ความเป็นมา พื้นที่ตำบลโสธรประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา แต่ทว่าจะมีชาวนาสักกี่คนที่ทำนาแล้วขายผลผลิตในแต่ละฤดูแล้วมีผลกำไรเป็นกอบเป็นกำ ยิ่งในยุคที่เศรษฐกิจไม่ดี สินค้าชนิดต่าง ๆ ทยอยขึ้นราคา ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง ด้วยเหตุนี้นายสุขุม คงสำราญ หรืออดีตผู้ใหญ่สุขุม เกษตรกรที่ยึดอาชีพทำนามาเกือบตลอดทั้งชีวิต ได้มองเห็นถึงวิกฤตที่จะเกิดขึ้นกับชาวนาไทย การทำนาที่หวังจะหาแต่ผลกำไรไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากการสังเกตของผู้ใหญ่สุขุม มองเห็นคนที่ทำนาในพื้นที่ตำบลโสธร คนปลูกข้าวทำไมไม่กินข้าวที่ตนเองปลูก จากคำตอบที่ได้คือ ไม่มีใครกล้านำข้าวที่ตนเองปลูกไปสีรับประทานกันในครัวเรือนเลย สีข้าวเพื่อนำไปเลี้ยงสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงในบ้านเท่านั้น จากคำถามดังกล่าวคำตอบที่ได้คือข้าวที่ชาวบ้านทำมีการฉีดพ่นยาฆ่าแมลงจำนวนมาก ชาวนาจึงไม่อยากกินข้าวที่ตนเองปลูก จากปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้น ผู้ใหญ่สุขุมจึงเกิดความคิดเรื่องการทำนาปลอดสารพิษ ประกอบกับในพื้นที่หมู่ 5 บ้านหุบใน ตำบลโสธร เป็นที่ตั้งของศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลโสธร ทำให้ผู้ใหญ่สุขุมเปลี่ยนการทำนาของตนเองในแบบเดิมๆ หันมาให้ความสำคัญ โดยการให้ธรรมชาติจัดการตัวของมันเอง เลิกการเผาตอซังฟางข้าวเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุในดิน จากเดิมเคยจับเครื่องพ่นยา ต้องหันมาจับสวิงโฉบหาแมลง เพื่อดูว่าแมลงที่เป็นอันตรายต่อข้าวจริงๆ แล้วมีมากพอที่จะใช้ยาฆ่าแมลงฉีดพ่นหรือไม่ จากการใช้ปุ๋ยเคมีก็หันมาใช้น้ำหมักชีวภาพที่ทำขึ้นใช้เอง ซึ่งได้นำความรู้จากการไปศึกษาดูงานจากเกษตรกรในพื้นที่ต่างๆ และการศึกษาทดลองหาความรู้ด้วยตนเองมาใช้อย่างจริงจัง การทำนาแบบปลอดสารไม่เผาฟางข้าว ทำให้ลดต้นทุนการผลิตและผลผลิตในนาก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปด้วยเลย ดังนั้นผู้ใหญ่สุขุมจึงพัฒนาศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตรประจำตำบลโสธร ให้เป็นแหล่งความรู้และให้คำแนะนำกับเกษตรกรในตำบลและประชาชนทั่วไป รวมถึงยังเป็นสถานที่ในการศึกษาดูงานของเกษตรกรและบุคคลทั่วไปด้วย