วัดป่ายางน้ำใส แรกเริ่มได้ก่อตั้งเป็นที่พักสงฆ์ ตั้งอยู่บนเนื้อที่สาธารณะประโยชน์ จำนวน 6 ไร่ จากนั้นทางวัดและชาวบ้านได้ร่วมกันบริจาคเงินซื้อที่ดินเพิ่มอีกจำนวน 15 ไร่ 3 งาน 73 ตารางวา รวมพื้นที่วัดทั้งสิ้น 21 ไร่ 3 งาน 73 ตารางวา ต่อมาคุณพ่อบุญ โพธิ์ไทร ได้ทำเรื่องขออนุญาตสร้างวัดขึ้นที่บ้านยางน้ำใสหมู่ที่ 7 ตำบล สตึก อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2544 และได้รับอนุญาตให้ตั้งเป็นวัดในพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2545 โดยมี พระครูสังวรศาสนกิจ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ฯ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2545 จนถึงปัจจุบัน

ในปีพุทธศักราช 2553 ได้ขอพระราชทานวิสุงคามสีมา และได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานวิสุงคามสีมา ตามประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 127 ตอนพิเศษ 42 ง ลงวันที่ 2 เมษายน 2553 ที่พระราชทาน ความกว้าง 30 เมตร ยาว 50 เมตร ในการก่อสร้างอุโบสถหลังนี้ ได้อาศัยแรงศรัทธาจากผู้ใหญ่บ้าน ญาติโยม ชาวบ้านยางน้ำใส ตลอดถึงข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ในเขตอำเภอสตึก อำเภออื่น ๆ และจากจังหวัดใกล้เคียงที่ได้ให้การช่วยเหลือในการก่อสร้าง จนเสร็จสิ้นในปี พุทธศักราช 2550 อุโบสถหลังนี้สร้างขึ้นตามแบบไทยประยุกต์ ตัวอาคารก่ออิฐ ถือปูน

หลังคาซีแพคโมเนีย เพดานกรุด้วยไม้มะค่าและไม้พะยูง ต้นเสาหุ้มด้วยไม้พะยูง พื้นปูด้วยหินแกรนิต พื้นยกระดับปูด้วยไม้ประดู่ หน้าต่าง ประตู ทำด้วยไม้พะยูงและไม้ประดู่ รอบนอกอุโบสถ เทพื้นคอนกรีต ใบเสมาเป็นหินทราย มีความสวยงาม เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 7.407,000 บาท (เจ็ดล้านสี่แสนเจ็ดพันบาท)

วัดป่ายางน้ำใสได้ประกอบพิธีผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต เมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2554 โดยมีนายยลยง มีพืชน์ นายอำเภอสตึก เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และมี พระธรรมวราภรณ์ (มนตรี คณิสสโร) วัดเครือวัลย์ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทมหานคร ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค 11 ฝ่ายธรรมยุต เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ เพื่อให้วัดป่ายางน้ำใสเป็นศูนย์รวมจิตใจ เป็นบุญยสถานที่แสดงบุญตามประเพณีของชาวพุทธศาสนิกชน อย่างสมบูรณ์ต่อไป

ศาลาแปดเหลี่ยม

วัดป่ายางน้ำใส นอกจากจะเป็นศาสนสถานและศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนแล้ว ยังเป็นสถานที่ศึกษาทางธรรมชาติอีกแห่งหนึ่ง เนื่องจาก วัดป่ายางน้ำใสเป็นสถานที่ ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้นานาพันธ์ และสัตว์ป่าเช่นกระรอก บ่าง และอื่น ๆ อีกมาก ๆ มีความร่มรื่นเหมาะสำหรับเป็นแหล่งศึกษาทางธรรมชาติในชุมชนและเป็นที่พักผ่อนสำหรับผู้ที่รักความสงบ