ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน ผู้ใหญ่วิบูลย์ต้องมีหนี้ล้นพ้นตัว เพราะมุ่งมั่นทำเกษตรเชิงธุรกิจที่ใช้การลงทุน การจ้างงาน และใช้ปุ๋ยเคมีเร่งผลผลิต ปลูกพืชเชิงเดี่ยวอย่างมันสำปะหลังเพื่อหวังร่ำรวย แต่ผลที่ได้กลับตรงกันข้าม คิดว่าจะรวยกลับล้มละลาย ที่ดินทำกินที่เคยมีกว่า 300 ไร่ ต้องขายใช้หนี้จนเหลือแค่ 10 ไร่เท่านั้น
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ผู้ใหญ่วิบูลย์เปลี่ยนแนวคิด หันมายึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้ชีวิตแบบเกษตรพึ่งพาตัวเองบนพื้นฐานของความรู้ความเข้าใจทรัพยากรรอบตัว ใช้สิ่งรอบข้างเป็นครูและนำความรู้จากพ่อที่เคยเป็นหมอพื้นบ้านมาปรับใช้ นำเรื่องการทำบัญชีครัวเรือนมาใช้ จนทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น
“วนเกษตร” เป็นการนำระบบการอาศัยหลักการเกื้อกูลกันของป่าธรรมชาติที่มีพืชต่างกัน 7 ระดับมาใช้เป็นแนวทางการปลูกพืช โดยให้ความสำคัญกับการปลูกไม้ยืนต้น ไม้ผล และไม้ใช้สอยเป็นองค์ประกอบหลัก ผสมผสานกับพืชขนาดเล็กที่ลดหลั่นกันลงมา รวมถึงพืชคุลมดิน พืชใต้ดิน และในน้ำด้วย ซึ่งสามารถใช้ดินน้ำอากาศและปุ๋ยร่วมกัน กลายองค์ประกอบที่สมบูรณ์ สร้างวงจรชีวิตทางธรรมชาติแบบพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
“วิธีนี้ทำให้เรามีกิน จากต้นไม้ที่ปลูกเพียงครั้งเดียวแต่มีกินตลอดเช่น ไม้ผลหรือผักพื้นบ้านที่แตกยอดใหม่ให้กินได้เรื่อยๆ ปลูกที่ชอบกินเป็นหลัก มีพืชผักสวนครัวอยู่รอบบ้าน มีนาปลูกข้าวไว้สำหรับกิน มีสมุนไพรเพื่อเป็นอาหารเป็นยา เรามีใช้จากไม้ที่เราปลูกเพื่อการใช้สอยทำประโยชน์โดยไม่ต้องไปตัดไม้ในป่า และเรายังมีหลักประกัน จากไม้ใหญ่ที่ปลูกเราไว้เป็นทุนสะสมไว้ใช้ยามฉุกเฉินหรือเมื่ออายุมากขึ้นจนทำงานไม่ไหว”
รูปภาพโดย วนเกษตร ศูนย์ศึกษาพัฒนาการสังคมหมู่บ้าน