โคก หนอง นา โมเดล แบบอย่างความยั่งยืนจังหวัดพิจิตร”
ณ แปลงโคก หนอง นา โมเดล ตำบลทุ่งใหญ่ อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร
หัวข้อที่ 4 เรื่อง แหล่งท่องเที่ยว (รูปแบบการท่องเที่ยวเชิงเกษตรอินทรีย์)
โคก หนอง นา โมเดล แบบอย่างความยั่งยืนจังหวัดพิจิตร”
ณ แปลงโคก หนอง นา โมเดล ตำบลทุ่งใหญ่ อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร
หัวข้อที่ 4 เรื่อง แหล่งท่องเที่ยว (รูปแบบการท่องเที่ยวเชิงเกษตรอินทรีย์)
นางบุญมี เรเรือง เกิดวันที่ 03 ตุลาคม 2510 อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 หมู่ที่ 1 ตำบลทุ่งใหญ่ อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร จบการศึกษาระดับประถมศึกษา มีอาชีพเกษตรกร ซึ่งทำแบบใช้สารเคมี ซึ่งเกษตรกรเจ้าของแปลงตัวอย่าง เล่าว่า เมื่อก่อนทำเกษตรเชิงเดี่ยว เป็นชาวนาเคมี ทำให้ร่างกายอ่อนแอ เป็นภูมิแพ้ วันไหนไปฉีดยาเคมี จะหายใจไม่ออก ต้องหายใจทางปาก จึงคิดว่าทำอย่างไรชีวิตจะเปลี่ยนแปลง ทำอย่างไรจึงจะอยู่กับครอบครัวได้นาน ๆ จึงไปเรียนรู้จากหน่วยงานราชการที่มาจัดอบรมเรื่องเกษตรอินทรีย์ จนมาเจอ กอ.รมน.พิจิตร จัดอบรมในพื้นที่ ต.หนองโสน อ.สามง่าม เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง สนใจในเรื่อง โคก หนอง นา เพราะนาที่มีอยู่เป็นที่แล้ง ไม่ค่อยมีน้ำ อยากใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์ กอ.รมน.พิจิตร จึงประสานของบประมาณจากกองสลาก นำทหารมาขุดดินให้ เป็นพี่เลี้ยงจนสำเร็จ ทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น จากเมื่อก่อนทำนาได้แต่ข้าว เสียสุขภาพเพราะเคมี แต่ตอนนี้ได้เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา ปลูกผักอินทรีย์ เอาไว้กินเอง ที่เหลือก็แบ่งขาย สามารถมีกิน มีอยู่ มีใช้ ได้อย่างยั่งยืน
ปัญหาภัยแล้งซ้ำซาก ส่งผลให้มีรายได้ไม่เพียงพอ กอ.รมน. โดยการสนับสนุนจากแม่ทัพภาคที่ 3 จึงริเริ่มดำเนินโครงการ โคก หนอง นา โมเดล ต้นแบบ ในพื้นที่ตัวอย่าง 2 แปลง คือ ที่ ต.ทุ่งใหญ่ อ.โพธิ์ประทับช้างแห่งนี้ และที่ ต.หนองโสน อ.สามง่าม โดยใช้งบประมาณจากสำนักงานสลาก กินแบ่งรัฐบาล แปลงละ 300,000 บาท สร้างแปลงโคก หนอง นา ให้เกษตรกร โดยน้อมนำหลักการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาพัฒนาพื้นที่เกษตรและบริหารจัดการน้ำ เน้นทำเกษตรแบบผสมผสาน ร่วมกับภูมิปัญญาพื้นบ้าน เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้เกษตรกรในพื้นที่ ส่งเสริมให้เกษตรกร มีกิน มีอยู่ มีใช้ มีพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีความร่มเย็นและพึ่งพาตนเองได้ และปัจจุบันการท่องเที่ยวเชิงเกษตรกำลังเป็นกระแสอย่างมาก นักท่องเที่ยวจากเมืองใหญ่ที่โหยหาความงดงามของธรรมชาติ วิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชนบท ก็จะเดินทางมาสัมผัสประสบการณ์อันซีนเหล่านี้ ทำให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยว เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านเกษตรที่น่าสนใจให้กับคนในชุมชน ส่งเสริมการตระหนักรู้ในการได้หันมาใช้ประโยชน์จากทรัพยากร และวิถีแห่งเกษตรกรของตนเอง เพื่อรองรับการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญที่จะนำไปสู่การสร้างรายได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างยั่งยืนและทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ให้ประชาชนได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการทำการเกษตร โดยมีวิทยากรจากปราชญ์ชาวบ้าน หมอดิน เป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม มีการออกแบบฐานการเรียนรู้ 3 ฐาน ได้แก่ ฐานคนรักษ์ป่า ฐานจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง และฐานน้ำส้มควันไม้ ซึ่งจะมีการสาธิตการทำ และให้ผู้เข้าร่วมได้ลงมือปฏิบัติจริง ทุกคนก็จะได้ผลิตผลที่ตนเองทำกลับบ้านไปด้วย นอกจากการเรียนรู้ตามฐานต่าง ๆ แล้วยังมีกิจกรรมทัวร์โคกหนองนา นำโดย คุณบุญมี เรเรือง เจ้าของพื้นที่เป็นมัคคุเทศก์พาเที่ยวชม พืชพันธุ์ไม้ต่าง ๆ พร้อมทั้งให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจอยากจะพัฒนาพลิกฟื้นที่ดินของตนเอง เพื่อประยุกต์ จัดสรร และใช้สอยให้เกิดประโยชน์สูงสุด อีกทั้งยังมีการแบ่งกลุ่มทำกิจกรรมระดมความคิด การออกแบบโคกหนองนาโมเดล ซึ่งแต่ละกลุ่มก็สามารถถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างสนุกสนาน พร้อมกับรับฟังคำติชมของวิทยากร เพื่อนำไป ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้