒.๔๐ น.)
1.1.2 ประสานงานผ่านวิทยุสื่อสารระหว่างสารวัตรนักเรียนหรือนักเรียนจิตสาอา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและครู เพื่อให้เข้าแก้ไขและรับเหตุได้อย่างรวดเร็ว
หมายเหตุ : เมื่อนักเรียนเดินตรวจพบเหตุทะเลาะวิวาท ให้แจ้งครูที่ดูแลหรือครูฝ่ายบริหารงานกิจการนักเรียนเพื่อมาระงับเหตุ ไม่ให้นักเรียนเข้าระงับเหตุด้วยตนเอง และนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาให้สถานศึกษานำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับช่วงวัยของนักเรียน
1.1.3 มอบหมายกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่ประจำแต่ละชั้นเรียนช่วยสอดส่องดูแลและสุ่มใช้ห้องน้ำร่วมกับนักเรียน โดยไม่ระบุเวลา
1.3.4 ติดหมายเลขประจำห้องน้ำเพื่อง่ายต่อการตรวจสอบและสุ่มเข้าใช้
ปลูกฝัง
2.1. ปลูกฝังนักเรียนผ่านกิจกรรมโดยดำเนินการ ดังนี้
2.1.1 เชิญนักจิตวิทยามาให้ความรู้ เรื่องการรับมือกับการใช้ความรุนแรง และเชิญนักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาร่วมกับกรมสุขภาพจิตอบรมให้ความรู้แก่นักเรียน
2.1.2 จัดกิจกรรมปลูกฝังนักเรียน โดยการฝึกกระบวนการคิด ให้มีความรู้ หันต่อสถานการณ์ และนำไปปรับใช้ในการพัฒนาตนเอง นักเรียนแต่ละระดับชั้นจะได้ชมคลิปวิดีโอ และทำใบงานโดยใช้กระบวนการ RCA (Root Cause Analysis) กิจกรรมการทบทวนที่เน้นการวิเคราะห์
2.1.3. กิจกรรมประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการใช้ความรุนแรง เช่น บอร์ดประชาสัมพันธ์บอร์ดนิเทศ ประชาสัมพันธ์กิจกรรมหน้าเสาธงโดยครูให้ความรู้ ข้อมูล ปัญหา และโทษที่เกิดจากการใช้ความรุนแรงและผลกระทบที่ตามมาจากเหตุการณ์การใช้ความรุนแรง เป็นต้น
3. ปราบปราม (เยียวยา/ช่วยเหลือ)
3.1 นักเรียนที่ถูกกระทำ
ด้านจิตใจ
สถานศึกษาร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประสานกรมสุขภาพจิตเพื่อติดตามช่วยเหลือดูแลและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด อย่างน้อยสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง จนกว่านักเรียนจะเข้าสู่สภาวะปกติทั้งนักเรียนและผู้ปกครอง
คณะผู้บริหารและคณะครูเยี่ยมติดตามนักเรียน เพื่อให้คำปรึกษาและเป็นกำลังใจ
ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้กับครอบครัวผู้ถูกกระทำทุราบเป็นระยะ ๆ
เชิญผู้ปกครองของนักเรียนคู่กรณี เข้าร่วมอบรมกับนักจิตวิทยาและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ทราบถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการใช้ความรุนแรงของนักเรียน พร้อมทั้งนำนักเรียนแสดงการขอโทษต่อนักเรียนและผู้ปกครองที่ถูกกระทำด้วยความจริงใจและสำนึกผิดในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หมายเหตุ : กรณีที่ไม่สามารถมาโรงเรียนได้ เนื่องจากสภาพจิตใจของนักเรียนไม่พร้อม เกิดความวิตกกังวลหวาดกลัว ให้ปรับวิธีการเรียน โดยให้นักเรียนสามารถเรียนแบบผสมผสานได้ (Hybrid Learning)
ด้านร่างกาย
สถานศึกษาช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลตามสมควร
ประสานโรงพยาบาลใกล้เคียงติดตามอาการทางด้านร่างกาย จนนักเรียนหายเป็นปกติ
3.2 นักเรียนผู้กระทำ
ด้านจิตใจ
ประสานนักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาร่วมกับครูแนะแนวเพื่อประเมินสภาพจิตใจและให้คำปรึกษา
คณะผู้บริหารและคณะครูเยี่ยมติดตามนักเรียน เพื่อให้คำปรึกษาในด้านผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นเช่น ทัศนคติจากคนรอบข้าง และกระแสสังคมทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน เป็นต้น
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของนักเรียนที่กระทำความผิดอันเนื่องมาจากพฤติกรรมการใช้ความรุนแรง ตัวอย่าง เช่น
นักเรียนทดลองสัมภาษณ์ผู้ปกครองที่เคยมีประสบการณ์ได้รับความสูญเสียจากการใช้ความรุนแรง เช่น บุตรได้รับบาดเจ็บหรือพิการจากการทะเลาะวิวาท โดยใช้วิธีจดบันทึกและทำรายงานเพื่อให้นักเรียนเข้าใจถึงความรู้สึกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
สถานศึกษาประสานกับโรงพยาบาลใกล้เคียงให้นักเรียนที่กระทำความผิดร่วมงานจืตอาสา ช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยที่ได้รับบวดเจ็บจากการใช้ความรุนแรง เก็บชั่วโมงจิตอาสา ครั้งละ ๒ ชั่วโมง จำนวน ๕ ครั้ง รวมทั้งหมด ๑๐ ชั่วโมง
หมายเหตุ : กรณีที่ไม่สามารถมาโรงเรียนได้ เนื่องจากสภาพจิตใจของนักเรียนไม่พร้อม เกิดความกังวลหวาดกลัว ให้ปรับวิธีการเรียน โดยให้นักเรียนสามารถเรียนแบนผสมผสวนได้ (Hybrid Learning)
*****ทั้งนี้ ให้สถานศึกษานำมาตรการและแนวทางดังกล่าวไปปรับใช้ให้เข้ากับบริบทและความเหมาะสม
ประสบการณ์การใช้งานภายใต้การควบคุมดูแลบน YouTube สำหรับบุตรหลานในช่วงก่อนวัยรุ่นคืออะไร
ตั้งค่าบัญชีที่มีการควบคุมดูแลสำหรับบุตรหลานในช่วงก่อนวัยรุ่น
การควบคุมและการตั้งค่าโดยผู้ปกครองสำหรับประสบการณ์การใช้งานภายใต้การควบคุมดูแลบน YouTube
เลือกการตั้งค่าเนื้อหาสำหรับประสบการณ์การใช้งานภายใต้การควบคุมดูแลสำหรับบุตรหลานในช่วงก่อนวัยรุ่น
บล็อกช่องสำหรับประสบการณ์การใช้งานภายใต้การควบคุมดูแลของบุตรหลานในช่วงก่อนวัยรุ่น
ส่วนความคิดเห็นของวิดีโอสำหรับบุตรหลานในช่วงก่อนวัยรุ่นที่ได้รับการควบคุมดูแล
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับบัญชีที่มีการควบคุมดูแลสำหรับบุตรหลานในช่วงก่อนวัยรุ่น
การรับชมวิดีโอที่มีการแสดงผลิตภัณฑ์แบบชำระเงิน การสนับสนุนจากสปอนเซอร์ และการแนะนำผลิตภัณฑ์
ข้อมูลสำหรับครีเอเตอร์เกี่ยวกับประสบการณ์การใช้งานภายใต้การควบคุมดูแลสำหรับเด็กในช่วงก่อนวัยรุ่น