การกำหนดผลลัพธ์การเรียนรู้มีกลยุทธ์ที่สำคัญดังนี้

1. ควรมาจากความต้องการของผู้เรียน ความต้องการของผู้ใช้บัณฑิต ปรัชญาของวิชาศึกษาทั่วไปและการเรียนรู้ ในระดับอุดมศึกษา

2. ต้องสอดคล้องกับคำอธิบายรายวิชาและต้องลงรายละเอียดถึงพฤติกรรมที่ผู้เรียนจะต้องแสดงออก ทั้งในระดับความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์

3. อาจกำหนดเป็นพฤติกรรมการเรียนรู้เพียง 1-2 พฤติกรรมที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน

4. ผลลัพธ์การเรียนรู้ในหมวดวิชาศึกษาทั่วไป  ควรเน้นการประเมินทักษะของผู้เรียนจากกิจกรรมการเรียนรู้ ACTIVE LEARNING

การกำหนดเป้าหมายของการประเมินมีรายละเอียดดังนี้

1. หากเป้าหมายของการประเมิน คือ FORMATIVE ASSESSMENTควรติดตาม ความก้าวหน้า โดยให้นิสิตนำเสนองานในแต่ละขั้นตอน สามารถทำได้ทั้งแบบทางการไม่ทางการ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินและให้ข้อมูลป้อนกลับแต่เพียงผู้เดียวหรือให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการประเมินตนเองหรือประเมินเพื่อน

2. หากเป้าหมายของการประเมิน คือ SUMMATIVE ASSESSMENT ควรตรวจให้คะแนนเมื่อโครงการเสร็จสิ้นแล้ว/ ประมวลผลสัมฤทธิ์ขั้นสุดท้าย โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินแต่เพียงผู้เดียว

กำหนดตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประเมิน เช่น ผู้สอน ผู้เรียน ผู้เชี่ยวชาญ หรือปราชญ์ชุมชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ ฯลฯ

กำหนดวิธีการประเมินและเกณฑ์การให้คะแนน เช่น การสอบถาม การถามตอบ การนำเสนอ การรายงานความก้าวหน้า การให้คะแนนตามเกณฑ์ประเมิน การให้ข้อมูลป้อนกลับ ฯลฯ

     ทั้งนี้การระบุเป้าหมายของการประเมินและเกณฑ์การให้คะแนน มีกลยุทธ์ที่สำคัญดังนี้

1. ควรใช้วิธีการการประเมินที่หลากหลาย และควรการประเมินจากผู้สอนหลายคนร่วมกัน เพื่อลดอคติในการประเมิน

2. เกณฑ์การให้คะแนน (Scoring Rubrics) ควรมีทั้งด้านความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะ โดยจำเป็นต้องกำหนดคำนิยามให้เข้าใจตรงกันทั้งผู้ประเมินและผู้ถูกประเมิน

3. กรณีที่เป็นผลงานที่เป็นนามธรรม อาจใช้เกณฑ์การให้คะแนนแบบ 0-1 ได้ แต่หากเป็นผลงานที่เป็นรูปธรรม อาจใช้เกณฑ์การให้คะแนนที่มีทศนิยม เพื่อที่จะสามารถประเมินรายละเอียดพฤติกรรมของผู้เรียนได้

4. การกำหนดตัวชี้วัด ต้องสอดคล้องตามเกณฑ์ประเมินที่กำหนดไว้ เช่น หากเกณฑ์การประเมินกำหนดว่า ผู้เรียนสามารถอธิบาย... ในตัวชี้วัดจำเป็นต้องมีรายละเอียดว่า ผู้เรียนสามารถระบุ... พร้อมอธิบายรายละเอียดได้อย่างถูกต้อง เป็นเหตุเป็นผล เป็นรูปธรรม

5. การเขียนรายละเอียดตัวชี้วัด ควรใช้คำที่กระฉับ ตรงประเด็น ครอบคลุม และต้องแปลผลออกมาเป็นเชิงปริมาณได้

6. ควรมีเกณฑ์การให้คะแนนพัฒนาการหรือความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของผู้เรียน สำหรับการประเมินผลแบบ Formative Assessment

7. เกณฑ์การให้คะแนน (Scoring Rubrics) ไปใช้ ผู้สอนควรได้ทดลองใช้แบบประเมินหรือเกณฑ์การให้คะแนนร่วมกันเพื่อให้ผู้สอนทุกท่านได้ทำความเข้าใจ และนำไปใช้ในทิศทางเดียวกัน

ระบุหลักฐานการเรียนรู้ในรูปแบบพฤติกรรมการเรียนรู้ และแหล่งทรัพยากรการประเมินผล เช่น ระดับการรู้คิด ระดับทักษะ ระดับคุณลักษณะ ที่สอดคล้องกับผลลัพธ์การเรียนรู้