บริษัทมีการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ครอบคลุมและสอดคล้องตามเกณฑ์มาตรฐานเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม และด้านการกำกับดูแลคู้ค้าคู่ธุรกิจ (ESG Risk) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพ มาตรฐานการบริการ และความไว้วางใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อการดำเนินธุรกิจ โดยการบริหารจัดการตลอดสายห่วงโซ่อุปทานของกระบวนการให้บริการน้ำมันอากาศยานซึ่งมีขอบเขตความรับผิดชอบตามกระบวนการดำเนินงานดังนี้
Scope 1 ขอบเขตห่วงโซ่ก่อนกระบวนการรับและจัดเก็บน้ำมันของบริษัท ซึ่งบริหารจัดการโดยบริษัทเจ้าของน้ำมันและบริษัทผู้ดำเนินการขนและจัดส่งน้ำมัน
Scope 2 ขอบเขตห่วงโซ่ในกระบวนการ รับ จัดเก็บ และจ่ายน้ำมันให้สายการบินผ่านท่อส่งน้ำมันแรงดันสูงใต้สนามบิน ซึ่งบริหารจัดการโดยบริษัท และบริษัทย่อย
การดำเนินงานบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน ในปี 2565
บริษัทมีกระบวนการประเมินความเสี่ยงเบื้องต้นในห่วงโซ่อุปทานอย่างต่อเนื่อง ตามแผนงานการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืนเพื่อระบุคู่ค้าที่มีความเสี่ยงด้าน ESG ในระดับสูง สำหรับคู่ค้ารายใหม่ทุกราย และสำหรับคู่ค้าทั้งหมดทุกๆ 3 ปี โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทได้ประเมินความเสี่ยงในประเด็นต่างๆ ที่ระบุไว้ในแนวทางการปฏิบัติของคู่ค้า สำหรับคู่ค้ารายใหม่ คิดเป็นร้อยละ 100 และคู่ค้าทั้งหมดประจำรอบ 3 ปี คิดเป็นร้อยละ 100 โดยการประเมินดังกล่าว ใช้วิธีการประเมินความเสี่ยงในระดับกลุ่มสินค้าและงานบริการของคู่ค้าแต่ละราย มีรายละเอียดดังนี้
ประเด็นด้านคุณภาพสินค้าและการส่งมอบสินค้าบริการได้ทันเวลา
การส่งของล่าช้า/ส่งมอบสินค้าไม่มีคุณภาพ อาจส่งผลให้การให้บริการน้ำมันอากาศยานหยุดชะงัก
ประเด็นด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่อาจส่งผลกระทบต่อแผนงานซ่อมบำรุง
ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม และสภาพแวดล้อม
การรั่วไหลของนํ้ามันและสารเคมีในกระบวนการจัดส่ง และเกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมโดยรอบ
จากประเด็นที่บริษัทประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งพิจารณาในมุมมองคุณภาพสินค้าและการส่งมอบสินค้าบริการได้ทันเวลา ด้านอาชีวอนามัยความปลอดภัย และด้านสิ่งแวดล้อมสภาพแวดล้อม บริษัทมีการสื่อสารมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ให้กับคู่ค้า รวมถึงการชี้แจงทำความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็นของคู่ค้า เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ในส่วนการบริหารจัดการสัญญาและการจัดส่งสินค้าได้พิจารณาจากผลกระทบ ผ่านการประเมินความเสี่ยงและติดตาม หรือขยายระยะเวลาสัญญางานสำคัญเร่งด่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารจัดการคู่ค้าที่ปฏิบัติงานในช่วงงานซ่อมบำรุงใหญ่ ได้มีการเตรียมแผนงานรองรับกรณีเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 รวมถึงผลกระทบต่อแผนงานซ่อมบำรุง ทำให้สามารถดำเนินงานจนสำเร็จลุล่วงได้ตามเป้าหมายอีกด้วย
ในปี 2565 จากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 บริษัทฯยังคงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดทำให้รูปแบบการเยี่ยมชมสถานประกอบกิจการของคู่ค้าสำคัญ (Critical Tier 1 Suppliers) Onsite visit ด้วยวิธีแบบออนไลน์โดยได้มีการจัด onsite visit เพิ่มอีก 5 ราย จากการดำเนินการดังกล่าว ทำให้้บริษัท สามารถส่งเสริมคู่ค้าสำคัญ (Critical Tier 1 Suppliers) ให้ดำเนินการตามแผนงานของบริษัท ได้ครบทั้ง 5 ราย
การจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Procurement)
บริษัทกำหนดแนวทางปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายจัดซื้อจัดจ้างเพื่อความยั่งยืน ในปี 2565 บริษัทสนับสนุนการจัดหาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้มีรายการมากขึ้นโดยมีแนวการดำเนินงาน ดังนี้
1.) มุ่งเน้นการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการ สินค้าที่มีฉลากเขียว (Green Label) จากคู่ค้าที่ได้รับใบ Certification ด้านสิ่งแวดล้อม
2.) การดำเนินการด้านการกำจัดขยะมูลฝอยให้ถูกวิธี โดยการว่าจ้างบริษัทที่ได้รับใบอนุญาต เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการการกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วซึ่งผ่านการรับรองจากกองสิ่งแวดล้อมและพลังงาน
3.) จัดซื้อรถบริษัทโดยกำหนดเป็นรถ EV เพื่อลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากยิ่งขึ้น
4.) ส่งเสริมให้คู่ค้ารายเดิมปฏิบัติตามแนวทาง Green Procurement โดยการเปลี่ยนแปลงสินค้าและบริการสีเขียว เพื่อเป็นทางเลือกในการจำหน่ายสินค้าและบริการมากยิ่งขึ้น
5.) มีการกำหนดข้อปฏิบัติใน TOR (Term of Requirement) ของกลุ่มสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยสนับสนุนสินค้าที่มาจากกระบวนการ Recycle เพื่อลดการเกิดขยะมูลฝอยและส่งเสริมการกลับมาใช้ซ้ำ และกำหนดให้ผู้รับจ้างปฏิบัติงานโดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การสร้างขยะให้น้อยที่สุด รวมถึงการกำจัดขยะที่ถูกวิธีภายหลังการปฏิบัติงาน
6.) สื่อสารแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับคู่ค้า/พันธมิตรทางธุรกิจ ทราบอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ในปี 2566 ทางบริษัทมีเป้าหมายการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ประเภทวัสดุสิ้นเปลือง ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและได้รับมาตรฐานฉลากเขียวภายเพื่อใช้ภายในบริษัทเพิ่มขึ้น ดังนี้
แนวทางการส่งเสริมศักยภาพและความสามารถในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนร่วมกับคู่ค้า
บริษัทได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมศักยภาพและความสามารถในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนร่วมกับคู่ค้ารวมถึงการพัฒนานวัตกรรมด้านต่างๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน โดยในปี 2561 บริษัทได้จัดตั้ง บริษัท บาฟส์ อินเทค จำกัด (BAFS INTECH: BI) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบ ผลิต ประกอบรถเติมน้ำมันอากาศยานทั้งประเภทเครื่องยนต์ดีเซล และรถไฟฟ้า ( e-Dispenser ) การออกแบบผลิตระบบบริการน้ำมันอากาศยาน (Refueling Skid) รวมถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเติมน้ำมันอากาศยาน อีกทั้ง ยังให้บริการงานซ่อมบำรุง (Heavy Maintenance) และการปรับปรุงรถ (Refurbish) ในแบบต่าง ๆ เช่น รถบริการน้ำมันอากาศยาน รถบริการล้างหลุมน้ำมันในสนามบิน (Flushing) รถ Low Point Drain รถประเภท Ground Handing Services เป็นต้น
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการพัฒนาและยกระดับศักยภาพของ BI ซึ่งเป็นคู่ค้าที่สำคัญรายหนึ่งของบริษัท โดยตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา บริษัทได้มีการส่งเสริมศักยภาพแก่คู่ค้าด้วยการส่งพนักงานของบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคไปยัง BI เพื่อถ่ายทอดความรู้ ความเชี่ยวชาญ ตลอดจนร่วมมือกับ BI เพื่อพัฒนารถบริการน้ำมันในอากาศยานให้เป็นไปตามความต้องการของบริษัทและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล นอกจากนี้ พนักงานผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวยังให้การสนับสนุนในการปฏิบัติงานของ BI เพื่อให้สอดคล้องตามข้อกำหนดต่างๆที่เกี่ยวข้องของหน่วยงานกำกับดูแล (Regulator) ทั้งในระดับประเทศและสากล
จากการพัฒนาระบบงานดังกล่าว ส่งผลให้ BI ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ISO 9001:2015 สำหรับการประกอบรถเติมน้ำมันอากาศยานของสถาบันมาตรฐานอังกฤษ (BSI) นอกจากนี้ จากการร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ทำให้ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา BI สามารถประกอบรถเติมน้ำมันอากาศยานไฟฟ้า (EV-Hydrant Dispenser) เพื่อขายให้แก่บริษัทและคู่ค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในปัจจุบัน บริษัทมีรถ EV Hydrant Dispenser ที่ใช้ในการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง จำนวน 3 คัน และอยู่ระหว่างการประกอบรถเติมน้ำมันอากาศยาน เพื่อใช้งานที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำนวน 2 คัน
กระบวนการทบทวนเพื่อจัดอันดับความสำคัญของคู่ค้า การประเมินความเสี่ยง และการกำหนดมาตรการลดความเสี่ยงของคู่ค้ารายสำคัญ มีรายละเอียดเกณฑ์ และมาตราการเพื่อดำเนินการใน 3 ส่วนสำคัญดังนี้
1) วิเคราะห์คู้ค้ารายสำคัญ
เป็นคู่ค้าที่มียอดสัญญาซื้อขายสูงร้อยละ 80 ของยอดซื้อ และมากกว่าหรือเท่ากับ 1,000,000 บาท
เป็นคู่ค้าที่จำหน่ายวัตถุดิบสินค้าและบริการที่สำคัญกับกระบวนการทางธุรกิจของ บริษัท
เป็นคู่ค้าที่มีผู้จัดจำหน่าย รายเดียว/น้อยราย ในตลาด
2) ประเมินความเสี่ยง
ประเมินผลกระทบด้าน สังคม สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG) ของคู่ค้า
ประเมินตามกลุ่มประเภทของคู่ค้า (ผู้ผลิต/ผู้ให้บริการ)
ประเมินตามขนาดของกิจการ
3) กำหนดมาตรการลดความเสี่ยง
ระบุแนวทางการปฏิบัติด้าน ESG ในสัญญาว่าจ้าง/TOR
ประเมินผลกระทบด้าน สังคม สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG) ของคู่ค้ารายใหม่
ติดตามผลการดำเนินงานของคู่ค้ารายเดิม
ตรวจติดตามการดำเนินงานของคู่ค้า ณ สถานที่ (Onsite assessment)
พัฒนาคู่ค้าให้มีการดำเนินงานที่ครอบคลุม ESG
ผลการทบทวนคู้ค้ารายสำคัญของกิจการ ตามเกณฑ์ที่กำหนดสามารถสรุปจำนวนคู่ค้ารายสำคัญ
ทั้งนี้มีประเด็นที่ใช้พิจารณาความเสี่ยงตามประเด็นสาระสำคัญของกิจการใน 3 ด้าน (ESG Risk) และนำไปสู่แผนงานและเป้าหมายการดำเนินงานตามกรอบกลยุทธ์ฉบับ 2565-2569 ดังนี้
ตามขอบเขตการดำเนินงานในห่วงโซ่อุปทาน บริษัทได้จัดให้มี “จรรยาบรรณสำหรับคู่ธุรกิจ (Supplier Code of Conduct)” เพื่อให้คู่ค้าของบริษัท ยึดถือเป็นแนวทางในการปฏิบัติเพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทดำเนินธุรกิจโดยมุ่งเน้นจรรยาบรรณธุรกิจและการบริหารงานด้วยหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีตามนโยบายบริหารกิจการที่ดี โดยบริษัทได้ประกาศเจตนารมณ์ และเข้าร่วมเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชั่นของภาคเอกชนไทย ซึ่งเป็นแนวทางที่ชัดเจนในการดำเนินธุรกิจของบริษัทให้เกิดความยั่งยืน บริษัทมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมและสนับสนุนให้คู่ธุรกิจ ดำเนินธุรกิจด้วยความเป็นธรรมและให้มีการกำกับดูแลกิจการที่ดึ จึงได้กำหนดจรรยาบรรณสำหรับคู่ธุรกิจ เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติให้สอดคล้องตามจรรยาบรรณธุรกิจของบริษัท เพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทไปพร้อมกับความยั่งยืนของคู่ธุรกิจ
ตามกรอบการบริหารจัดการความยั่งยืนของกลุ่มบริษัทซึ่งคำนึงถึงการดำเนินกิจการอย่างยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจ (Economic) สิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจตามหลักการของงานจัดซื้อจัดจ้างและการพัฒนากลุ่มคู่ค้าตามแนวทางปฏิบัติอย่างยั่งยืนของคู่ค้า ตั้งแต่ปี 2561 คู่ค้ารายใหม่ทุกราย ที่ขึ้นทะเบียนคู่ค้าต้องตอบรับและยืดถือปฏิบัติโดยมุ่งเน้นจรรยาบรรณธุรกิจและยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
โดยมีเป้าหมายเพื่อให้กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเป็นส่วนหนึ่ง ในการบรรลุตามกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งครอบคลุมและสอดคล้องกับมาตรฐานสากลตามหลักการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน (Sustainable Procurement) รวมถึงการลดโอกาสของการหยุดชะงักทางธุรกิจและความล่าช้าที่กระทบการดำเนินงานหลักอันเนื่องมาจากสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เพื่อสร้างประโยชน์ในระยะยาวและส่งเสริมความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้ เสีย