ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธิ์การเรียนรู้ของผู้เรียน

ประเด็นที่ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหา

คณิตศาสตร์มีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์เป็นอย่างมาก การเรียนรู้และได้ฝึกทักษะการคิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบระเบียบแบบแผน ช่วยให้สามารถคิดวิเคราะห์ปัญหาและสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน รอบคอบ ทำให้สามารถคาดการณ์วางแผน ตัดสินใจและแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม คณิตศาสตร์จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข กระทรวงศึกษาธิการจึงได้กำหนดคุณภาพผู้เรียนเมื่อจบการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ว่าผู้เรียนต้องมีความรู้ ความเข้าใจ ในเนื้อหาสาระคณิตศาสตร์ มีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ ตระหนักในคุณค่าของคณิตศาสตร์และสามารถนำความรู้ทางคณิตศาสตร์ไปพัฒนาคุณภาพชีวิต ตลอดจนนำความรู้ทางคณิตศาสตร์ไปเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และเป็นพื้นฐานการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551, หน้า 50)

ถึงแม้ว่าคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่มีความสำคัญมากวิชาหนึ่ง แต่จากผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น พบว่านักเรียนประสบปัญหาในการเรียนมาโดยตลอด เนื่องจากธรรมชาติของคณิตศาสตร์ค่อนข้างยากเป็นนามธรรม การพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โดยพิจารณาหาแนวทางแก้ปัญหา และพัฒนาการเรียนรู้ ในเนื้อหาที่นักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ โดยการสร้างแบบฝึกทักษะ ที่ทำให้นักเรียนได้รับการพัฒนา บรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ตามที่กำหนดไว้

ดังนั้นผู้วิจัยจึงสนใจที่จะนำแบบฝึกทักษะมาใช้ในการเรียนการสอน เพราะแบบฝึกทักษะเป็นหนังสือเรียนในการเรียนทักษะเป็นอุปกรณ์การสอนที่ช่วยลดภาระของครูได้มาก ช่วยในเรื่องของความแตกต่างระหว่างบุคคล การให้นักเรียนทำแบบฝึกทักษะที่เหมาะสมกับความสามารถของเขาจะช่วยให้เด็กประสบความสำเร็จในด้านจิตใจมากขึ้น ช่วยเสริมให้ทักษะคงทนโดยการฝึกทันทีหลังจากเด็กได้เรียนรู้เรื่องนั้น ๆ ฝึกซ้ำ ๆ หลายครั้ง เน้นเฉพาะเรื่องที่ต้องการ ใช้เป็นเครื่องมือวัดผลการเรียนหลังจากจบบทเรียนในแต่ละครั้ง ขณะเมื่อเด็กทำแบบฝึกจะช่วยให้ครูมองเห็นจุดเด่น
หรือปัญหาต่าง ๆ ของเด็กได้ชัดเจน ซึ่งจะช่วยให้ครูดำเนินการปรับปรุงแก้ไขปัญหานั้นได้ทันท่วงที ส่วนการจัดแบบฝึกเป็นรูปเล่มจะทำให้เด็กสามารถเก็บรักษาไว้ใช้เป็นแนวทางเพื่อทบทวนด้วยตนเองได้ต่อ รวมทั้งช่วยให้เด็กได้ฝึกฝนตนเองได้อย่างเต็มที่

ผู้วิจัยจึงจัดทำแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ มาใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) เพราะแบบฝึกทักษะเป็นวิธีสอนอีกวิธีหนึ่งที่ครูสร้างขึ้น เพื่อดึงดูดให้นักเรียนสนใจทำแบบฝึกทักษะ เพราะในแบบฝึกทักษะมีทั้งคำถามและเฉลยในชุดเดียวกัน จึงเป็นการเสริมแรงให้นักเรียนอยากเรียนมากขึ้น เพื่อให้นักเรียนเกิดความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาที่เรียนมากขึ้น และเพื่อให้นักเรียนสามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ได้ ทำให้การเรียนการสอนคณิตศาสตร์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น