คุณค่าน้ำนมราชสีห์
น้ำนมราชสีห์ ชื่อวิทยาศาสตร์ Euphorbia hirta L. จัดอยู่ในวงศ์ยางพารา (EUPHORBIACEAE)
สมุนไพรน้ำนมราชสีห์ มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า น้ำนมราชสีห์ใหญ่, นมราชสีห์, ผักโขมแดง (ภาคกลาง), หญ้าน้ำหมึก (ภาคเหนือ, ไทลื้อ), หญ้าหลังอึ่ง (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน), ตะกราเหมาะ (กะเหรี่ยงแดง), บัดอะตอน (ปะหล่อง), ไต่ปวยเอี่ยงเช่า ปวยเอี้ยง (จีน) และเชื่อว่าอาจมีถิ่นกำเนิดอยู่ในอเมริกากลาง โดยมีเขตการกระจายพันธุ์กว้าง พบได้ทั่วไปในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนทั่วโลก สำหรับในประเทศไทยสามารถพบได้ทุกภาค โดยมักขึ้นตามที่รกร้าง ชายป่า ท้องนา และในพื้นที่โล่งจนถึงระดับความสูงประมาณ 1,200 เมตร
ลักษณะของน้ำนมราชสีห์
- ต้นน้ำนมราชสีห์ จัดเป็นพืชล้มลุกขนาดเล็กมีอายุเพียงปีเดียว มักพบขึ้นได้เองตามริมทาง ข้างถนน และตามที่รกร้างทั่วไป ลำต้นมีความยาวประมาณ 15-40 เซนติเมตร ลักษณะของลำต้นแตกกิ่งก้านสาขาจากโคนต้นใกล้ดินตั้งขึ้น หรือแผ่ออกไปรอบ ๆ ตามก้านมีสีแดงเรื่อ ๆ และมีขนสีน้ำตาลปนเหลือง มีน้ำยางสีขาวคล้ายน้ำนมไหลซึมหากนำมาหักก้านหรือเกิดบาดแผล ซึ่งเป็นที่มาของชื่อน้ำนมราชสีห์ และขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและการใช้กิ่งปักชำ
ใบน้ำนมราชสีห์
- ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงเป็นคู่ตรงข้ามกัน ลักษณะของใบเป็นรูปรี รูปไข่ รูปขอบขนาน หรือรูปรีแกมข้าวหลามตัดเบี้ยวเล็กน้อย ใบมีความกว้างประมาณ 0.25-2.5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 1-4 เซนติเมตร ปลายใบแหลมสั้น ส่วนฐานใบสอบเบี้ยวเล็กน้อย ส่วนขอบใบเป็นหยักเล็กแบบฟันเลื่อย ใบมีเส้นใบออกจากโคนประมาณ 3-5 เส้นในแต่ละข้าง ที่กลางใบจะมีจุดสีม่วงแดง ส่วนด้านล่างใบมีขนสีน้ำตาลอมเหลือง ส่วนหูใบเป็นรูปสามเหลี่ยม ยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร และก้านใบยาวประมาณ 1-3 มิลลิเมตร สีคล้ายกับลำต้น
ดอกน้ำนมราชสีห์
- ออกดอกเป็นช่อบริเวณง่ามใบ มี 1-6 ช่อ มีดอกจำนวนมากออกชิดกันแน่นเป็นกระจุกกลม ๆ ในช่อหนึ่ง ๆ จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร ดอกมีสีเขียวปนสีม่วงแดง ก้านดอกไม่มีหรือมีแต่สั้นมากประมาณ 0.5-1.5 เซนติเมตร ดอกย่อยเป็นแบบ Cyathium เรียงอัดกันแน่นแบบช่อกระจุกซ้อน มีประมาณ 20-50 ช่อ ในแต่ละ Cyathium ติดบนวงใบประดับเป็นรูปถ้วย มีความสูงประมาณ 0.8 มิลลิเมตร และมีต่อมขนาดประมาณ 0.1 มิลลิเมตร 4 ต่อม เป็นสีชมพู ต่อมมีรยางค์เป็นแผ่นสั้นแคบขนาดประมาณ 0.2-0.3 มิลลิเมตร ดอกติดภายใน Cyathium จะไม่มีกลีบดอกและกลีบเลี้ยง ดอกตัวผู้อยู่ด้านข้างมีหลายดอก โดยเกสรตัวผู้ลดรูปเหลือ 1 อัน ก้านเกสรสั้นติดบนก้านดอก ส่วนดอกตัวเมียมี 1 ดอก ติดอยู่ด้านบน มีรังไข่ 3 พู มีก้านสั้น ๆ ก้านเกสรอยู่ 3 อัน ยอดเกสรมีความยาวประมาณ 0.3 มิลลิเมตร ปลายแยกเป็น 2 แฉกตื้น ๆ และสามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี
ผลน้ำนมราชสีห์
- ผลมีลักษณะกลมแกมรูปสามเหลี่ยมหรือแบบแคปซูล มี 3 พู ยาวประมาณ 1.5 มิลลิเมตร มีขนสั้นนุ่ม และมีรอยแยก 3 รอย ส่วนก้านผลมีความยาวประมาณ 0.5 มิลลิเมตร ผลแห้งแล้วจะแตก มี 1 เมล็ดในแต่ละซีก เมล็ดมีขนาดเล็กผิวเรียบสีน้ำตาลแก่หรือสีแดง ลักษณะเป็นรูปรีและเป็นเหลี่ยมเล็กน้อย มีความยาวประมาณ 0.7 มิลลิเมตร
สรรพคุณของน้ำนมราชสีห์
1.ทั้งต้นใช้เป็นยาบำรุงกำลัง (ทั้งต้น)
2.ต้นนำมาต้มใช้เป็นยาเย็น (ต้น)ทั้งต้นมีรสฉุนเปรี้ยวและเย็นจัด ช่วยดับร้อน แก้พิษ แก้ชื้น (ทั้งต้น)
3.ช่วยแก้ธาตุพิการ (ต้น)
4.ช่วยแก้กษัย (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
5. ยางสดใช้ทารักษาโรคปากนกกระจอกได้ (ยาง, ทั้งต้น)
6.ทั้งต้นใช้เป็นส่วนประกอบของยารักษาโรคตานขโมย (ผอม พุงโร ก้นปอด) โดยนำมาใช้ต้มอาบ หรือจะใช้ต้นสดประมาณ 30 กรัม นำมาตุ๋นกับหมูประมาณ 120 กรัม รับประทาน (ต้น, ทั้งต้น)
7.ทั้งต้นใช้เป็นยาสงบประสาทและช่วยทำให้นอนหลับได้สนิท (ทั้งต้น)
8.ยางขาวใช้เป็นยาเกี่ยวกับประสาทความรู้สึก (ยาง)
9.ในอินเดียมีการใช้น้ำยางขาวมาหยอดตา เพื่อใช้รักษาเยื่อตาอักเสบ เป็นแผลที่กระจกตา (ยาง)
10.ช่วยแก้อาการปวดฟัน (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
11.ช่วยแก้ไข้มาลาเรีย (ต้น
12.ช่วยแก้ไข้ทำมะลา (มีอาการไข้ หมดสติ และตายโดยไม่ทราบสาเหตุ) ด้วยการใช้รากน้ำนมราชสีห์ผสมกับรากทับทิม รากส่องฟ้าดง และเดือยไก่ป่า ใช้ฝนกับน้ำกินและทา (ราก)
13.ช่วยลดไข้ ใช้เป็นยากินระหว่างที่เป็นไข้ (ราก)
14.รากและต้นสดช่วยแก้อาการไอ (ต้น, ทั้งต้น, ราก)
15.ช่วยแก้หืด แก้หืดไอ หายใจขัดเนื่องจากหืด (ต้น, ทั้งต้น) แก้หืดหอบ (ต้น)
16.น้ำต้มกับรากใช้กินเป็นยาช่วยทำให้อาเจียน ส่วนอีกข้อมูลระบุว่า รากใช้แก้อาเจียน (ราก)
17.ใบแห้งใช้ผสมกับดอกลำโพงแห้ง ใช้มวนเป็นบุหรี่สูบแก้อาการหอบหืด
18.ช่วยแก้อาการแพ้อากาศ (ต้น)
19.ช่วยแก้หลอดลมอักเสบเรื้อรัง (ต้น)
20.ช่วยแก้อาการปวดท้อง (ไม่ระบุส่วนที่ใช้) ฯลฯ
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของน้ำนมราชสีห์
1.ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ลดการอักเสบ มีฤทธิ์ต้านเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย และช่วยในการสมานแผล
2.สารสกัดเมทานอลของต้นน้ำนมราชสีห์มีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อ Bacillus cereus, Escherichia coli, Pseudomonas aeruginosa, Staphylococcus aureus และ Salmonella typhimurium โดยสามารถยับยั้งเชื้อ Bacillus cereus และ Pseudomonas aeruginosa ได้ดีที่สุด ส่วนสารที่สกัดด้วยน้ำของต้นน้ำนมราชสีห์จะมีฤทธิ์ยับยั้งเฉพาะเชื้อ Bacillus cereus ส่วนสารสกัดเมทานอลและสารสกัดน้ำของต้นน้ำนมราชสีห์มีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อเหมือนกัน คือ Bacillus cereus, Escherichia coli, Staphylococcus aureus และ Salmonella typhimurium โดยฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อที่ดีจะพบได้ในสารสกัดเมทานอลของต้นน้ำนมราชสีห์เล็ก
3.สารสกัดจากต้นมีฤทธิ์เป็นยาปฏิชีวนะต่อเชื้อ Staphylococcus
4.มีรายงานระบุว่า สารสกัดจากทั้งต้นไม่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรค แต่บางรายงานระบุว่ามีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อในความเข้มข้น 1:5 และ 1:60
5.สารสกัดจากต้นมีฤทธิ์ในการกดหัวใจ การหายใจ และทำให้กล้ามเนื้อหลอดลมคลายตัว ซึ่งจากผลการทดลองพบว่าต้นน้ำนมราชสีห์นี้ใช้ในกรณีกล้ามเนื้อเรียบหดตัว อย่างน้อยก็กล้ามเนื้อเรียบในระบบทางเดินหายใจ จึงทำให้หายใจได้ดีขึ้น ในกรณีที่หายใจติดขัดเนื่องจากหืดหรือเนื้อเยื่อพองบวม
6.สารสกัดจากต้นน้ำนมราชสีห์มีฤทธิ์ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบในหนูทดลอง ช่วยแก้ปวด กดประสาทส่วนกลาง ช่วยผ่อนคลายความกังวล ช่วยลดอาการท้องเสีย ลดอาการอักเสบในสัตว์ทดลอง และจากการทดลองทางคลินิกก็พบว่ามีประสิทธิภาพที่ดีในการรักษาโรคบิดมีตัว แม้จะไม่มีรายงานความเป็นพิษอย่างชัดเจน แต่ก็พบว่ามีสารพิษไฮโดรเจนไซยาไนด์ ดังนั้น จึงควรศึกษาความเป็นพิษให้แน่นอนก่อนนำมาใช้จริง
7.ฤทธิ์แก้หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ใช้ต้นสดประมาณ 120 กรัม และกิ๊กแก้ 10 กรัม นำมาใส่น้ำต้มประมาณ 2 ชั่วโมง คั้นเอาน้ำมาต้มอีกครั้งหนึ่ง แล้วนำไประเหยให้เหลือ 60 ml. ใช้แบ่งกิน 3 ครั้ง ครั้งละ 20 ml. ติดต่อกัน 20 วัน ซึ่งผลการสำรวจจากคนไข้จำนวน 128 ราย พบว่าหาย 33 ราย มีอาการดีขึ้นอย่างชัดเจน 36 ราย มีอาการดีขึ้นเรื่อย ๆ 45 ราย และยังช่วยแก้อาการไอเนื่องจากหลอดลมอักเสบเรื้อรัง อาการไอมีเสมหะ ปอดชื้น มีเสียงแหบ ที่เป็นในระยะเริ่มแรกอย่างได้ผลดี ส่วนอาการของโรคหอบหืดและในคนไข้ที่มีอายุมากจะได้ผลไม่ดีนัก และถ้าคนไข้เป็นโรคเรื้อรัง ร่างกายอ่อนแอ ผลการรักษาจะยิ่งลดน้อยลงไปอีก นอกจากนี้ คนไข้ที่มีอาการเวียนศีรษะ เป็นหวัด ก็ยังกินยานี้ต่อไปได้[4]
8.มีฤทธิ์แก้ลำไส้อักเสบอย่างเฉียบพลัน แก้บิดจากแบคทีเรีย โดยใช้ทั้งต้นประมาณ 30-160 กรัม นำมาต้มน้ำแบ่งกิน 3 ครั้ง หรือจะใช้ทำเป็นยาเม็ดใช้กินครั้งละ 5 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง หรือใช้ทำเป็นยาฉีด ใช้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งละ 2 ml. วันละ 3 ครั้ง
9.มีรายงานว่าการใช้ต้นน้ำนมราชสีห์ร่วมกับเอื้องเพ็ดม้าและห่งบ๋วยเช่า ทำเป็นตำรับยา โดยใช้อย่างละ 16 กรัม นำมาต้มสกัดเอาน้ำเคี่ยวให้ข้น แล้วนำไประเหยให้แห้ง และบดให้เป็นผง ทำเป็นยาเม็ด (ใน 1 เม็ด มีเนื้อยา 0.6 กรัม) ใช้กินครั้งละ 3 เม็ด วันละ 4 ครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน ซึ่งจากการรักษาคนไข้ที่เป็นบิดจากแบคทีเรียอย่างเฉียบพลันและลำไส้อักเสบจำนวน 2,000 ราย พบว่าได้ผลประมาณ 90% อาการอุจจาระเป็นมูกเลือดจะหายภายใน 3 วัน คิดเป็น 78% และช่วยลดไข้ได้ภายใน 1 วัน คิดเป็น 68% โดยอุจจาระจะเป็นปกติอย่างเร็วที่สุดคือ 2 วัน และช้าสุด 10 วัน หากกินยาแล้วยังมีอาการถ่ายไม่หยุด ให้กินยาเพิ่มขึ้นอีกได้ และยังไม่พบว่ามีอาการข้างเคียง
10.ต้นน้ำนมราชสีห์มีสารบางชนิดที่ทำให้ถ่ายได้[
11. หนูตะเภาตัวเมียในระยะที่ให้นม เมื่อกินต้นน้ำนมราชสีห์พบว่าจะมีน้ำนมมากขึ้น
12.มีการทดลองใช้น้ำนมราชสีห์บดผสมในอาหารไก่เนื้อในอัตรา 0.5, 1.0, 1.5 และ 2% พบว่าการผสมน้ำนมราชสีห์ในอัตราที่สูงขึ้น จะช่วยทำให้ไก่มีน้ำหนักตัวที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไก่ที่รับปฏิชีวนะสาร (Avilamycin) [9] ประโยชน์ของน้ำนมราชสีห์
- ประโยชน์ของน้ำนมราชสีห์ ยอดอ่อนสามารถนำมารับประทานได้[1
- น้ำยางจากต้นสามารถนำมาใช้ทารักษาหัวสิวบนใบหน้าได้[7]
- ต้นน้ำนมราชสีห์ เป็นพืชที่มี Growth hormone สูง เมื่อนำมาใช้เลี้ยงปลาหรือเป็ด จะช่วยทำให้เป็ดออกไข่ดี ส่วนปลาก็เจริญเติบโตได้ดี (ไม่มีข้อมูลอื่นยืนยัน)
ข้อมูลจาก Google