ปรับปรุง มิ.ย. 2563
แนะนำดู คลิปวิดีโอ สื่อการสอน เพิ่มเติม จาก Playlist
คลิปการสอน ปูพื้นฐาน เกี่ยวกับ สปีชีส์
ภาพบน แสดง ตัวอย่าง
ล่อ คือ ลูกผสม ระหว่าง
ม้า (Equus ferus) กับ ลา (Equus africanus)
- Mule = (พ่อ) ลา + (แม่) ม้า
- Hinny = (พ่อ) ม้า + (แม่) ลา
ภาพล่าง แสดง ตัวอย่าง
ลูกผสม ระหว่าง
สิงโต (Panthera leo) กับ เสือ (Panthera tigris)
- Liger = (พ่อ) สิงโต + (แม่) เสือ
- Tigon = (พ่อ) เสือ + (แม่) สิงโต
1.1-
* สปีชีส์ คือ กลุ่มประชากรของสิ่งมีชีวิตที่มี พันธุกรรมใกล้เคียงกันในระดับหนึ่ง กระทั่งทำให้ (นอกจาก ลักษณะทางพันธุกรรมคล้ายกันแล้ว ยังต้อง)
สามารถผสมพันธุ์กันตามธรรมชาติ แล้วให้ลูกที่สามารถถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมในรุ่นต่อไปได้
1.2-
* สิ่งมีชีวิตสปีชีส์เดียวกัน จะผสมพันธุ์กันได้ลูกที่ไม่เป็นหมัน
(ไม่นับกรณีเป็นโรค)
* สิ่งมีชีวิตต่างสปีชีส์ แต่ยังใกล้เคียงกันมาก คือ อยู่ในสกุลเดียวกัน ( วิวัฒนาการจากบรรพบุรุษร่วมกันระดับใกล้ชิด )
หลายคู่ อาจผสมพันธุ์กันได้
แต่บางคู่ ลูกจะเป็นหมันเสมอ และบางคู่ ลูกส่วนใหญ่จะเป็นหมัน
* สิ่งมีชีวิตต่างสกุล ที่ไกลกันมาก จะไม่สามารถผสมพันธุ์กันติดลูกได้
เสริมความรู้นอกบทเรียน
คลิปการสอน โดยช่อง KruPumBiO Kamonrat อธิบาย
ระบบขั้นของการจัดจำแนกสิ่งมีชีวิต และ ระบบชื่อวิทยาศาสตร์
1.3-
* ชื่อเรียก สปีชีส์ ใช้ "ชื่อวิทยาศาสตร์” ซึ่งประกอบด้วย 2 คำ คือ "ชื่อสกุล" กับ "ชื่อสปีชีส์" ( อาจประกอบด้วย 3 คำ คือตามด้วย "ชื่อสปีชีส์ย่อย" ถ้ามี )
* ตัวอย่างเช่น
* ชื่อวิทยาศาสตร์ของ มนุษย์ คือ Homo sapiens
* ปัจจุบัน มนุษย์วานร ในสกุล Homo สกุลเดียวกันมนุษย์ สูญพันธุ์แล้วทั้งหมด
* สัตว์ที่ใกล้เคียงมนุษย์ที่สุด เท่าที่ยังไม่สูญพันธุ์ ก็ห่างเป็นคนละสกุล คือ วานรสกุลชิมแพนซี เช่น ชิมแพนซีธรรมดา ชื่อวิทยาศาสตร์ Pan troglodytes
* ชื่อวิทยาศาสตร์ของ ม้า คือ Equus ferus และของ ลา คือ Equus africanus
จะเห็นว่า อยู่ในสกุล Equus เดียวกัน
* ม้า กับ ลา ผสมพันธุ์กันได้ลูกเป็น ล่อ ซึ่งไม่สามารถผสมพันธุ์กันได้อีก
( เพราะแม้วิวัฒนาการจากบรรพบุรุษร่วมกัน แต่ก็แยกไปเป็นคนละสปีชีส์แล้ว )
คลิปแอนิเมชัน "ชุด นิทานชีวิต" ตอน "โลกของเซลล์"
มีฉากอธิบาย
การสร้าง โปรตีน จาก สารพันธุกรรมในนิวเคลียส เพื่อส่งออกไปควบคุมเซลล์และร่างกาย
2.1-
* นิวเคลียส คือ ออร์แกเนล (อวัยวะของเซลล์) ที่สำคัญ
( ถ้าเปรียบ เซลล์ เป็น เมือง, นิวเคลียส เสมือน ที่ทำการเมือง )
2.2-
* ภายใน นิวเคลียส มี "สารพันธุกรรม"
* นิวเคลียส จึงมีหน้าที่
(1) เก็บรักษา "สารพันธุกรรม" ( ... เพื่อถ่ายทอด ลักษณะ & ความสามารถ ทางชีวภาพ (การมีชีวิต) สู่ลูกหลาน )
(2) ( ใช้ "สารพันธุกรรม" ดังกล่าว สร้าง "โปรตีน ที่เป็น สารคำสั่ง" ส่งออกไปออร์แกเนลอื่นๆ เพื่อ ... ) ควบคุมการทำงานของ ทั้งเซลล์
คลิปแอนิเมชัน 3D "การแบ่งเซลล์ แบบ ไมโทซิส ในระยะต่างๆ"
โดยช่อง HybridMedical แสดง
* ภายใน เซลล์ มี นิวเคลียส
ภายใน นิวเคลียส มี สารพันธุกรรม
* การแบ่งเซลล์ จะคัดลอกและถ่ายทอด สารพันธุกรรม ในนิวเคลียส สู่เซลล์ใหม่
2.3-
* จากที่ สารพันธุกรรมในนิวเคลียส ควบคุมการทำงานของเซลล์มันเอง (เช่น จะแบ่งเซลล์เมื่อใด-กี่ครั้ง รับสารอะไรบ้าง สร้างสารอะไรบ้าง ฯลฯ)
* การควบคุมนี้จะส่งผลต่อ การควบคุมเนื้อเยื่อ, อวัยวะ, ระบบฯ จนถึง ทั้งร่างกาย
* เช่นนี้ "สารพันธุกรรม" ก็สามารถ กำหนดทุกอย่าง (ลักษณะหน้าตารูปร่าง, ความสามารถทางเคมีสรีระ, วงจรชีวิต, พฤติกรรมการตอบสนอง, ฯลฯ)
ของสิ่งมีชีวิต แต่ละสปีชีส์ และ แต่ละครอบครัว และ แต่ละคน-แต่ละตัว
2.4-
* สปีชีส์เดียวกัน มีพันธุกรรมคล้ายกันบางส่วน (ในระดับที่ถ่ายทอดให้ลูกหลานได้เรื่อยๆ)
แต่ไม่เหมือนกันทั้งหมด (เช่น คนกับชิมแปนซี คล้ายกัน 98.8% แต่ระหว่างคนกับคน คล้ายกัน 99.9%)
* ในร่างกายเดียวกัน ( เช่น ในคน1คน/ในสัตว์1ตัว/ในพืช1ต้น ) มี สารพันธุกรรม เหมือนกันทั้งหมด ในทุกเซลล์
* แต่ เซลล์ ที่กำลังเติบโตที่อวัยวะใด จะมีกลไกเปิดปิดการทำงานบางจุด เพื่อกลายเป็นอวัยวะนั้น
* ยกเว้น "สเต็มเซลล์" ( เช่น ไข่+อสุจิ+ไขกระดูก ในสัตว์ หรือ ปลายยอด-ปลายราก-แคมเบียม ในพืช )
ที่สามารถ รีเซ็ต (กลับมาเปิดใช้ทุกจุด) เพื่อแบ่งเซลล์กลายเป็นเซลล์อะไรก็ได้ สำหรับขยายพันธุ์หรือซ่อมแซมตัวเอง
คลิปการสอน โดย สสวท. ชุด "สื่อการสอนวิทยาศาสตร์ ม.3"
เรื่อง "ลักษณะทางพันธุกรรม"
[ว่าด้วย ลักษณะเด่น/ด้อย, ความผันแปรของลักษณะ, ปัจจัยที่มีผลต่อการถ่ายทอดลักษณะ]
3.1-
* ลักษณะทางพันธุกรรม คือ ลักษณะที่ถ่ายทอดจากปู่ย่าตายาย สู่พ่อแม่ และสู่ลูกหลานได้
โดยสารพันธุกรรมในเซลล์สืบพันธุ์ (ไข่ กับ อสุจิ)
ภาพชุด (คลิกปุ่มเลิื่อนดูทีละภาพ) แสดง
ตัวอย่าง ลักษณะทางพันธุกรรม ที่มีการผันแปรไม่ต่อเนื่อง ลักษณะต่างๆ
3.2-
* ความผันแปรของลักษณะ คือ รูปแบบลักษณะทางพันธุกรรมที่แตกต่างกัน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
(1) การผันแปรต่อเนื่อง คือ ลักษณะที่แตกต่างกันเป็นหลายระดับมากมาย เช่น สีผิว, ลายนิ้วมือ&ลายม่านตา, ความสูง, สัดส่วนรูปร่าง, น้ำหนัก, รูปหน้า, ลายและสีขนของสัตว์, ฯลฯ
(2) การผันแปรไม่ต่อเนื่อง คือ ลักษณะที่สามารถแบ่งประเภทชัดเจนได้ เช่น หมู่เลือด, ห่อลิ้นได้/ไม่ได้, ตาสองชั้น/ชั้นเดียว, ผมหยิกหยักศก/ผมเหยียดตรง, มี/ไม่มีติ่งหู, มี/ไม่มีขนที่ข้อนิ้ว, ถนัดมือขวา/ซ้าย, ลักษณะปกติ/ผิดปกติทางพันธุกรรม, ฯลฯ
3.3-
* ปัจจัยที่มีผลต่อการถ่ายทอดลักษณะต่างๆ มีทั้ง
(1) ลักษณะทางพันธุกรรม (ที่ปรากฏตั้งแต่แรกเกิด และคงที่เปลี่ยนยาก) เช่น หมู่เลือด, โรคทางพันธุกรรม, การเกิดลูกแฝด, เพศ, รูปหน้า, ลักษณะหนังตา, ลักษณะ&สีผม, ลายและสีขนของสัตว์, ฯลฯ
(2) ลักษณะที่เป็นผลจากสิ่งแวดล้อม เช่น โรคติดต่อ, โรคจากการขาดสารอาหาร, น้ำหนัก, ฯลฯ
(3) ลักษณะที่เป็นผลจากทั้งสองอย่าง เช่น ความสูง, สัดส่วนร่างกาย, ความฉลาด, สีผิว, ลายนิ้วมือ&ลายม่านตา, มือข้างถนัด, ฯลฯ
ภาพแสดง
ตัวอย่าง พันธุประวัติ
ของ การถ่ายทอดโรค เฮโมฟีเลีย (โรคทางพันธุกรรมที่โด่งดัง) ในราชวงศ์อังกฤษ
* พันธุประวัติ คือ แผนภูมิพงศาวลี แสดง
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม อย่างหนึ่ง
ของสิ่งมีชีวิตทุกคนในหลายลำดับรุ่น ในครอบครัวเดียวกัน
* เพื่อศึกษาอาการทางพันธุกรรม, เพื่อคัดกรองผู้ป่วยโรคทางพันธุกรรม และเพื่อปรับปรุงพันธุ์พืชและสัตว์
เสริมความรู้นอกบทเรียน
คลิปบรรยาย เรื่อง "10 สายพันธุ์สัตว์ลูกผสมสุดแปลก"
โดยช่อง Bearry Channel
และ คลิปบรรยาย เรื่อง "19 สัตว์พันธุ์ผสม"
โดยช่อง Hon hot
ยกตัวอย่างเพิ่มเติมถึง ลูกผสมข้ามสปีชีส์ อื่นๆ