Major Field: Teacher Training in Mechatronics and Robotics Engineering
ชื่อปริญญานิพนธ์ :การพัฒนาระบบวิเคราะห์ข้อมูลการผลิตของเครื่องตัดไม้ด้วยฐานข้อมูลคลาวด์ (Development of data analysis for automatic wood cutting machine with cloud database)
ผู้จัดทำ : นายคณาธิป จำนงค์ และ นางสาวนันทวรรณ ชาญขุนทด
อาจารย์ที่ปรึกษาปริญญานิพนธ์หลัก : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สรรพงศ์ ทานอก
บทคัดย่อ
ปริญญานิพนธ์นี้เป็นการพัฒนาโปรแกรมเพื่อคำนวณข้อมูลการผลิตเครื่องตัดไม้ด้วยฐานข้อมูลคลาวด์ เพื่อคำนวณกำลังการผลิตและประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักร และแสดงผลบนแดชบอร์ด (Dashboard) ผ่านระบบไอโอที (IoT) โปรแกรมที่พัฒนาสามารถคำนวณกำลังการผลิตได้ 8 พารามิเตอร์ ได้แก่ กำลังการผลิต กำลังการผลิตต่อเดือน กำลังการผลิตที่มีประสิทธิภาพ เปอร์เซ็นต์ภาระงาน ประสิทธิภาพของเครื่องจักร ประสิทธิผลการผลิต ผลิตภาพของเครื่องจักร ผลิตภาพของวัตถุดิบ และสามารถคำนวณค่าประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักร อีก 4 พารามิเตอร์ ได้แก่ อัตราการเดินเครื่องจักร ประสิทธิภาพการเดินเครื่องจักร อัตราคุณภาพ และประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักร
ในการทดลองเลือกใช้รางสไลด์แทนเครื่องตัดไม้จริง โดยทำการทดสอบรางไสลด์ 5 ครั้ง ที่ 2.5 นาที 3 นาที และ 3.5 นาที ผลปรากฏว่า ที่ 2.5 นาที มีค่าความคลาดเคลื่อนเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.27 ที่ 3 นาที ร้อยละ 1.04 และที่ 3.5 นาที ร้อยละ 0.99 และผลการทดลองเดินเครื่องตัดไม้เป็นเวลา 1 ชั่วโมง พบว่าการตัดที่ความเร็ว 3 นาที/ชิ้น โดยดูจากค่า ประสิทธิภาพของเครื่องจักร ที่ได้คือ 105.26 เปอร์เซ็นต์ซึ่งใกล้เคียงค่ามาตรฐานคือ 100 เปอร์เซ็นต์แต่การตัดที่ใช้ความเร็ว 3.5 นาที/ชิ้นมี ประสิทธิภาพต่ำกว่า 100 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่ 79.86 เปอร์เซ็นต์และการตัดที่ใช้ความเร็ว 2.5 นาที/ชิ้น มีประสิทธิภาพมากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่ 116.06 เปอร์เซ็นต์แต่การตัดที่มีการสูญเสียและ ขัดข้องมีประสิทธิภาพลดลงทั้ง 3 ความเร็ว ซึ่งโปรแกรมที่ออกแบบสามารถหาค่าพารามิเตอร์ทั้ง 12 ค่าได้เป็นอย่างดี
ชื่อปริญญานิพนธ์ :การประยุกต์ใช้อากาศยานไร้คนขับ เพื่อเก็บข้อมูลและประมาณผลผลิตการปลูกผักกาดหอมใบ (An application of Unmanned Aerial Vehicle for collecting data and forecasting a product of leaf lettuce planting)
ผู้จัดทำ : นายธนภูมิโสภณวสุ และ นายวรวิช พระนาม
อาจารย์ที่ปรึกษาปริญญานิพนธ์หลัก : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สรรพงศ์ ทานอก
บทคัดย่อ
โครงงานนี้เป็นการนําเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับเข้ามาประยุกต์ในการเก็บข้อมูลและประมาณค่าผลผลิตในการปลูกผักกาดหอมใบ ซึ่งได้ใช้ภาษาไพทอนในการพัฒนาอากาศยานไร้คนขับ การประมาณค่าผลผลิต และใช้ผักกาดหอมใบจําลองในการทดลองการเก็บข้อมูลทั้งหมด 8 ต้น ซึ่งจะติดตั้งบนแปลงผักจําลองสองชั้น ชั้นละ 4 ต้น ทําการเก็บข้อมูลเป็นความสูงของผักกาดหอมใบจําลอง จากทั้งหมด 4 ระยะการเจริญเติบโต จากกล้องอากาศยานไร้คนขับ และได้ทําการติดตั้งกล้อง Esp32-Cam เพื่อระบุตําแหน่งของอากาศยานไร้คนขับ กําหนดเส้นทางการเคลื่อนที่ โดยใช้หลักการ เดินตามเส้นทาง ใช้คิวอาร์โค้ดระบุการขึ้นบิน ลงจอด และระบุหมายเลขต้น นําภาพผักกาดหอมใบมาทําการประมาณค่าผลผลิตผ่านโปรแกรมที่ได้พัฒนา ซึ่งจะทําการประมาณค่าผลผลิตออกมาเป็น เปอร์เซ็นต์
ผลการทดลองพบว่าอากาศยานไร้คนขับสามารถเคลื่อนที่ตามเส้นได้ สามารถใช้กล้องอากาศ ยานไร้คนขับจับความสูงของผักกาดหอมใบ โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนของความกว้างและความสูงที่± 0.1 cm และนําภาพจากกล้องอากาศยานไร้คนขับมาทําการประมาณค่าผลผลิตผ่านโปรแกรมที่พัฒนา ซึ่งโปรแกรมสามารถประมาณค่าผลผลิตออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ระบุความสูง อ่านคิวอาร์โค้ดระบุต้นที่ผ่านเกณฑ์ ไม่ผ่านเกณฑ์ และต้นที่ตายได้
ชื่อปริญญานิพนธ์ :ชุดทดลองระบบมวลสปริงแบบเชิงเส้น (Rectilinear Plant)
ผู้จัดทำ : นายเศรษฐ์จงดี และ นายวรพล คุ้มสุข
อาจารย์ที่ปรึกษาปริญญานิพนธ์หลัก : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชัยพร ศิลาวัชนาไนย
บทคัดย่อ
ปริญญานิพนธ์นี้นําเสนอชุดทดลองระบบมวลสปริงแบบเชิงเส้น เพื่อใช้ชุดทดลองเป็นสื่อ
ประกอบการสอนในหัวข้อการควบคุมของระบบ โดยชุดทดลองนี้ได้รับการออกแบบและพัฒนานี้ใช้ควบคุมตําแหน่งการเคลื่อนที่ของมวลสามารถตั้งค่าการทํางาน ปรับค่าพารามิเตอร์ของตัวควบคุมและสั่งงานผ่านส่วนต่อประสานกราฟฟิกกับผู้ใช้ได้ ชุดทดลองนี้ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงเป็นต้นกําลังโดยส่งแรงบิดผ่านกลไกสไลด์-ข้อเหวี่ยง เพื่อให้เกิดเคลื่อนที่แบบเชิงเส้น มีเซนเซอร์เอนโค้ดเดอร์ทําหน้าที่วัดระยะของรถ ขนมวล และใช้ตัวควบคุมพีไอดีเพื่อให้มวลเคลื่อนที่ไปยังตําแหน่งที่กําหนดได้อย่างถูกต้อง ด้านการใช้งานผู้ใช้งานสามารถกําหนดระบบทางกลโดยเพิ่มหรือลดมวลและสปริงได้อย่างอิสระ และเลือกลักษณะสัญญาณอ้างอิงได้ 2 รูปแบบ ได้แก่สัญญาณขั้นบันได หรือสัญญาณรูปคลื่นไซนูซอยด์ ดังนั้นผู้ใช้งานสามารถปรับค่าพารามิเตอร์ของตัวควบคุมให้เหมาะสม และสังเกตผลตอบสนองของระบบได้ ผลการประเมินความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญจํานวน 3 ท่าน ในส่วนโครงสร้างทางกลของชุดทดลอง และใบกิจกรรมประกอบชุดทดลอง ได้คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 4.48 อยู่ในเกณฑ์ความเหมาะสมระดับดี และค่า S.D. รวมอยู่ที่ 0.25 ถือว่าข้อมูลนั้นอยู่ในระดับไม่กระจายตัวมี
ความแตกต่างกันน้อยจึงแสดงให้เห็นว่าชุดทดลองมีคุณภาพที่สามารถนําไปใช้เป็นสื่อระกอบการเรียนการสอน
ชื่อปริญญานิพนธ์ :การออกแบบและสร้างระบบควบคุมด้วยชุดอุปกรณ์ทํางานแบบยืดหยุ่นในรูปแบบเชิงมุม (Development and Control of Rotary Series Elastic Actuator)
ผู้จัดทำ : ณัฐดนัย ศรประสิทธิ์ และ อัครินทร์ ดู่อุด,
อาจารย์ที่ปรึกษาปริญญานิพนธ์หลัก : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชัยพร ศิลาวัชนาไนย
บทคัดย่อ
โครงงานนี้เป็นการสร้างระบบควบคุมด้วยชุดอุปกรณ์ทํางานแบบยืดหยุ่นในรูปแบบเชิงมุมและระบบควบคุมที่ มีความสามารถในการชดเชยแรงหรือวัดแรงบิดได้ ในงานนี้ได้ทําการออกแบบระบบ ส่งกําลังที่มีชื่อเรียกว่าไซคลอยด์ไดรฟ์ (Cycloidal Drive) อัตราทด 120 : 1 เพื่อให้ได้แรงบิดของมอเตอร์เพิ่มมากขึ้นและการไม่มีช่องว่างระหว่างฟันเฟือง ทําให้มีส่วนช่วยในการควบคุมได้แม่นยํามากขึ้น อีกทั้งยังมีการออกแบบในส่วนระบบการทํางานแบบยืดหยุ่นให้เหมาะสมกับการประกอบเข้ากับแขนทดสอบแรง ซึ่งมีระบบควบคุมแบบพีไอดีที่ทําหน้าที่ในการควบคุมตําแหน่งและชดเชยแรง โดยใช้ค่าคงที่ของสปริงคูณกับอัตราการขยายเพื่อทําการชดเชยแรง ผลการทดลองของโครงงานนี้พบว่าการชดเชยแรงที่ใช้ค่าคงของสปริงนั้นสามารถชดเชยแรงได้และสามารถควบคุมแขนทดสอบแรงได้ตรงตามองศาที่กําหนด จะมีค่าความคลาดเคลื่อนเฉลี่ยอยู่ที่ ±0.6 องศา เมื่อนํามาเปรียบเทียบกับการควบคุมแบบไม่มีการชดเชยแรงจะมีค่าความคาดเคลื่อนเฉลี่ยอยู่ที่ ±1.4 องศา จะเห็นได้ว่าการควบคุมแบบชดเชยแรงมีความแม่นยํามากขึ้น 56.7 เปอร์เซ็นต์ และจากการทดลองพบว่าค่าคงที่ของสปริงนั้นจะเปลี่ยนไปตามระยะที่เปลี่ยนแปลงของสปริง ซึ่งมีผลในการชดเชยแรงจึงควรที่เลือกใช้หรือหาค่าคงที่ของสปริงที่เปลี่ยนแปลงในรูปแบบเชิงเส้นเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุม
ชื่อปริญญานิพนธ์ : การพัฒนาโมดูลปัญญาประดิษฐ์ เพื่อใช้งานควบคู่กับพีแอลซี (Development of AI Modules for Usage With PLC)
ผู้จัดทำ : นางสาวปวันรัตน์ จินากุลวิพัฒน์ และ นางสาวสุดารัตน์ ใจน้อย
อาจารย์ที่ปรึกษาปริญญานิพนธ์หลัก : รองศาสตราจารย์ ดร.วัชรินทร์ โพธิ์เงิน
บทคัดย่อ
โครงงานนี้เป็นการพัฒนาโมดูลปัญญาประดิษฐ์ เพื่อใช้งานควบคู่กับพีแอลซี มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มฟังก์ชันในด้านปัญญาประดิษฐ์ให้กับพีแอลซี และเน้นนำไปใช้งานทางด้านการตรวจจับวัตถุ (Object Detection) เพื่อจำแนกวัตถุบนสายพานลำเลียง โดยได้ทำการทดลองการตรวจจับวัตถุ 3 ชนิด ได้แก่ Milo, Honey Crunch และ Honey Stars ที่มีการบดบังวัตถุเป็น 0, 25, 50 และ 75 เปอร์เซ็นต์ เพื่อหาค่าเฉลี่ยความแม่นยำในการตรวจจับวัตถุ พบว่าที่การบดบังวัตถุ 0 เปอร์เซ็นต์มีค่าเฉลี่ยความแม่นยำมากที่สุดและที่การบดบังวัตถุ 75 เปอร์เซ็นต์มีค่าเฉลี่ยความแม่นยำน้อยที่สุด และจากผลการทดลองการหาค่าเฉลี่ยความแม่นยำในการตรวจจับวัตถุของโมดูลปัญญาประดิษฐ์เปรียบเทียบกับการจับคู่แม่แบบ พบว่าการตรวจจับวัตถุด้วยโมดูลปัญญาประดิษฐ์นั้น มีประสิทธิภาพมากกว่าการตรวจจับวัตถุด้วยการจับคู่แม่แบบ นอกจากนี้ยังมีการทดลองนำโมดูลปัญญาประดิษฐ์ ไปใช้งานร่วมกับพีแอลซีในการจำแนกวัตถุ 3 ชนิด บนสายพานลำเลียงโดยไม่มีการบดบังวัตถุ ที่ความเร็วของสายพานลำเลียงต่างกัน ได้แก่ 0.11 และ 0.16 m/s เพื่อหาเปอร์เซ็นต์การทำงาน ในการส่งข้อมูลของระบบ พบว่าที่ความเร็วของสายพานลำเลียงเป็น 0.11 m/s (มีเปอร์เซ็นต์ การทำงานในการส่งค่าเฉลี่ยเท่ากับ 82.5%) ส่วนที่ความเร็วของสายพานลำเลียงเป็น 0.16 m/s (มีเปอร์เซ็นต์การทำงานในการส่งค่าเฉลี่ยเท่ากับ 75%)
ชื่อปริญญานิพนธ์ : การพัฒนาโรงเรือนปลูกพืชไฮโดรโปนิกส์ระบบปิดอัตโนมัติ
(Development of an automatic closed system for hydroponics greenhouses)
ผู้จัดทำ : นายรณชัย เพียช่อ และ นายเพียว กล้ากระโทก
อาจารย์ที่ปรึกษาปริญญานิพนธ์หลัก : รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย หอวิมานพร
บทคัดย่อ
เนื่องจากปัจจุบันภาครัฐมุ่งเน้นการพัฒนาทางด้านอุตสาหกรรมการเกษตรและบริโภคผักที่ ปลอดสารพิษ แต่เนื่องจากการปลูกพืชในดินนั้นจะมีปัญหาเกี่ยวกับโรคที่มากับดิน เช่น เชื้อรา พยาธิในดิน นอกจากนี้ยังมีผลกระทบที่มาจากฝน เนื่องจากฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลอาจทำให้พืชผักขาดน้ำและการให้แสงแก่พืชก็เป็นสิ่งที่สำคัญเพราะมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช เนื่องจากแสงที่ได้จากธรรมชาติอาจไม่เพียงพอสำหรับพืชเพราะบางวันแสงน้อยบางวันแสงมาก ผู้จัดทำได้ทำการสร้างโรงเรือนปลูกพืชไฮโดรโปนิกส์ระบบปิดอัตโนมัติด้วยอัลกอริทึมในการทำนายการให้แสงและสารละลายธาตุอาหารกับผักสลัดเรดโอ๊คและผักสามารถเจริญเติบโตได้โดยการกำหนดการเจริญเติบโตของพืช 3 อย่างคือ เฉดสีแดงของใบผัก พื้นที่ของใบผัก และความสูงของผัก เพื่อเป็นอินพุต ที่กำหนดให้อัลกอริทึมทำนาย การให้แสงและสารละลายธาตุอาหารและนำผลจากการทำนายไปปลูกผักและมีการใช้กล้องเพื่อเก็บ การเจริญเติบโตของพืช 1. เก็บเฉดสีแดงของใบผัก 2. เก็บพื้นที่ของใบผัก 3. เก็บความสูงของผัก
โดยปลูกผักทั้งหมด 12 ต้นภายในโรงเรือนแบ่งเป็น 3 ชั้นแต่ละชั้นมีผัก 4 ต้นและในแต่ละชั้นมีกล้อง 2 ตัวเพื่อนตรวจสอบ เฉดสีของผัก พื้นที่ของผัก และความสูงของผัก เพื่อให้อัลกอริทึมทำนายการให้แสงและสารละลายในการปลูกผัก ทางผู้จัดทำได้ปลูกผักเพื่อเก็บข้อมูลการเจริญเติบโต โดยการปลูกเป็นการให้แสง อยู่ในช่วง 100-500 ลักซ์ (Lux) และสารละลายค่าความเป็นกรด-เบส (PH) อยู่ในช่วง 5.7-7.5 ใช้เวลาในการปลูกเพื่อเก็บข้อมูลการเจริญเติบโตทั้งหมด 20 วันจากการเก็บข้อมูลการเจริญเติบโต เพื่อนำไปเรียนรู้ให้กับอัลกอริทึมข้อมูลที่ได้เป็นข้อมูลที่เป็นรูปภาพผักจากการถ่ายภาพผัก 3 วันสุดท้ายก่อนการเก็บเกี่ยวแล้วนำภาพไปประมวลผลภาพในโปรแกรม MATLAB เพื่อคัดแยกเฉดสีแดงของใบผัก พื้นที่ของใบผัก และความสูงของผัก ออกจากตัวภาพข้อมูลที่ได้เป็นข้อมูลเชิงตัวเลขทั้งหมด 58 ข้อมูลไปเรียนรู้ให้กับอัลกอริทึมแล้วนำข้อมูลที่ได้มาเขียนโปรแกรมในการทำนายการให้แสงและสารละลาย ธาตุอาหารกับผักสลัดเรดโอ๊คจากผลการทำนายการให้แสงและสารละลาย ผักสลัดเรดโอ๊คมีแนวโน้มในการเจริญเติบโตค่อนข้างมีแนวโน้มใกล้เคียงกับความต้องการของข้อมูลอินพุตที่ตั้งไว้และมีค่าความผิดพลาดที่สามารถยอมรับได้
ชื่อปริญญานิพนธ์ : เครื่องถอดหัวเข็มอัตโนมัติ
(Automatic needle head machine)
ผู้จัดทำ : นายรณชัย เพียช่อ และ นายเพียว กล้ากระโทก
อาจารย์ที่ปรึกษาปริญญานิพนธ์หลัก : รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย หอวิมานพร
บทคัดย่อ
โครงงานนี้เป็นการพัฒนาต้นแบบเครื่องถอดหัวเข็มอัตโนมัติเพื่อช่วยในการจัดการกับเข็มฉีดยาที่ใช้แล้ว เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานหากใช้เข็มฉีดยาแล้วเกิดอุบัติเหตุ หนึ่งนั้นคือแมชชีนวิชั่น ที่เป็นการนำกล้องเข้ามาช่วยในงานต่าง ๆ การตรวจจับตำแหน่งของวัตถุในกล้องแต่ละตัวมี ค่าความผิดเพี้ยนของกล้อง เป็นที่มาของโครงงานที่นำกล้องเว็บแคม ธรรมดามาทำให้กล้องนั้นมี ความแม่นยำมากขึ้นโดยใช้อัลกอริทึมเข้ามาช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพของกล้องให้มากขึ้น โดยนำมาใช้กับเครื่องถอดหัวเข็มอัตโนมัติ โดยผลการทดลองพื้นที่ของถาดวางเข็มฉีดยามีขนาด 15x15 เซนติเมตร ได้ผลการเปรียบเทียบตำแหน่งแกน x, y ของเข็มฉีดยาไม่ผ่านอัลกอริทึม ค่าเฉลี่ยผิดพลาดที่ตำแหน่งแกน x เท่ากับ 16.17% และแกน y เท่ากับ 3.65% ส่วนฟัซซีลอจิกค่าเฉลี่ยผิดพลาดที่ตำแหน่งแกน x เท่ากับ 4.93% และแกน y เท่ากับ 6.44% ส่วนนิวรอนค่าเฉลี่ยผิดพลาดที่ตำแหน่งแกน x เท่ากับ 2.31% และแกน y เท่ากับ 3.48% ส่วนนิวโรฟัซซีค่าเฉลี่ยผิดพลาดที่ตำแหน่งแกน x เท่ากับ 2.02% และค่าผิดพลาดที่เกิดตำแหน่งแกน y เท่ากับ 2.00% โดยสรุปได้ค่าผิดพลาดที่อัลกอริทึมที่น้อยสุด คืออัลกอริทึมนิวโรฟัซซี ผลการถอดหัวเข็มแบบปรับเทียบอัลกอริทึมต่าง ๆ ตำแหน่งแกน x, y โดยที่ได้ตำแหน่งของเข็มฉีดยามาทั้งหมดตำแหน่งสามารถถอดหัวเข็มได้ 100%
ชื่อปริญญานิพนธ์ : การศึกษาการประมวลผลภาพเพื่อตรวจจับตาไม้ สำหรับการผลิตกรอบรูปของเครื่องตัดไม้จำลองอัตโนมัติ
(A study of the image processing for wood knot detection for picture frame production of an automatic wood-cutting machine)
ผู้จัดทำ : จิรโชค กุลชาติ และ มณีรัตน์ ฉัตรนอก
อาจารย์ที่ปรึกษาปริญญานิพนธ์หลัก : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สรรพงศ์ ทานอก
บทคัดย่อ
ปริญญานิพนธ์นี้เป็นการศึกษาการประมวลผลภาพเพื่อตรวจจับตาไม้สำหรับการผลิตกรอบรูปของเครื่องตัดไม้จำลองอัตโนมัติ การตรวจหาตาไม้ในปัจจุบันใช้มนุษย์ในการตรวจหาตาไม้ โดยตรวจดูไม้ทีละแผ่นและวัดขนาดตาไม้ว่ามีขนาดใหญ่เกินกำหนดหรือไม่ทำให้เสียเวลา เพื่อแก้ปัญหานี้จึงออกแบบโปรแกรมวิชวลสตูดิโอเพื่อประมวลผลภาพของตาไม้ โดยใช้ กล้องเว็บแคมเป็นตัวจับตาไม้ โดยที่ท่อนไม้ 1 ท่อน มีความยาว 1000 มิลลิเมตร ถ่ายด้วย กล้องเว็บแคมจำนวน 5 ภาพ แล้วนำภาพมารวมกันด้วยพาโนรามิคอัลกอลิทึมเพื่อรวมภาพไม้ ให้เป็นท่อนเดียว จากนั้นนำเข้ากระบวนการปรับปรุงภาพ และตรวจหาตาไม้
ผลการศึกษาพบว่าพาโนรามิคอัลกอลิทึมสามารถผสานภาพไม้ทั้ง 5 ภาพ เข้าด้วยกันได้ โดยระยะเวลาที่ใช้ในการประมวลผลการต่อภาพต่อไม้ 1 ท่อน สำหรับภาพแบบอาร์จีบีเวลาเฉลี่ย อยู่ที่ 60.80 นาที และภาพแบบระดับสีเทาเวลาเฉลี่ยอยู่ที่ 57.62 นาที ส่วนการตรวจจับตาไม้ ใช้การตรวจจับด้วยคำสั่งระบุรูปร่างของวัตถุ (Blobs Counter) ทำการทดลอง 2 ครั้ง พบว่าค่าความคลาดเคลื่อนเฉลี่ยในแนวแกน X = 4.5 มิลลิเมตร และแนวแกน Y = 4.8 มิลลิเมตร
ชื่อปริญญานิพนธ์ : การพัฒนาประสิทธิภาพการเคลื่อนที่ของโมบายโรบอท
(Plant Factory With CO2 Control System)
ผู้จัดทำ : กวินท์ ศรีขวัญเมือง และ นพดล พลเพียร
อาจารย์ที่ปรึกษาปริญญานิพนธ์หลัก : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย หอวิมานพร
บทคัดย่อ
การออกแบบและสร้างการพัฒนาประสิทธิภาพการเคลื่อนที่ของโมบายโรบอทที่ใช้ล้อแมคคานัมในการเคลื่อนที่ไปในทิศทางต่าง ๆ โดยตัวล้อมีระบบการทำงานที่ต่างกันทำให้มีการเคลื่อนที่ มีค่าความผิดพลาดและคลาดเคลื่อนไปจากตำแหน่งที่ต้องการโดยในโครงงานนี้นำเสนอวิธีการเพื่อลดค่าความผิดพลาดในการเคลื่อนที่โดยมีระบบควบคุมอยู่ 2 ส่วน โดยส่วนที่ 1 การใช้กล้องเพื่อใช้ การประมวลผลภาพในการตรวจสอบและควบคุมตำแหน่งของโมบายโรบอท โดยมีการทดสอบ การทำงานในพื้นที่สี่เหลี่ยมขนาด 120 x 120 ซม. ได้ผลการทดลองพบว่า การใช้กล้องแบบไม่มีการลดค่าบิดเบือนได้ค่าความผิดพลาดเฉลี่ยในแกน X มีค่าเท่ากับ 19.31% และแกน Y มีค่าเท่ากับ 21.72% ส่วนการปรับเทียบเพื่อลดค่าบิดเบือนค่าความผิดพลาดเฉลี่ยในแกน X มีค่าเท่ากับ 18.88% และแกน Y มีค่าเท่ากับ 19.55% และการปรับเทียบกล้องร่วมกับระบบแบบคลุมเครือบนเครือข่ายแบบปรับตัวได้มีค่าความผิดพลาดเฉลี่ยในแกน X มีค่าเท่ากับ 0.19% และแกน Y มีค่าเท่ากับ 0.58% และส่วนที่ 2 คือการควบคุมความเร็วในการเคลื่อนที่ไปตามแนวแกนที่กำหนดโดยทำการทดสอบตามรูปแบบการเคลื่อนทั้งหมด 10 รูปแบบ และผลการทดลองของความเร็วการเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งเป้าหมายได้ผลการทดลองพบว่า แบบไม่มีระบบควบคุมค่าความผิดพลาดเฉลี่ยในแกน X เท่ากับ 14.17% และแกน Y เท่ากับ 19.9% ส่วนแบบพีไอดีมีค่าความผิดพลาดเฉลี่ยแกน X เท่ากับ 8.83% และแกน Y เท่ากับ 10.62% และแบบฟัซซีค่าความผิดพลาดเฉลี่ยแกน X เท่ากับ 17.01% และแกน Y เท่ากับ 15.82%
ชื่อปริญญานิพนธ์ : โรงงานปลูกพืชด้วยการควบคุมระบบก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
(Development Moving Efficiency of Mobile Robot)
ผู้จัดทำ : ศุภวิชญ์ หิรัญเนตร และ อภิพัฒน์ วรรณรัตน์
อาจารย์ที่ปรึกษาปริญญานิพนธ์หลัก : ผศ.ดร.ชัยพร ศิลาวัชนาไนย
บทคัดย่อ
ปริญญานิพนธ์นี้นําเสนอแบบโรงงานปลูกพืชที่มีการควบคุมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยมีการปลูกพืชผักสลัดภายในต้นแบบที่ปรับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสําหรับการเจริญเติบโตของพืชภายในมีการใช้หลอดไฟแอลอีดี (LED) แทนเสมือนแสงแดดของพระอาทิตย์ ติดตั้งระบบการไหลของอากาศเพื่อให้มีการรักษาความชื้นและอุณหภูมิในระดับที่เหมาะสม และใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์ควบคุมปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในโครงงานนี้มีการทดสอบโรงงานปลูกพืชปลูกผักสลัดสองสายพันธุ์ได้แก่ สายพันธุ์เรดโอ๊คและกรีนโอ๊ค ซึ่งมีอายุไม่เกิน 45 วัน และเปรียบเทียบการเจริญเติบโตระหว่างผลผลิตที่มีควบคุมปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ระหว่างปลูกกับผลผลิตที่ไม่มีการควบคุมผลการศึกษา พบว่า การปลูกพืชด้วยการควบคุมคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ สามารถเพิ่มผลผลิตของพืชได้มากกว่าการปลูกพืชในที่ปกติ โดยสายพันธุ์กรีนโอ๊คจะได้น้ําหนักเพิ่มขึ้น 8.34 กรัม คิดเป็น29.32% และเรดโอ๊คน้ําหนักเพิ่มขึ้น 62.45 กรัมคิดเป็น 205.16%