ผ้าไหมแพรวาไม่สิ้นศรีของดีกาฬสินธุ์
ผ้าไหมแพรวาไม่สิ้นศรีของดีกาฬสินธุ์
ผ้าไหมแพรวา เป็นการทอผ้าไหมที่มีภูมิปัญญาในการทอใช้วิธีการเก็บลายโดย การขิดลาย มีการทำลวดลายบนผนืผา้โดยการใช้นิ้วก้อยในการลว้งเกาะ ไม้หนึ่งเกาะ 2 เที่ยวเพื่อให้ลายนูน การทอลกัษณะนี้จะทำให้ลวดลายผา้ปรากฎอยู่ด้านล่าง ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ไดร้ับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ เดมิการทอผ้าแพรวาเพื่อใช้เป็นผ้าสไบ มีหน้ากว้าง 30 ยาว 250 เซนตเิมตร ใช้ครั่งเป็นสยี้อม สว่ นลวดลายต่างๆบนผืนผ้าแพรวาก็จะมีหลากหลาย โดยแบ่งเรียกตามลายหลกัในแต่ละช่องหรือที่ชาวบ้าน เรียกว่าดอกผ้าแพรวาแต่ละผืนจะมีจำนวนลายไม่เท่ากัน ยิ่งมีลวดลายมากก็จะยิ่งทำยากและใช้เวลาในการทอค่อนข้างนาน ซึ่งในแต่ละลายก็จะมีลายคั่นเป็นตัวคั่น
"ผ้าไหมแพรวา"ที่ "บ้านโพน"ชุมชนผู้ไทยแห่งหนึ่งในตำบลโพน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นชุมชนที่เต็มไปด้วยของดีประจำถิ่นซึ่งล้วนแล้วแต่มีคุณภาพในระดับประเทศ และเคยเผยแพร่ออกสู่ต่างประเทศในหลายโอกาส ประกอบกับอัธยาศัยไมตรีของผู้คน ภาษาพูดซึ่งใช้ภาษาผู้ไทยเป็นภาษาประจำถิ่น และการแต่งกายในแบบฉบับชาวผู้ไทยบ้านโพน ล้วนเป็นเอกลักษณ์เด่นที่ชูให้ชุมชนแห่งนี้กลายเป็นอีกหนึ่งชุมชนเปี่ยมเสน่ห์ที่น่ามาเยือน
“สไบไหมแพรวา” เป็นการทอผ้าไหมที่มีภูมิปัญญาในการทอใช้วิธีการเก็บลายโดย การขิดลาย มีการทำลวดลายบนผืนผ้าโดยการใช้นิ้วก้อยในการล้วงเกาะ ไม้หนึ่งเกาะ2 เที่ยวเพื่อให้ลายนูน การทอลักษณะนี้จะทำให้ลวดลายผ้าปรากฎอยู่ด้านล่าง ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ โดยมีการทอผ้าแพรวาเพื่อใช้เป็นผ้าสไบ มีหน้ากว้าง 30 ยาว 250 เซนติเมตร ใช้ครั่งเป็นสีย้อม ส่วนลวดลายต่างๆ บนผืนผ้าแพรวาก็จะมีหลากหลาย โดยแบ่งเรียกตามลายหลักในแต่ละช่องหรือที่ชาวบ้าน เรียกว่าดอกผ้าแพรวาแต่ละผืนจะมีจำนวนลายไม่เท่ากัน ยิ่งมีลวดลายมากก็จะยิ่งทำยากและใช้เวลาในการทอค่อนข้างนาน ซึ่งในแต่ละลายก็จะมีลายคั่นเป็นตัวคั่น