การทำกะปิ

การทำกะปิ

(1.) กุ้ง ที่ใช้ทำกะปิจะต้องมีขนาดเล็กที่สุด ได้แก่ กุ้งรำ กุ้งสายไหม กุ้งสารส้มโอ ( กุ้งรำ) จะมีขนาดเล็กที่สุด ลักษณะตัวกุ้งจะเป็นสีชมพูอ่อน ๆ เมื่อนำไปทำกะปิ จะได้กะปิเนื้อละเอียด แน่น ให้เนื้อกะปิมาก และทำง่ายกว่ากุ้งชนิดอื่น ( กุ้งสายไหม) มีลำตัวยาวและมีหนวดมาก ตัวใหญ่กว่ากุ้งรำเล็กน้อย ตัวกุ้งมีสีชมพู นำไปทำกะปิจะได้กะปิสีสวย น่ารับประทานกว่ากุ้งชนิดอื่น ( กุ้งสารส้มโอ) มีขนาดใหญ่กว่ากุ้งสายไหม สีออกขาว เวลานำไปทำกะปิจะได้กะปิที่หยาบ เพราะกุ้งตัวใหญ่ สีของกะปิจะไม่สวย

(2.) เกลือ จะใช้เกลือเม็ดเล็กๆเพื่อนำมาตำกับกุ้ง

(3.) น้ำตาล ใช้น้ำตาลอ้อย

อุปกรณ์ :

(1). ครกตำ ควรใช้ครกที่ทำด้วยท่อนไม้ขนาดใหญ่และสากไม้ตำ

(2).กะละมัง ใช้ใส่กะปิ และหมักกะปิที่ทำเสร็จแล้ว

(3).ช้อน ใช้ช้อนขนาดใหญ่ ในการตักกะปิที่ตำเสร็จแล้ว

(4.) ไห ใช้ใส่กะปิที่ตำเสร็จแล้ว เพื่อให้กะปิเก็บไว้ได้นาน

(5.)เครื่องบดกุ้ง ใช้ในการบดกุ้งให้ละเอียดและรวดเร็ว

วิธีการทำ

1. นำกุ้งที่ได้มาล้างกับน้ำทะเลไม่ควรล้างในน้ำธรรมดาเพราะจะทำให้กุ้งเสียรสชาดได้ เพื่อให้ได้รสชาติ กะปิดี และล้างสิ่งสกปรกที่ติดมากับกุ้งออกแล้วนำกุ้งไปตากแดด โดยไม่ให้แห้งจนเกินไป ควรตากพอหมาดๆเพราะหากตากแห้งจะทำให้ตำได้ไม่ละเอียด

2. นำก้งที่ตากไว้พอหมาดๆมาตำ ซึ่งขณะที่ตำจะต้องใส่เกลือผสมลงไปด้วย โดยใช้กุ้ง 3 กิโลกรัม เกลือ 1 ถ้วยตวง แล้วตำผสมให้เข้ากัน

3.นำกุ้งตีผสมเกลือและตำเสร็จใส่กะละมัง หมักไว้ประมาณ 3 คืน

4. เมื่อครบ 3 คืนแล้วนำกุ้งที่หมักไว้ไปปั้นเป็นก้อนแบนๆแล้วนำไปตากแดดอีกครั้งหนึ่งประมาณ 2 วัน

5. เมื่อครบ 2 วันแล้ว ให้นำกุ้งที่ตากไว้มาตำอีกครั้งหนึ่งให้ละเอียด ใส่เกลือลงไปอีกครั้งหนึ่งประมาณ 1/4 ถ้วยตวง แล้วใส่น้ำตาลเล็กน้อยตามชอบ จะได้กะปิที่มีรสชาดที่ดี ถูกหลักอนามัย

6. วิธีเก็บรักษากะปิมี 2 ขั้นตอน คือ 1) อัดแน่น 2) ขัดน้ำ