หลังจากที่อยู่ไต้หวันมาได้สองสามสัปดาห์ มื้ออาหารที่ผมได้กินบ่อยที่สุดคือบะหมี่เนื้อ (Beef noodle หรือว่า 牛肉面 ในภาษาจีน) ผมได้มีโอกาสทานบะหมี่เนื้อในหลายๆสถานที่ทั้งบริเวณหอพัก ใน cafeteria ของมหาลัย แถวๆ National Immigration Agency เวลาไปทำ ARC ซึ่งต้องบอกเลยว่าทุกๆร้านนั้นมีรสชาติและเฉพาะตัว บางคนอาจจะชอบรสชาติแบบจืด (ต้องบอกก่อนว่าอาหารไต้หวันส่วนใหญ่จะออกไปทางจืดอยู่แล้ว) หรือบางคนอาจจะชอบรสชาติแบบน้ำซุปเข้มข้นหน่อยๆหรืออาจจะออกเผ็ดนิดๆก็แล้วแต่ที่เราจะชอบ แต่สิ่งที่ผมอยากจะเล่าในบทความนี้เป็นสิ่งที่อยู่ในบะหมี่เนื้อมากกว่าคำว่า "รสชาติ"
บะหมี่เนื้อในไต้หวันโดยส่วนใหญ่แล้วจะมีส่วนประกอบตามนี้คือ เส้น (ออกหนาหน่อยๆเมื่อเทียบกับไทย) เนื้อตุ๋น (โดยส่วนมากจะให้อยู่ที่ 4-5 ชิ้น บางร้านอาจจะติดมันมาก บางร้านอาจจะติดมันน้อย) ถั่วงอก (จะใส่ไม่เยอะมาก ปริมาณพอดีๆ) ผักเขียวๆนิดหน่อย และน้ำซุป (มีทั้งซุปใส ข้นหรือจะสั่งแบบแห้งก็ได้) ร้านก๋วยเตี๋ยวส่วนใหญ่จะให้เราเขียนใบเมนูแล้วนำไปยื่นให้เขา ซึ่งใบเมนูนี้เป็นภาษาจีนทั้งหมด555 (ถ้าโชคดีก็อาจจะเจอร้านที่มีเมนู Eng) พอส่งเมนูแล้ว เขาก็จะเอาบะหมี่เนื้อร้อนๆมาเสิร์ฟที่โต๊ะเรา
บะหมี่เนื้อร้านแรกที่ผมกินที่ไต้หวันคือที่จิ่วเฟิ่น เมืองโบราณบนภูเขาทางตอนเหนือ ตอนที่ไปเที่ยวกับพ่อและแม่
บะหมี่เนื้อทั่วไปในไต้หวันมีลักษณะดังรูป ตอนที่กินครั้งแรกก็สัมผัสได้เลยว่ารสชาติมันจืดกว่าบ้านเรา555 แต่นี่ก็เป็นเอกลักษณ์ทางอาหารของเขา ความจริงมันก็อร่อยไปอีกแบบ ซึ่งหลังจากที่ผมทานเสร็จก็เดินทางไปหมู่บ้านแมวต่อ
พอผมเดินทางมาเรียนที่ National Taiwan University of Science and Technology (NTUST) ผมก็ได้ลองบะหมี่อีกหลายๆร้าน บางร้านก็มีรสชาติที่น่าประทับใจ บางร้านก็มีรสชาติธรรมดาๆแต่ในร้านบะหมี่เหล่านั้นกลับมีร้านหนึ่งที่ผมประทับใจมากที่สุด
ก่อนจะพูดถึงร้าน ผมอยากจะพูดถึงนิยามและแนวคิดของอาหารในตัวผมก่อน สำหรับหลายๆคนแล้ว คงจะคิดว่าอาหารนั้นเป็นเรื่องธรรมดา ในหนึ่งวันเรากินอาหารทั้งหมดสามมื้อ เช้า กลางวัน เย็น (หรือบางทีอาจจะอดบางมื้อ555) มันอาจจะเป็นเรื่องที่สำคัญหลายๆคนเพราะเรายังมีโอกาสได้ทานอาหารอีกมากมาย
แต่สำหรับผมแล้ว เพราะว่าเรายังมีโอกาสทานอีกมากมาย อาหารจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผม ซึ่งนอกจากเรื่อง "รสชาติ" แล้วผมยังใส่ใจกับคนขาย
หลายๆร้านที่ผมได้เข้าไปนั่ง ทุกๆอย่างก็เป็นไปอย่างราบรื่น (เท่าที่จะทำได้555) หรือบางทีคนขายก็อาจจะพูดจีนบ้างก็มีงงๆบางครั้ง (แต่สุดท้ายก็ได้กิน555) แต่หลายๆร้านนั้นยังขาดส่งที่สำคัญคือ "ปฏิสัมพันธ์" กับลูกค้า ใช่ครับ และนี่เป็นสิ่งที่ร้านอาหารหลายๆร้านไม่ใช่แค่ในไต้หวันยังขาดไป
ในมหาลัยของผมมี Cafeteria อยู่สองที่ ในช่วงพักเที่ยงนั้น Cafeteria ทั้งสองที่นั้นมักจะเต็มไปด้วยความโกลาหล ในตอนนั้นผมมากินข้าวคนเดียวและหลังจากที่เดินวนหาร้านที่อยากกิน ผมก็เลือกร้านบะหมี่ร้านหนึ่ง
เมนูในมหาลัยโดยปกติจะเป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้ว แต่ผมชอบที่จะฝึกภาษา ผมเลยมักจะพูดภาษาจีนก่อน ถ้าคำไหนติดก็จะพูด Eng ออกไป ร้านอาหารในมหาลัยที่มีเช่น ร้านบะหมี่ ร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านกระทะร้อนหรือ Teppanyaki แต่ว่ามีอยู่ร้านหนึ่งที่ผมคิดว่าเป็นร้านที่พิเศษที่สุดสำหรับผม ร้านนี้เป็นร้านบะหมี่เนื้อพนักงานขายเป็นคุณป้าคนหนึ่งที่ดูอัธยาศัยดีและยิ้มแย้มแจ่มใส พอผมสั่งอาหารเสร็จ คุณป้าก็ถามผมว่ากินที่นี่หรือกินข้างนอก ผมก็บอกไปว่ากินข้างนอก ทุกๆอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นและในตอนท้ายคุณป้าก็เอ่ยปากชมว่าภาษาจีนผมดีมากเลย ผมก็ยิ้มตอบนิดหน่อย หลังจากนั้นก็รออาหารสักพัก พอถึงคิวผมก็ลุกไปรับบะหมี่เนื้อและกลับมานั่งที่โต๊ะ
หลังจากที่หลายๆคนได้อ่านก็คงจะคิดว่า "มันก็ปกติไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นมีอะไรพิเศษเลย" ใช่แล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่พิเศษหรอก เป็นสิ่งที่ธรรมดาๆที่เกิดขึ้นโดยทั่วไปเวลาเราไปนั่งที่ร้านอาหาร แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมกลับรู้สึกว่าบะหมี่ชามนั้นอร่อยกว่าบะหมี่ทุกๆชามที่ผมได้กิน
"คุณค่าของอาหารไม่ได้อยู่เพียงที่รสชาติ"
นั่นเป็นข้อคิดที่ผมได้เรียนรู้จากบะหมี่ชามนี้
รสชาติของมันเหมือนกับบะหมี่ทั่วๆไป เส้นที่ไม่ได้พิเศษ เนื้อตุ๋นที่ไม่ได้พิเศษ น้ำซุปที่ไม่ได้พิเศษ ไม่มีอะไรที่โดดเด่นเลยในบะหมี่ชามนี้ เป็นเพียงบะหมี่เนื้อธรรมดาๆชามหนึ่ง แต่มันกลับเป็นบะหมี่ที่ผมสามารถจดจำมันได้ดีที่สุด จำได้ตั้งแต่วันแรกที่ผมได้เดินเข้าไปหน้าร้านและสั่งบะหมี่ชามนี้ รอยยิ้มของป้าทำให้ผมเห็นถึงความตั้งใจและความใส่ใจในลูกค้าของเธอ แม้ว่าผมจะเป็นลูกค้าในหลายพันคนในโรงเรียนนี้
ทุกๆครั้งที่ผมกินบะหมี่ชามนี้จนหมด ผมมักจะรู้สึกได้ว่าตัวเองได้รับกำลังใจ ทั้งกำลังสำหรับเรียนต่อในคาบบ่ายและกำลังใจที่ทำให้ผมมีความมุ่งมั่นที่จะเดินตามความฝันของผมต่อไป เพราะผมได้เห็นว่ายังมีคนดีๆแบบนี้อยู่ในสังคม คนที่มีความสุขเมื่อได้ขายบะหมี่ให้กับคนอื่นๆ
ปล. (ถ้ามีรูปป้าแล้วจะเอามาแปะ555)