ตอนที่ 3 : ทรัพย์สินทางปัญญา
ตอนที่ 3 : ทรัพย์สินทางปัญญา
เทคโนโลยีที่ถูกวิจัยและพัฒนาขึ้นบางส่วนเป็นการเปิดเผยให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างอิสระ ไม่มีการซื้อขาย แต่บางส่วนก็มีการคุ้มครองในความเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ซึ่งเรียกว่าเป็นทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property) เนื่องจากผู้ผลิตหรือเจ้าของผลงานมีการลงทุนทั้งด้านการเงินและบุคลากรในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีหรือผลิตภัณฑ์ให้ออกมาใช้งานสนองตามความต้องการของตลาดได้ หากมีการลักลอบ คัดลอก สำเนาไปใช้งานต่อก็จะเกิดความเสียหายแก่ผู้เป็นเจ้าของผลงานนั้นได้ ในประเทศไทยมีการออกพระราชบัญญัติกฎหมายคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1. ลิขสิทธิ์ (Copyrights) หมายถึง สิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับงานที่ผู้สร้างหรือพัฒนาได้คิดค้นหรือสร้างสรรค์ขึ้นโดยใช้สติปัญญา ความรู้ ความสามารถ และทักษะของตนเอง โดยไม่ลอกเลียนผลงานของผู้อื่น
กฎหมายลิขสิทธิ์ของประเทศไทยนั้นได้ให้ความคุ้มครองแก่ผลงานที่สร้างขึ้น โดยแบ่งเป็น 9 ประเภท ดังนี้
1.1 งานวรรณกรรม เช่น หนังสือ สิ่งพิมพ์ต่างๆ รวมทั้งโปรแกรมคอมพิวเตอร์
1.2 งานนาฏกรรม เช่น ท่ารำ ท่าเต้น หรือการแสดงที่ประกอบขึ้นเป็นเรื่องราว
1.3 งานศิลปกรรม เช่น งานจิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม ภาพถ่าย ฯลฯ
1.4 งานดนตรีกรรม เช่น เพลงที่มีคำร้อง ทำนอง การเรียบเรียงโน๊ตเพลง
1.5 งานสิ่งบันทึกเสียง เช่น แผ่นซีดีเพลง
1.6 งานโสตทัศนวัสดุ เช่น อุปกรณ์ที่บันทึกภาพ เสียง วิดีโอ
1.7 งานภาพยนตรฺ์
1.8 งานแพร่เสียงแพร่ภาพ เช่น การกระจายเสียงทางวิทยุหรือโทรทัศน์
1.9 งานอื่นๆ ในแผนกวรรณคดี วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ
2. สิทธิบัตร (Patents) หมายถึง สิทธิพิเศษที่กฎหมายบัญญัติไว้ให้เจ้าของสิทธิบัตรนั้นมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการแสวงหาประโยชน์จากการประดิษฐ์หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร เช่น การผลิตและการจำหน่าย โดยส่วนใหญ๋แล้วสิทธิบัตรจะเกี่ยวข้องกับสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่เหมือนกับใคร มีเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยส่วนมากจะเป็นเครื่องจักร เครื่องกลไก หรือการออกแบบรูปทรงที่แตกต่าง ที่ไม่เคยมีมาก่อน และหากมีการดัดแปลงเพิ่มประสิทธิภาพจากงานสิทธิบัตรเดิม ก็สามารถจดเป็นอนุสิทธิบัตร (Petty Patents) ได้ด้วย เช่น ตลับใบมีดสำหรับโกนหนวดของบริษัท Gillette ก็มีการจดสิทธิบัตรที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีหมายเลขสิทธิบัตรกำกับ ซึ่งบริษัทอื่นจะไม่สามารถนำตลับใบมีดแบบของบริษัทนี้ไปทำซำ้ คัดลอก เลียนแบบได้ โดยหากกระทำ จะถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิบัตร
ตัวอย่าง สิทธิบัตรตลับใบมีดสำหรับโกนหนวดของบริษัท Gillette
👉 สิทธิบัตรมีวันหมดอายุได้ เมื่อหมดอายุลงก็สามารถต่ออายุได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าของผลงาน หากเจ้าของเห็นว่่าคุ้มค่าแล้วกับการหาผลประโยชน์กับสิทธิบัตรนั้น ก็อาจจะปล่อยให้หมดอายุไป ส่ิงประดิษฐ์นั้นก็ไม่ได้รับความคุ้มครอง อาจจะถูกคัดลอกทำซำ้ได้โดยไม่ละเมิด การคุ้มครอง
3. เครื่องหมายการค้า (Trademark) เป็นสิทธิในการใช้เครื่องหมายที่เกี่ยวข้องกับสินค้า เพื่อแสดงว่าสินค้าที่ใช้เครื่องหมายของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น แตกต่างกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น หากมีการนำเครื่องหมายการค้านั้นไปใช้ในเชิงแอบอ้างโดยไม่ได้รับอนุญาตก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้
👉นักเรียนควรเคารพในสิทธิอันชอบธรรมของผู้ที่เป็นเจ้าของผลงาน ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์ หรือส่ิงประดิษฐ์ต่างๆ ที่มีการคุ้มครองภายใต้กฎหมาย เพราะเจ้าของผู้สร้างหรือผู้ผลิตสินค้านั้นๆ ได้ลงทุนลงแรงทั้งทรัพยากรด้านเงินและบุคคล เพื่อที่จะสร้างสินค้าที่ใช้ประโยชน์ให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้ ดังนั้น การละเมิดสิทธิต่างๆย่อมมีโทษทางกฎหมาย และหากกล่าวถึงเรื่องซอฟต์แวร์ที่เราสามารถนำมาใช้งานได้ สำหรับงานส่วนตัวโดยไม่ได้นำไปแสวงหากำไร นักเรียนสามารถพิจารณาการใช้ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมประเภทที่เรียกว่า ฟรีแวร์(Freeware) และซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ซ (Open Source Software) ซึ่งมีให้นักเรียนสามารถติดตั้งหรือเข้าใช้ได้อย่างไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ